16 ก.พ. 2023 เวลา 05:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จะเชื่อใคร! นักวิเคราะห์เสียงแตกหุ้น OR บล.ธนชาต แนะให้ "ขาย"

หั่นเป้าเหลือ 19 บาท ส่วน บล.ทรีนีตี้ เชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 33.50 บาท
OR ประกาศปี 65 กำไรจำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 9.61% จากปีก่อน ล่าสุดบล.ธนชาต มองแนวโน้มค่าการตลาดไม่น่าตื่นเต้น แม้จะมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับต่ำในไตรมาส 4/65 แต่มองว่าค่าการตลาดน้ำมันจะทรงตัวในปี 66 และการเติบโตของปริมาณขายถึงจุดสูงสุด ส่วนบล.ทรีนีตี้ มองสวนแนวโน้มไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวเด่น จากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้น
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.3% และ EBITDA เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3% จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลาย ทำให้ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of Income) ที่เพิ่มขึ้น
โดยหลักมาจาก บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด และผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (Partners) ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ในช่วงปี 2564 แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมีต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจ Mobility ส่งผลให้ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 9.61% จากปีก่อน
[นักวิเคราะห์ 2 เจ้ามองต่าง]
มุมมองนักวิเคราะห์บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ยังคงคำแนะนำ “ขาย” OR และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 19 บาท/หุ้น จาก 20 บาท โดยปรับลดกำไรปี 66-68 ลง 11/8/6% เนื่องจากปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรในธุรกิจ non-oil และรวมผลการดำเนินงานปี 65
1.แนวโน้มค่าการตลาดไม่น่าตื่นเต้น แม้จะมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับต่ำในไตรมาส 4/65 แต่มองว่าค่าการตลาดน้ำมันจะทรงตัวในปี 66 2. การเติบโตของปริมาณขายถึงจุดสูงสุด เนื่องจากความต้องการที่ฟื้นตัวหลังโควิดกำลังจะสิ้นสุดลง 3.อัตรากำไรของธุรกิจ non-oil มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าจ้างที่สูงขึ้น
และ 4. มูลค่ายังไม่น่าสนใจ OR ซื้อขายที่ 25 เท่า PE ในปี 66 เทียบกับกำไรที่เติบโตเฉลี่ยที่ 5% ในปี 66-68 เท่านั้น และยังมีพรีเมียมเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของสถานีบริการน้ำมันไทยที่ 15 เท่า
ส่วนมุมมองนักวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ จำกัด มีความเห็นว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 33.50 บาท โดยแนวโน้มไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวเด่น จากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากที่ กบง. มีมติปรับค่าการตลาดกลับไปอยู่ที่ระดับปกติคือประมาณ 2 บาทต่อลิตรทั้ง เบนซินและดีเซลนั้น
ทั้งนี้มองว่าจะเป็นผลบวกต่อค่าการตลาดโดยรวมที่จะปรับดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาดีเซลถูกกำหนดเพดานราคาส่งผลต่อค่าการตลาด และปริมาณการขายดีเซลมีจำนวนมากกว่าการขายน้ำมันเบนซิน
โฆษณา