ในปี 2565 จำนานผู้ใช้งานของ Meta อยู่ที่ประมาณ 3.7พันล้านคน หากเทียบกับประชากรผู้ใชงานอิเทอร์เน็ตทั่วโลกยกเว้นประเทศจีน (ประเทศจีนใช้แอปพลิเคชันของ Meta ไม่ได้) ซึ่งอยู่ที่ 4.3พันล้านคน จำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของ Meta ได้ครอบคลุม 86% ของผู้ใช้งานอิเทอร์เน็ตทั่วโลกเพราะฉะนั้น Meta ต้องหันมาเน้นการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหนึ่งผู้ใช้งาน (ARPU)
ในปี 2564 แอปพลิเคชัน WhatsApp ของ Meta มี ARPU ที่ 5.1ดอลลาร์สหรัฐซึ่งน้อยกว่า ARPU ของ WeChat ที่ 13.8ดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลหลักของความต่างคือ WeChat เป็น Super-App ซึ่งมี feature อื่นๆนอกจากการส่งข้อความเช่นบริการส่งอาหารหรือ mobile payment ถ้า Meta สามารถเปลี่ยน WhatsApp ให้เป็น Super-App Meta อาจสามารถยกระดับ ARPU ได้
3. Metaverse อาจเป็น S-curve อันใหม่ของ Meta:
จากการที่แอปพลิเคชันของ Meta ดึงดูดผู้ใช้งานรุ่นใหม่ได้ยาก Meta จึงต้องหันมาพัฒนาธุรกิจแบบใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบในอนาคต นับตั้งแต่ปี 2562 Meta ได้ลงทุนจำนวนเงิน 3.6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนา Metaverse เพื่อเป็น S-curve ตัวใหม่ให้กับ Meta ปัจจุบัน Metaverse ยังไม่ได้ทำกำไรให้กับ Meta และยังส่งผลต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงานเนื่องจากค่าใช้จ่าย R&D ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากแต่ถ้าประสบความสำเร็จอาจเป็น S-curve อันใหม่ให้กับ Meta
ที่มา: Business Insider, The New York Times, Meta, Forbes, Statista, Datareportal, CNBC, Seeking Alpha, Business of Apps