Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Lumpsum : ที่ปรึกษาวางแผนการเงินส่วนบุคคล
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2023 เวลา 11:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เคล็ดลับเลือกหุ้นให้เหมือนเลือกแฟน
มีคนถามมาเยอะว่าถ้าต้องการลงทุนในหุ้นจะมีวิธีเลือกยังไง วันนี้แอดมินมีเคล็ดลับเลือกหุ้นดีให้เหมือนเลือกแฟนมาฝาก จะได้เข้ากับบรรยากาศสัปดาห์แห่งความรักค่ะ 🥰
1. สืบประวัติให้แน่ใจ (Check Background)
เราต้องทราบว่า คนหรือหุ้นที่เราจะเลือกมีคุณสมบัติหรือมีประวัติอย่างไร เช่น เขาเป็นใคร มาจากไหน ทำธุรกิจอะไร ลักษณะธุรกิจเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ถือหุ้น มีธรรมาภิบาลไหม ธุรกิจที่ทำเป็นตลาดผูกขาดหรือไม่ การแข่งขันเป็นอย่างไร มีสินค้ามาทดแทนได้ไหม คู่แข่งจะเข้ามาง่ายหรือเปล่า และที่สำคัญอำนาจการต่อรองของผู้ซื้อเป็นอย่างไร ถ้าผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองสูง ราคาสินค้าหรือบริการก็ถูกลง กำไรก็น้อยลง รวมถึงอำนาจการต่อรองกับผู้ผลิตเป็นอย่างไร ถ้าผู้ผลิตมีอำนาจต่อรองสูงต้นทุนก็จะสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังต้องดูทรัพย์สินของเขา (ดูงบการเงิน) อย่างละเอียดด้วย เช่น เขามีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีทรัพย์สินเท่าไหร่ มีหนี้สินมากหรือน้อย การดำเนินงานมีผลประกอบการเป็นอย่างไร ยอดขายและกำไรดีไหม รายได้ของธุรกิจเติบโตขึ้นทุกปีหรือไม่ กระแสเงินสดเป็นอย่างไร โดยต้องดูข้อมูลเหล่านี้ย้อนหลัง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ควรดูตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ยิ่งดูย้อนหลังนานเท่าไหร่ ยิ่งดี
2. ประเมินความเสี่ยง (Check Risk)
ต้องดูความเสี่ยงของคนที่เราจะคบว่ามีอะไรบ้าง ต้องระวังเรื่องใดเป็นพิเศษ เปรียบเหมือนหุ้นที่เลือก เราต้องเผชิญความเสี่ยงอะไรในตัวบริษัทนั้นบ้าง เช่น หากเป็นบริษัทส่งออก เรื่อง “ค่าเงินบาท” ย่อมมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัท หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น น้ำมัน การเมือง โรคระบาด จะส่งผลกระทบเชิงบวกหรือลบต่อบริษัทอย่างไร เราต้องศึกษาและติดตามความเสี่ยงหรือปัจจัยที่จะกระทบต่อบริษัทที่จะซื้อหุ้นด้วย
3. เหมาะกับฐานะเรา (Check Financial Condition)
ควรเลือกหุ้นที่มั่นคงและมีโอกาสเติบโต รวมถึงต้องดูด้วยว่า ราคาหุ้นแพงไปแล้วหรือเปล่า โดยต้องหามูลค่าที่แท้จริง เพื่อซื้อในราคาที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป เช่น ดูค่า P/E ว่าถูกหรือแพง โดยประเมินจุดคุ้มทุน กล่าวคือ ถ้าหุ้น A ราคา 10 บาท มีกำไรต่อหุ้น 1 บาท ค่า P/E จะเท่ากับ 10 เท่า นั่นหมายความว่า หากกิจการมีกำไรต่อหุ้นคงที่ และจ่ายเป็นปันผลทั้งหมด เราต้องถือหุ้นตัวนั้น 10 ปี จึงจะคืนทุน ดังนั้น การดูค่า P/E ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเลือกซื้อหุ้นได้
นอกจากนี้ ก็อาจจะดูค่า P/BV หรือราคาตลาดของหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นของกิจการ หากค่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า หมายความว่านักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท ดังนั้น นักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีค่า P/BV ต่ำกว่าค่า P/BV เฉลี่ยของอุตสาหกรรม เพื่อให้ได้หุ้นที่มีราคาตลาดไม่สูงเกินมูลค่าทางบัญชีมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่สามารถดูเพียงค่า P/E หรือ P/BV อย่างเดียวได้ ต้องพิจารณาอัตราส่วนทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยเสมอ
4. มีอนาคตร่วมกัน (Check Future)
หุ้นที่เราจะเลือกมีโอกาสจะเติบโตหรือไม่ ถ้ามีโอกาส เราจึงยอมจ่ายเงินซื้อ มูลค่าหุ้นมาพร้อมกับโอกาสที่จะเกิดขึ้น ต้องใช้เวลาเรียนรู้ มองภาพในอนาคตของบริษัทให้ออก และพิจารณาศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของบริษัทด้วย
ซึ่งหากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นมองภาพในอนาคตของบริษัทอย่างไร สามารถเริ่มต้นได้จากงาน “บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน” (Opportunity Day) โดยบริษัทต่างๆ จะมาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและการดำเนินงานของบริษัท หลังการประกาศงบการเงินของบริษัทในทุกๆ ไตรมาส ซึ่งจะทำให้เห็นแนวโน้มและโอกาสในอนาคต เราจึงควรไปฟังข้อมูล และหยิบประเด็นเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อว่าใช่หรือไม่
เมื่อเลือกหุ้นที่โดนใจได้ และเข้าใจหุ้นตัวนั้นแล้ว ก็วิเคราะห์ต่อว่า ประเด็นหลัก (Theme) ที่ทำให้หุ้นตัวนั้นน่าสนใจมีอะไรบ้าง เพราะการลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นเด่นๆ หรือ มีเรื่องราวที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ เปรียบเหมือนเรานั่งในรถยนต์คันหนึ่งจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ถ้าจะวิ่งถึงเป้าหมายได้ เครื่องยนต์ต้องดีและมีสมรรถนะที่มั่นคง ดังนั้น Theme การลงทุนที่ดี ก็คือเครื่องยนต์ที่ดีซึ่งจะช่วยให้เรานั่งรถคันนั้นด้วยความอุ่นใจว่า หุ้นตัวนั้นมีโอกาสที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายได้นั่นเอง
#แอดมินเก๋
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การเงิน
วางแผนการเงิน
หุ้น
บันทึก
5
2
5
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย