[World Update] สหรัฐ ทำโลกช็อค! ไม่มีอะไรค้ำประกันมูลค่าเงินดอลลาร์สักเซ็นต์ .....สมัยก่อนมนุษย์ ใช้สินค้าที่ตั้งมูลค่ามาแลกเปลี่ยนกันตรงไปตรงมา เช่น ข้าว 1 ถังแลกกับมะพร้าวกี่ลูกก็แล้วจะตกลงกัน ต่อมาใช้สิ่งหายาก เช

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

2 ก.พ. 2023 เวลา 08:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สหรัฐ ทำโลกช็อค! ไม่มีอะไรค้ำประกันมูลค่าเงินดอลลาร์สักเซ็นต์

.....สมัยก่อนมนุษย์ ใช้สินค้าที่ตั้งมูลค่ามาแลกเปลี่ยนกันตรงไปตรงมา เช่น ข้าว 1 ถังแลกกับมะพร้าวกี่ลูกก็แล้วจะตกลงกัน ต่อมาใช้สิ่งหายาก เช่น เปลือกหอย พัฒนามาเป็นแร่เหล็กหล่อเป็นรูปร่างต่างๆ นำไปแลกสินค้าที่ต้องการ

ถัดมาก็ใช้แร่หายาก เช่น ทองแดง ทองคำ เงิน ทำเป็นเหรียญ ใช้ไปแลกกับสินค้า แต่เมื่อมนุษย์มีจำนวนมากขึ้น ก็เกิดการเดินทางไปไกลขึ้น จนมาถึงยุคล่าอาณานิคมก็เกิดธนาคาร มีเงินตราชาวตะวันตก เม็กซิโก เป็นเงินกลางนานาชาติ

ปี 1918 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาติบิ๊กโฟร์ (บริติช ฝรั่งเศส สหรัฐ และอิตาลี) ฉวยจังหวะที่ชาติต่างๆ อ่อนแอ กำหนดกติกาของพวกเขาให้เป็นประเทศมหาอำนาจ ก่อการกำเริบ "สร้างกติการะเบียบโลกขั้วเดียว" มากมาย

เช่น ทางการเมือง ประดิษฐ์คำว่าประชาธิปไตย ขึ้นมา ถ้าชาติใดไม่มาสวามิภักดิ์จะถูกเรียกว่าเผด็จการ นอกจากนั้นยังสร้างกติกาทางทหาร วัฒนธรรม เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และสังคมของโลก

ด้านการศึกษา บังคับให้ชาติที่สวามิภักดิ์ บรรจุวิชาภาษาอังกฤษในหลักสูตรการเรียนทุกระดับ ส่วนทวีปแอฟริกา ถูกบังคับใช้ภาษาฝรั่งเศสในการเรียน และภาษาราชการ ด้านการแพทย์บังคับใช้ตำราและยาตำหรับตะวันตก

ที่สำคัญคือกติกา "เงินตรา" มีการใช้เครื่องพิมพ์หมึกลงกระดาษที่ชาติของตะวันตกที่ไม่มีมูลค่าอะไรเลย จากนั้นกำหนดตัวเลขลงไปในแบบพิมพ์ว่าจะให้กระดาษที่พิมพ์ออกมามีเลขจำนวนเท่าใด

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เงินตราทั่วโลกล่มสลายสับสนไปหมด สหรัฐ ก็สร้างกติกาใหม่ขึ้นว่าเงินของตน 35 ดอลลาร์ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ต่อ "แร่ทองคำ" หนัก 1 ออนซ์ แล้วให้สกุลเงินของประเทศต่าง ๆ มาผูกกับสกุลเงินดอลลาร์ด้วยค่าคงที่อีกที

จากนั้นบังคับให้ชาติที่สวามิภักดิ์ส่งทองคำของแต่ละชาติไปฝากไว้ที่คลังสหรัฐ อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย สหรัฐ รับประกันจะยืนเคียงข้างเสมอจะคุ้มครองทองคำให้ไม่ต้องกลัว

เมื่อสิ้นสุดสงครามเวียดนาม สหรัฐ ใช้ทองคำที่ฝากไว้ของชาติต่างๆ ไปจำนวนมาก "เหลือแต่ตัวเลขฝากแต่ไม่มีทองคำจริง" ทวงคืนก็ไม่ให้ ทองคำของไทยก็ไม่ได้คืนเช่นกัน

ที่สหรัฐอ้างทุกวันนี้ว่ามีทองคำมากที่สุดในโลกนั้น ก็คือบรรดาทองของชาติต่างๆ นั่นแหละ และปัจจุบันก็มีแต่ตัวเลขแสดงๆ อวดว่ามีแต่ไม่เคยมีใครสามารถตรวจสอบได้แม้แต่ธนาคารกลางสหรัฐ ก็ยากจะตรวจสอบ

เมื่อไม่มีแร่ทองคำเพียงพอในการค้ำประกันค่าเงิน สหรัฐ ก็ออกกติใหม่ว่าใช้ "แร่เงิน" ที่สหรัฐ ได้เปรียบเพราะมีเหมืองแร่เงินทั่วโลก ไม่เว้นแม่แต่ในเมียนมาร์

แต่แล้ว ความโลภ สหรัฐ ก็เปลี่ยนกติกาไปอีกโดยตกลงกับซาอุดิอาระเบียว่าใช้ "น้ำมัน" เป็นหลักประกันค่าเงินดอลลาร์ เรียกคำใหม่ว่า "เปโตรดอลลาร์" บังคับให้ชาติทั่วโลกที่จะซื้อน้ำมันต้องแลกเงินดอลลาร์เอาไปจ่ายให้ซาอุฯ

แล้วบังคับให้ซาอุฯ นำเงินดอลลาร์นั้นไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อีกต่อหนึ่งรับ 2 เด้งไปพร้อมกัน เงินดอลลาร์จึงครองโลกมายาวนานราว 5 ทศวรรษ

แต่เมื่อสหรัฐ เสพติดสงครามทำให้ขนเงินดอลลาร์ในประเทศไปทำสงครามทั่วโลก ส่งผลให้ต้องระดมเงินมากขึ้นเรื่อยๆ โดยการ "กู้ยืม" ต่างชาติในหลายรูปแบบ เช่น พันธบัตร ตราสารหนี้ ฯลฯ

จนหนี้สาธารณะสหรัฐ เกินกำหนดเพดานหนี้ 31.4 ไปเป็น 31.52 ล้านล้านดอลลาร์ หมายความว่าสหรัฐ มีหนี้สินล้นพ้นตัวขาดความสามารถชำระหนี้ เสี่ยงสูงผิดนัดชำระหนี้ และล้มละลาย

แต่กลับใช้กติกาพิลึกขออนุมัติสภาขยายเพดานหนี้ออกไปได้อีก โดยไม่มีที่สิ้นสุด และพิมพ์เงินเพิ่มโดยค้ำประกันตัวเองทำ QE แต่ขณะนี้สภาสหรัฐ ยังไม่อนุมัติให้ทำแบบนี้ได้

แต่หนี้ก็เกินเพดานไปแล้ว นั่นหมายความว่าตามทฤษฎีเงินดอลลาร์ขณะนี้ "มีค่าเท่ากับศูนย์" หลักฐานก็คือ ในเว็ปไซต์ Debt Clock ของกระทรวงการคลังสหรัฐ (ด้านขวา)

ตรงดาว Remark สีแดง จะไม่แสดงมูลค่าของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับน้ำมัน , แร่เงิน และแร่ทอง คือ ดอลลาร์ขณะนี้ไม่ควรมีค่าจะซื้อสิ่งเหล่านี้ได้เลย ไม่สามารถแลกกับน้ำมันสักหยดด้วยซ้ำ

ดอลลาร์ในประเทศสหรัฐ อันนั้นแล้วแต่เขา แต่ดอลลาร์สำหรับนานาชาติที่ถือไว้ในนาทีนี้ ก็คือ "ศูนย์เปล่า" ไม่มีอะไรค้ำประกันมูลค่าได้ เป็นการจินตนาการว่ามันมีค่าเท่านั้นเอง

แล้วแบบนี้สหรัฐ จะทำอย่างไร วิธีแก้คือสร้างกติกาตนเองขึ้นมาใหม่ เอาดอลลาร์ไปอิงเทียบค่ากับอะไรสักอย่าง แต่สิ่งนั้นคืออะไร? น้ำมัน แร่เงิน ทองคำ ก็ไม่ยอมรับเทียบค่าเงินดอลลาร์ไปแล้ว!

มีทางเดียวคือ สหรัฐ ตั้งกติกาว่า ดอลลาร์ใช้ค้ำประกันด้วยอาวุธ รถถัง ขีปนาวุธ จรวด แล้วจะคำนวนค่าอย่างไร? ชาติใดที่ถือครองดอลลาร์ไว้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ไม่ควรนิ่งนอนใจเรื่องนี้