9 ก.พ. 2023 เวลา 17:56 • หนังสือ

แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]

Ch16: เจนิเวร่า วิสลี่ย์
จากแฟนคลับสู่แฟนตัวจริง
ไม่ใช่เราทุกคนที่สามารถเลื่อนขั้นจากแฟนคลับไปเป็นแฟนตัวจริงได้ แต่ก็มีบางคนที่ทำสำเร็จ
หากเปรียบเทียบแฮร์รี่เป็นโกคู จินนี่ก็เหมือนจีจี้ เพราะแม้เธอจะแต่งงานกับพระเอกแต่ไม่ใช่นางเอก สเนปว่าบทน้อยแล้ว-จินนี่แม่งบทน้อยยิ่งกว่าอีก! ขนาดว่าก่อนเล่ม 7 จะออก เมื่อพูดถึงจินนี่ผมถึงกับต้องขมวดคิ้วเลยว่า "ใครวะ?" ก่อนจะร้อง "เอ๋อ!!" ขึ้นมา เพราะวีรกรรมเดียวที่ผมจำเธอได้แม่นก็คือ มุขจีบหนุ่มสุดห่วย ขนาดในภาค 2 เธอเป็นบอสตัวสำคัญในฐานะที่เป็นร่างหุ่นเชิดของโวลเดอร์มอร์แท้ๆ แต่ผมก็เกือบไม่สังเกตเห็นเธอจนกว่าแฮร์รี่จะหาเธอเจอในห้องแห่งความลับ หลังจากนั้นเธอก็หายไปในกลีบเมฆ
จนถึงราวๆ ภาค 5 เธอก็โผล่มาพอให้มีบท 'บ้าง' แต่ก็แทบไม่สำคัญอะไร จนกระทั่งเล่ม 6 ก็ให้แฮร์รี่เริ่มสนใจเธออย่างป่ะปราย แต่ก็ยังงั้นๆ เพราะแฮร์รี่ทำท่าจะสนใจเดรโกกับสเนปมากกว่า ขนาดว่าจูบจินนี่ไปแล้วยังมาวนๆ กับเรื่องเดรโกและสเนปอีกทำให้จินนี่หายไปกับเมฆหมอกอีกครั้ง ทำให้ผมคำรามว่า "นี่บทบาทแฟนพระเอกเหรอวะ?" และอย่างที่ทุกท่านทราบครับ--พระเอกของเราเลือกไม่ได้ซักทีเขาเลยหนีไปด้วยกันเลย จินนี่จึงเข้าวินด้วยประการฉะนี้
ทั้งหมดนี้สร้างความขุ่นใจให้บรรดาเมียมโนของแฮร์รี่ไม่น้อย แม้ส่วนตัวผมไม่ติดใจอะไรที่แฮร์รี่ได้กับจินนี่เพราะผมชินกับมุขการ์ตูนโชเน็นยุคเก่าที่พระเอกมักได้กับตัวประกอบ แต่ก็พอจะเก็ตว่าทำไมแฟนๆ จำนวนไม่น้อยเกลียดจินนี่เอามากๆ เพราะอารมณ์เหมือนแฟนเกิร์ลดราก้อนบอลทุกวันนี้เกลียดไมที่อยู่ๆ คนเขียนก็ยัดเข้ามาเป็นแฟนทรังค์ เนื่องจากนักอ่านหญิงต้องการเรื่องโรแมนติก ตัวละครต้องมีโมเม้นท์ต่อกันพอที่จะเห็นพัฒนาการของความสัมพันธ์ ไม่ใช่ยัดมางงๆ แบบ "ไม่รู้ว่าไปรักตอนไหน?"
เอาจริงๆ หากอ่านดีๆ จะพบว่าจินนี่มีคาแรคเตอร์ตามมาตรฐานที่ JK Rowling วางไว้ในนิยายของเธอคือ "เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่สังเกตเห็นและหลงใหลผู้ชายคนนั้นและยังต้องการจะเอามาให้ได้" ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเธอมีพี่ชาย 6 คน ซึ่งก็เป็นจิตวิทยาทั่วไปที่ผมพบคือเด็กผู้หญิงที่โตมากลับพี่น้องผู้ชาย มักจะมีพฤติกรรมบางอย่างคล้ายเด็กผู้ชายไปจนถึงการแต่งกาย และพวกเธอมักใจซื่อ--ไม่ปิดบัง ประกอบกับผู้ชายมักเป็นฝ่ายรุกในความสัมพันธ์ จินนี่จึงเริ่มต้นความสัมพันธ์กับแฮร์รี่ด้วยการบุกไปจีบเขาเลย
มุขรึปลอกหอยกันเนี่ย ("- -)
"ดวงตาเขาสีเขียวเหมือนคางคกดองสด ผมของเขาสีเข้มเช่นกระดานดำ.." อ่านครั้งแรกผมก็ถึงกับร้องว่า "อิห่า" ไม่รู้จะงงคอมม่อนเซ้นส์จินนี่หรืองงคอมม่อนเซ้นส์ของโลกผู้วิเศษดีเพราะมันตลกมาตั้งแต่เนื้อเพลงฮอกวอร์ตแล้ว เธอคลั่งใคล้เขามากถึงขั้นแต่งกลอนจีบเขาระดับตำนานจีบเขา ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แฮร์รี่เมินเธออย่างหนักตลอดหลายปี ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะหากสองคนนี้สลับเพศกันผมคงบอกจินนี่ว่า
"เขาไม่ถีบมึงก็บุญแล้ว"
จริงๆ ผมแอบคิดว่าถ้าจินนี่เริ่มต้นกลอนด้วย "His eyes are green as shining emerolds. His hair so dark as Ligthloss..." นางคงไม่ต้องถอยไปตั้งหลักนานขนาดนั้น เพราะแฮร์รี่จะไม่ต้องกระอักกระอวนมากนัก และการมีเด็กผู้หญิงน่ารักๆ แอบชอบมันก็รู้สึกดีจะตาย เผลออาจจะลงเอยกันเร็วขึ้นด้วย แต่นั่นแหละ เรื่องเป็นแบบนั้นไปแล้ว หลังเหตุการณ์ในเล่ม 2 นี้เราจึงไม่พบอะไรที่บ่งชี้ว่าเธอยังหลงใหลแฮร์รี่หรือยังแอบชอบแฮร์รี่อีกเลย จนกว่าจะท้ายเล่ม 6 ที่เธอสารภาพว่าเธอไม่เคยตัดใจจากเขาได้
ที่จริงอาจเป็นเพราะ JK Rowling ต้องการตัดบทของเธอออกไปก่อนจึงปล่อยให้เธอทำสิ่งที่น่าอับอายจนไม่กล้าตามตื้อแฮร์รี่ เพราะหากไม่ทำแบบนี้การเขียนคงจะเป็นไปอย่างยุ่งยากแน่ๆเพราะต้องพยายามให้จินนี่มีบทมากๆ สมกับที่เป็นผู้หญิงของแฮร์รี่ ช่วงที่เธอต้องหลบไปเลียแผลนี่แหละคือตอนที่เฮอร์ไมโอนี่เข้าไปสอนมารยาหญิงให้จินนี่ผู้กระโดกกระเดกราวกับผู้ชาย และสอนวิธี "อ่อยแบบไม่ต้องอ่อย" หรือชัดๆ "อ่อยแบบมีชั้นเชิง" นั่นคือการทำเมินเหมือนที่เธอ (และลิลี่) ทำกับผู้ชายที่ชอบ
แน่นอนว่างานนี้มีแฟนๆ จำนวนหนึ่งอ้างว่า JK Rowling จะไม่ทำให้ผู้หญิงปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อผู้ชายเพราะเธอเป็นเฟมมินิสต์ (ผมก็เจอคนที่คอมเมนต์แบบนี้ในเวปต่างประเทศไม่น้อย) ซึ่งตลกจริงๆ ที่มีคนเข้าใจไปแบบนั้น อย่างที่ผมเคยบอกในตอนของลิลี่ การที่ผู้หญิงในเรื่องนี้พยายามจับผู้ชายไม่ได้ทำให้พวกเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี JK Rowling เป็นเฟมมินิสต์ในแง่ที่ว่า "ผู้หญิงสามารถออกแบบชีวิตแต่งงานของเธอได้" ถ้าผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้ ไม่ใช่ประกาศว่าไม่ต้องการผู้ชายแล้วโวยวายเวลาที่ผู้ชายไม่เลือกตน
ในมุมมองของเฟมมินิสต์ยุค 60 อย่าง JK Rowling การที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายวางแผนจับผู้ชายมันคือสัญลักษณ์ของความเท่าเทียม ตัวละครหญิงในเรื่องราวของเธอจึงเป็นฝ่ายบุกไปชอบผู้ชายและลงเอยกับผู้ชายที่พวกเธอชอบแต่แรกเริ่ม หรือถ้าพวกเธอเดทกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่รักแรก--สุดท้ายพวกเธอก็มักจะจบลงที่ตัวเองเลิกกับผู้ชายที่ว่าแล้วไปแต่งงานกับผู้ชายคนที่ตัวเองชอบตั้งแต่เริ่มแรกแม้บางคนจะทำเป็นไม่สนใจผู้ชายคนนั้นก็ตาม หรือถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้นก็เป็นโสดไป
พวกเธอล้วนออกแบบชีวิตของตนและรับผลจากการเลือกอย่างเท่าเทียม เมโรเพและไอลีนมีสิทธิที่จะเลือกและต้องน้อมรับผลของการเลือกนั้น ลิลี่มีสิทธิที่จะเลือกผู้ชายของเธอไม่ว่าใครจะมองยังไง จินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็เช่นกัน พวกเธอพยายามจีบ และเอาชนะผู้ชายคนนั้นในที่สุด เฟมมินิสต์ในยุคของ JK Rowling นั้นต่อสู้เพื่อความเสมอภาค ไม่ได้ต้องการสิทธิพิเศษหรือการได้เปรียบเหมือนนักเคลื่อนไหวทุกวันนี้ สิ่งที่พวกเธอต้องการคือพิสูจน์ตนเอง และพวกเธอต้องการค่าแรงเท่ากับผู้ชายด้วยการทำงานที่หนักเท่ากับผู้ชาย
อย่างไรก็ดี ผมพูดตามตรงว่าเหตุผลหลักๆ เลยที่คนรักของแฮร์รี่เป็นจินนี่เพราะ JK Rowling ได้เซ็ตให้แฮร์รี่พบครอบครัวที่แท้จริงในความรู้สึกของเขานั่นก็คือพวกวิสลี่ย์ เธอต้องการให้แฮร์รี่สมหวังในท้ายที่สุดคือการเป็นลูกบ้านนี้แล้วดันทะลึ่งให้ทั้งบ้านมีลูกสาวคนเดียว จะเอาแฮร์รี่ไปแต่งงานกับรอนมันก็ไม่ใช่รึเปล่าวะ จินนี่จึงเป็นหวยล๊อคที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นให้ลงเอยกับพระเอก
ว่าแล้วคนเขียนก็เซ็ตให้แฮร์รี่เหมือนพ่อมากพอที่คนอ่านจะเออออห่อหมกกับการที่แฮร์รี่ได้เป็นผัวสาวผมแดงเหมือนที่พ่อได้เป็นผัวแม่ซึ่งผมแดงเช่นกัน
ที่แน่ๆ เฟมบางคนในนิยายถึงขั้นสารภาพว่าใช้ยาเสน่ห์ XD
มอลลี่ไง คิดว่าใครล่ะ?
มีแฟนๆ จำนวนหนึ่งเชื่อว่าแฮร์รี่แต่งงานกับจินนี่เพราะเธอใช้ยาเสน่ห์กับเขาและเกลียดเธอจากสิ่งนั้น ทั้งนี่อ้างอิงจากสิ่งที่มอลลี่ วิสลี่ย์พูดเป็นนัยย์ๆ ซึ่งแม้จะไม่มีหลักฐานว่าเธอใช้มันกับอาเธอร์ แต่จากรูปการและบริบทของสถานการณ์มันค่อนข้างชี้ไปแบบนั้น เพราะหาก JK Rowling ไม่ต้องการสื่อแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะใส่อาเธอร์เข้ามาในฉากและวางบริบทเพื่อให้ดูเหมือนกับว่ามอลลี่กำลังหมายถึงเขา
อย่างไรก็ดีผมหวังว่าพวกเขาจะมีความรักที่แท้จริงก่อนการแต่งงานนะ (หวังจริงๆ) เพราะดาร์กเกินไปที่จะคิดว่ามอลลี่อาจข่มขืนอาเธอร์อย่างน้อย 6 ครั้งเพื่อผลิตลูก 7 คน หรืออย่างน้อยที่สุด--ข่มขืน 1 ครั้งแล้วเอาลูกคนแรกมาบังคับให้อาเธอร์เป็นพ่อซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับอาเธอร์เลย แต่นั่นแหละ โลกผู้วิเศษดูเหมือนจะยอมรับว่าข่มขืนเป็นสิ่งถูกต้องเพราะยาเสน่ห์ถูกบรรจุไว้ในตำราเรียนและนักเรียนต้องทดลองทำมันในภาคปฏิบัติ ดังนั้นไม่แปลกที่แฟนๆ ที่เกลียด/อิจฉาจินนี่จะกระโดดไปสู่ข้อสรุปนั้นอย่างง่ายดาย
มีโอกาสมากแค่ไหนที่เธอจะใช้ยาเสน่ห์?
คำตอบคือ 50-50 ครับ ถ้าใช้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปมันจะมีอาการเหมือนค่อยๆ ตกหลุมรัก แต่ถ้าใช้มากความหลงก็จะรุนแรง ผมไม่คิดว่าเธอจะใช้กับแฮร์รี่ตรงๆ แต่น่าจะใช้กับคนอื่นมากกว่า ซึ่งเป้าหมายก็เพื่อยั่วยวนให้แฮร์รี่หันมาสนใจเธอว่า "เฮ้! ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอป๊อปปูล่า!" ซึ่งมันก็จริง เพราะไม่มีจุดไหนที่บ่งชี้ว่าจินนี่ป๊อปปูล่าจนกว่าจะผ่านไปครึ่งเล่ม 6 แล้วจึงมีเบาะแสผ่านการพูดคุยว่าจินนี่เริ่มสวยและป๊อปปูล่าขึ้น กระเธอเริ่มจะหายไป บลาๆๆ กลายเป็นคำถามว่า "อยู่ๆ ก็ป๊อปขึ้นมาเหรอ?"
คือตามท้องเรื่องนี่ยุค 90 นะ ซึ่งจะว่าไปในมังงะแนวใสๆ รักวัยยุคนั้นรุ่นมักเริ่มต้นออร่าความโรแมนติกช่วงอายุราว 13-14 เพราะเด็กผู้หญิงเริ่มแตกเนื้อสาว ผิวเปล่งประกายและกำลังเริ่มสนใจผู้ชาย ถ้าจินนี่เป็นสาวสวยที่ต่อไปจะป๊อป แฮร์รี่ควรเริ่มได้ยินข่าวเกี่ยวกับเธอตอนเล่ม 4 อย่างช้าสุดคือหลังงานเลี้ยงเต้นรำที่คนจะพูดถึงความสวยของเธอในชุดราตรีแม้ว่าแฮร์รี่จะเห็นแต่แม่หนู "ชิว จาง (โช แชง) " ก็ตาม อยู่ๆ มันจะป๊อปขึ้นมาโดยไม่มีคำเตือนมาก่อนได้เหรอ!?
เธอน่าจะใช้ยาเสน่ห์จริงๆ เพราะมันคือคำแนะนำของแม่ในตอนเล่ม 3 ที่จะปูไปสู่การตัดสินใจในเล่มต่อๆ ไปของเธอ แต่เธอไม่ได้ใช้กับแฮร์รี่ เพราะเธอไม่ควรโง่พอที่จะทำ การใช้ยาเสน่ห์ทำให้เกิดความลุ่มหลงและความลุ่มหลงไม่ใช่ความรัก จินนี่เป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยกับลูน่าและเฮอร์ไมโอนี่ เธอควรจะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมว่าเธอควรทำให้แฮร์รี่สนใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด้วยยาเสน่ห์ และคำพูดของเธอในเล่ม 6 ก็ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ใช้ยา เธอแค่ทำให้เขาสังเกตเห็นเท่านั้น
ดังนั้นการบอกว่าแฮร์รี่โดนยาเสน่ห์เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ยุติธรรมกับจินนี่ เพราะแม้จะมีบทน้อยแต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า "เธอถูกวางมาเป็นเด็กผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี" ผ่านผู้พิทักษ์รูปม้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความภักดีและเป็นอิสระ แม้เธอจะไม่มีบทมากมายแต่เธอก็ไร้ข้อตำหนิในแง่คุณธรรม เราเห็นเธอไปงานเต้นรำกับเนวิลล์เพราะสงสารเขา พยายามปลอบแฮร์รี่ในเล่ม 5 ว่าเขาไม่ได้ถูกโวลเดอร์มอร์ควบคุม และเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่นั่งสวยไปวันๆ เธอเป็นขาลุยที่เล่นควิดดิชและนำชัยชนะมาให้กริฟฟินดอร์
ถูกเลี้ยงท่ามกลางผู้ชายนี่นะ
ในเล่ม 5 เธอได้รับการยอมรับในกองทัพดัมเบิลดอร์ว่าเธอมีศักยภาพสูง รูปร่างและเพศไม่ใช่อุปสรรคในการฝึกฝนต่อสู้ ในเล่ม 7 เธอเข้าร่วมกับเนวิลล์และลูน่าเพื่อขบถต่อสเนป (เป็นการเข้าใจผิด) ซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่กลัวการถูกลงโทษ แน่นอนว่าไม่ฉลาดแต่ก็นับถือในความกล้าหาญ และเธอมีส่วนร่วมในสงครามและพิสูจน์ตัวเองในการต่อสู้กับเบลลาทริกซ์ที่แม้จะสู้ไม่ได้แต่ก็ได้พยายามแล้วและทำได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เราจะเห็นว่าผู้หญิงไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษใดๆ วัดกันที่ความสามารถล้วนๆ
โลกเวทมนตร์จึงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานความต้องการของเฟมมินิสต์ยุค 60 นั่นคือไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิงหรือ LGBT+ ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นปัญญาอ่อน พิการ วิกลจริต หรือเป็นออทิสติก โลกเวทมนตร์ให้ความสำคัญกับเวทมนตร์เท่านั้น พวกเขาไม่สนว่าควรใจดีและอำนวยความสะดวกให้คนที่พิการหรือบกพร่อง ใครอ่อนแอก็แพ้ไป เราจึงเห็นมูดดี้ถูกล้อเลียนอย่างใจร้ายในเล่ม 5 จนถึงลูน่าและที่ถูกรังแก และบางทีลิลี่อาจได้รับค่านิยมนี้ไปด้วยโดยไม่รู้ตัวเลยดูไม่จริงใจในการช่วยสเนปและคงคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว
และเรารู้ว่าจินนี่เป็นคนที่จิตใจสูง เธอไม่ขัดข้องที่แฮร์รี่จะตั้งชื่อลูกชายคนที่สองด้วยชื่อของอาจารย์สองคนที่ตายไปแล้ว จริงๆ ผมสงสัยว่าแฮร์รี่น่าจะต้องการตั้งชื่อลูกชายคนที่สองว่า "เซเวอรัส" ถ้าตัดสินจากวิธีที่เขาพูดกับอัลในตอนท้ายเล่ม และคงเป็นจินนี่ที่แนะนำว่าให้ "อัลบัส" เป็นชื่อแรกและเซเวอรัสเป็นชื่อกลางเนื่องจากเซเวอรัสเป็นชื่อที่มีมลทิลในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ผมพิจารณาจาก IQ และความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ของเธอในภาคเด็กต้องสาปนั่นที่ทำเอาผมอยากถีบแฮร์รี่เลยทีเดียว
ในช่วงเวลาของเด็กต้องสาป--แม้จะไม่เป็น canon แต่มันก็สื่อเจตนารมณ์ของ JK Rowling อย่างชัดเจนว่าเธอต้องการให้แฟนเห็นเรื่องราวในมุมมองกลางอย่างไร ในภาคนี้เราได้เห็นแฮร์รี่ในมุมมองกลางจริงๆ ที่ทำให้หลายคนถึงกับผิดหวังในตัวแฮร์รี่ (ติไม่ได้ เพราะแฮร์รี่ก็ไม่มีตัวอย่างดีๆ ให้ดู) และเราได้เห็นว่ามากแค่ไหนที่จินนี่เคียงข้างและประคับประคองครอบครัว เธอรู้ว่าเมื่อไหร่ควรทำเป็นไม่เห็น เมื่อไหร่ควรใส่ใจ เมื่อไหร่ควรส่งเสริมหรือคัดค้าน
แฮร์รี่ไม่ใช่คนเดียวที่ทุกข์ทรมานกับบาดแผลในอดีต ทุกคนต่อสู้และพยายามฟื้นตัวจากมัน และในฐานะผู้คนที่ผ่านสงครามมาและมี PTSD จินนี่ไม่เพียงรับมือกับมันได้ดีมากเธอยังช่วยเหลือสามีของเธอและพยุงเขาก้าวข้ามอุปสรรค ถ้าไม่มีจินนี่แฮร์รี่อาจจะไม่สามารถก้าวต่อไปได้เพราะเขาบอบช้ำจากมันมากจริงๆ เมื่อก่อนเธออาจจะเป็นเพียงแฟนคลับที่เพ้อเจ้อไปวันๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เติบโตขึ้นและสามารถทำตัวให้คู่ควรกับการเป็นแฟนตัวจริงได้
โฆษณา