8 ก.พ. 2023 เวลา 08:41 • ธุรกิจ
ผมชอบที่จะใช้คำว่า CV (Curriculum Vitae) มากกว่า Resume
ผมเองไม่มีพื้นฐานเรื่องของการรับสมัครงาน แต่ก็เคยสมัครงานมาก่อน จากมุมมองของผม การเตรียมเอกสารสมัครงานและสอบสัมภาษณ์โดยเฉพาะในวัฒนธรรมตะวันตกจะเป็นประมาณนี้ครับ
> CV หรือ Resume นั้น
เป็นการเรียบเรียง ประวัติการศึกษาและการทำงานหรือกิจกรรมตามความเป็นจริงโดยมี Timeline เป็นแกนหลักในการเล่าเรื่องในแบบ chronological order นั่นคืออะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง
1
> Cover letter
อันนี้คือหัวใจสำคัญ ที่สำคัญเสียยิ่งกว่าตัว CV ด้วยซำ้
เพราะถ้าคนของบริษัทอ่าน CL ของคุณในเวลาเสี้ยววินาทีแล้วพบว่าคุณไม่มีคุณสมบัติตาม selection criteria ทางบริษัทกำลังมองหา
เขาจะไม่เสียเวลา อ่าน CV ของคุณเลย!
แล้ว CL ต่างจาก CV ยังไง?
-CV คือ ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ของตัวคุณ และถ้า CV ของคุณมีอะไรที่ไม่จริงและเป็นเท็จ
นอกจากคุณจะไม่ได้งานแล้ว คุณอาจมี “งานเข้า” ด้วย!
-CL คือ ทำหน้าที่เป็น “นักขาย” ให้ตัวคุณ
มันคล้ายๆ packaging ที่ห่อหุ้ม CV อีกที
หัวใจของการเขียน CL ก็คือ
“คุณต้องศึกษากิจการขององค์กรที่คุณสนใจทำงานให้
แล้วคุณก็นำเสนอ ทักษะ, ความรู้, ความสามารถ, ความถนัด, ความสนใจ ที่คุณมี
:What can you bring to the table?
:What contribution can you make?
คุณต้องแสดงให้เห็นว่า คุณสมบัติของคุณ มีความเหมาะสมกับองค์กร และ selection criteria ที่ทางบริษัทลงประกาศโฆษณาไว้ ให้ได้มากที่สุด
และคุณต้องพยายามเขียนมันออกมาในแนว
“achievement oriented”
นั่นคือ
“ชีวิตการเรียนและการทำงานของคุณ มีอะไรที่เป็นความสำเร็จบ้าง
และความสำเร็จนั้น มีคุณค่าต่อองค์กรมากน้อยเพียงใด?”
มันเป็นแบบนี้ครับ
> ถ้าเขาสนใจ CL ของคุณ, เขาจะเริ่มเปิดอ่าน CV ของคุณ
> ถ้าเขาสนใจ CV ของคุณ, เขาจะเรียกคุณมาสัมภาษณ์!
ข้อแนะนำเพิ่มเติมของผมคือ
1) ผมมองว่าการนำเสนอตัวเองในการสมัครงานควรเป็นลักษณะ action oriented กล่าวง่ายๆคือ คุณลงมือแก้ปัญหาอย่างไร และที่ bottom line คุณมี contribution ใด และมีผลสำเร็จใดให้กับทีมหรือองค์กรของคุณ ในฐานะของสมาชิกที่ทรงประสิทธิภาพ คุณควรแสดงตนเป็น solution provider ครับ
2) เทคนิคหนึ่งที่ผมเคยได้ยินมาคือ STAR ครับ
S: Situation
T: Task
A: Action
R: Result
สมมุติว่า คุณอยู่ในรายการ reality show แข่งทำอาหาร โจทย์คือการทำอาหารทะเลที่ใช้ปลาเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งโจทย์คือ Situation, ต่อมาภาระหน้าที่หรือ Task ของคุณคือ การเตรียมส่วนประกอบทั้งหมดของจานนั้น เช่นคุณจะทำปลาผัดขึนฉ่าย คุณก็ต้องสามารถไล่เลียงส่วนประกอบของเมนูนี้ ทั้งที่เป็นเนื้อปลา, ผักต่างๆ, ซอสปรุงรส, เครื่องปรุงรส รวมถึงอุปกรณ์เครื่องครัวที่ต้องใช้ในการปรุง
ต่อมา Action ของคุณคือการนำเสนอการปรุง ซึ่งอาจเริ่มต้นจากการเลือกปลาและแล่ปลา, การล้างผักและหั่นผักต่างๆ, การเตรียมกระทะ, ขั้นตอนการผัด จนถึงการตกแต่งจาน
Result คือ ผลงานที่ตอบโจทย์หรือ Situation นั้น ออกมาเป็นอย่างไร อะไรคือ ผลงาน หรือ achievement ที่คุณมี contribution ให้กับองค์กรของคุณ
2) ทักษะที่ควรนำเสนอในการสมัครงาน
โฆษณา