14 ก.พ. 2023 เวลา 12:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

บทบาทของ AI ที่จะเปลี่ยนการออกแบบ

ในช่วงระยะเวลานี้ การมาเยือนของโปรแกรม AI ที่แปลงคำให้เป็นภาพอย่าง Midjourney, DALL-E หรือ Stable Diffusion อาจสั่นสะเทือนวงการออกแบบไม่ใช่น้อย จนเกิดคำถามไปต่าง ๆ นานาถึงผลกระทบของสายอาชีพดังกล่าว
แต่เมื่อมองไปยังวิธีการใช้งานจากตัวโปรแกรมให้ดี ๆ ก็ค้นพบว่า อันที่จริงแล้วความสามารถของมันอาจช่วยทำให้นักออกแบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งประโยชน์ของโปรแกรมที่แปลงคำให้เป็นภาพอันดับแรก คือ ทำให้นักออกแบบและลูกค้าสามารถเห็นภาพงานออกแบบโดยรวมจาก concept ที่ออกแบบไว้ได้เร็ว และทำให้นำเวลาที่เหลือไปตัดสินใจในเรื่องอื่น
เช่น จากเดิมที่โดยปกติแล้ว เวลาทีมออกแบบจะพรีเซ็นต์งานกับลูกค้า จะต้องทำภาพงานออกแบบให้ดูเสมือนจริง ซึ่งต้องใช้แรงงานคน และยังมิวายว่าต้องมีการปรับแก้งานตามคอมเม้นต์ของลูกค้าตลอด การใช้โปรแกรม AI ในการประมวลภาพจะช่วยลดการใช้แรงงานตรงขั้นตอนนี้
อีกทั้ง พลังของเทคโนโลยีในการประมวลภาพของ AI ที่ประมวลภาพได้เร็วและเยอะ จะช่วยทำให้เวลานักออกแบบสเก็ตช์งาน จะสามารถผสมผสานสไตล์การออกแบบต่าง ๆ ลงไปในงานสเก็ตช์ได้เยอะขึ้น ช่วยสร้างตัวเลือกในการตัดสินใจให้แก่ลูกค้าได้เยอะ
แต่ถึงแม้ AI ดูจะช่วยงานนักออกแบบได้มาก ทว่าตัวโปรแกรมเองยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องของการมีความเข้าใจในผู้ใช้งาน (user) ที่มีหลากหลายประเภท พูดอีกอย่างคือ AI ประมวลภาพได้ แต่ยังขาดความเข้าใจพฤติกรรม/ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีต่องานออกแบบ (ผลิตภัณฑ์ / อาคาร)
ถึงอย่างไรในอนาคต AI ก็อาจจะพัฒนาจนก้าวข้ามข้อจำกัดนี้
จากที่กล่าวมาโดยรวมแล้วอาจทำให้เราพอเห็นอนาคตของการทำงานออกแบบที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการเป็นนักออกแบบในอนาคตอาจจะไม่ใช่แค่ทำให้ชิ้นงานออกแบบสวยงามได้แล้วเท่านั้น แต่เน้นที่กระบวนการคิด การรู้จักผสมผสานสไตล์
เช่น มีความเข้าใจถึงเหตุและผลว่าทำไมต้องผสมสานสไตล์การออกแบบลักษณะนี้ลงในงานออกแบบ หรือรู้ว่าผสมผสานสไตล์การออกแบบประเภทต่าง ๆ อย่างไรแล้วจะลงตัวในด้านความสวยงาม และยังตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เป็นต้น
การมาเยือนของ AI นอกจากจะทำให้นักออกแบบต้องปรับวิธีการทำงานแล้ว แน่นอนว่าการพัฒนาของ AI ย่อมส่งผลถึงวิธีการทำงานต่อวงการอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องคิดและเรียนรู้ ปรับตัว
อ้างอิง
โฆษณา