19 ก.พ. 2023 เวลา 16:09 • ครอบครัว & เด็ก

ภาษารัก กับลูกๆ.....

จากภาพ ดูออกไหมค่ะ..... ใครรัก ใครอิจฉา 😆😂
ว่าด้วยเรื่องภาษารักกับลูกๆกันต่อค่ะ
เพราะความรัก สำคัญกับเด็กๆทุกๆคน
เด็กแต่ละคน มีภาษารักของตัวเอง
ภาษารัก คือ วิธีการแสดงออกความรัก อันเป็นรูปธรรม เพื่อให้ลูกรับรู้ได้ว่ากำลังถูกรัก ...
เด็กแต่ละคนมีภาษารักของตัวเองที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันไป ถ้าเราสื่อสารภาษารักได้ตรงกับที่เด็กมี เขาจะรับความรักได้เต็มๆเลยค่ะ แกจะรับรู้ได้ง่าย เร็ว และรับมาได้เต็มที่ว่ากำลังถูกรักอยู่
ทุกคนรับรู้ภาษารักได้หลายแบบ แต่มีแบบที่อินเป็นพิเศษ แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน นั่นคือภาษารักของคนนั้นคะ... เขาจะแสดงออกความรักแบบนั้นกับคนที่เขารัก และเขาจะชอบให้คนที่เขารักแสดงออกแบบนั้นเหมือนกัน
5 ภาษารัก
❤️ 1.การสัมผัสทางร่างกาย (Physical touch)
ทั้งพ่อแม่ และเด็ก รับรู้ความรู้สึกรักได้ ผ่านการสัมผัสทางกาย ไม่ว่าจะเป็นการโอบกอด จับมือ ลูบศีรษะ หอมแก้ม เป็นการแสดความรักที่ใช้ได้ง่ายอย่างไม่ต้องมีเงื่อนไข ทำได้บ่อยๆ เป็นภาษารักที่มีพลัง
ควรให้ให้เหมาะสมตามช่วงวัย
วัยทารก
อุ้ม กอด สัมผัส ที่อบอุ่นนุ่มนวล การนวดเบาๆตามร่ากาย การสบตา การป้อนนม ป้อนข้าว สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความผูกพันอย่างมาก ระหว่าเด็กกับผู้เลี้ยงดู เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น
ทำได้บ่อยๆ ไม่มีมากเกินไปเดี๋ยวเด็กติดมือค่ะ
วัยเตาะแตะ
การอุ้ม กอด สัมผัส ด้วยความรักความอบอุ่นนุ่มนวลยังสามารถทำได้ตามที่เด็กและพ่อแม่ต้องการ
การจูงมือเดิน การเล่นด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน การอ่านนิทานด้วยกันจะมีการสบตา กอดสัมผัส สื่อสาร สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กรับรู้ได้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้
วัยประถม
การกอด การสัมผัสร่างกายอย่างเอ็นดู เช่นลูบศีรษะ หอมแก้ม ยังทำได้
การเล่นเกมส์ด้วยกัน การออกกำลักาย เล่นกีฬา
การจูงมือ ใช้มือสัมผัส ประสานกัน โอบไหล แตะแขน คือการแสดงออกความรักที่เด็กรับรู้ได้ การโอบกอดตอนเขาร้องไห้ หกล้ม
วัยรุ่น
อาจต้องระมัดระวังมากขึ้นในการแตะต้องร่างกาย
ให้เหมาะสมกับเวลา และสถานที่
ไม่ฝืนความรู้สึกลูก ถ้าลูกยังไม่อยากให้แตะต้องในตอนนี้
ใครมีลูกเริ่มเป็นหนุ่มจะรู้ดีค่ะ....เขาอาจจะกอดแม่ ให้แม่กอดในบางเวลา บางที่ แต่บางครั้งแม่จะเข้าใกล้ไม่ได้เลย..... 😅🤣
แม่ แม่อกหักกันเป็นแถว....
แกรรรรร.....​ลูกชายฉันไม่ยอมให้เดินจูงมือแล้ว
แม่หอมแก้มส่งที่หน้าโรงเรียนก็ไม่เอา เดินหันหลังไม่มองแม่เลย...... 😭😭😭...
ความอกหักครั้งที่ 1 ของแม่ที่มีลูกชายก็จะเกิดขึ้น...
ไม่ใช่ไม่รัก ไม่ต้องการ แต่เขาต้องการออกจากอ้อมอกแม่แล้ว เตรียมเป็นผู้ใหญ่ สายสัมพันธ์จะเหมือนถูกฉีกอีกครั้ง ถ้านับครั้งแรกคือการตัดสายสะดือ เขาจะเริ่มกบฏ​ค่ะ แต่ในบางวัน บางเวลา เขาจะยังต้องการอ้อมกอดนั้นของพ่อและแม่เสมอ..... อ้อมกอด หรือสัมผัสที่เต็มไปด้วยรัก.... ไม่ว่าจะลูกสาว หรือลูกชาย เขาก็ยังต้องการ แต่ถ้าเด็กบางคนไม่ชอบ อย่าฝืนลูกค่ะ
เด็กที่มีภาษารักหลักเป็นการสัมผัสทางกาย เมื่อเขาถูกโอบกอด ถูกสัมผัส เขาจะรับรู้ความรักได้อย่างเต็มที่ค่ะ ถังเก็บความรักในหัวใจเขาจะถูกต่อสายตรงลัดสั้นเติมพลังรักเข้าไปในหัวใจได้แบบเต็มๆ แต่ถ้าเขามีภาษารักอื่น แม้จะรับรู้ความรู้สึกดีๆ แต่เขาอาจไม่ได้อินมาก....
ฉะนั้นถ้าให้ภาษารักที่เขาชอบ เขาจะฟินสุดติ่ง อิ่มเอมใจ..
และในเด็กที่มีภาษารักโดดเด่นด้วยการสัมผัส ถ้าเราลงโทษเขาด้วยการทำร้ายร่างกาย ก็จะทำร้ายจิตใจเขามากเลยค่ะ.... การตี การหยิก การบิดเนื้อจะทำร้ายความรู้สึกเด็กกลุ่มนี้มาก....
ที่จริงไม่ว่าเด็กคนไหนก็ไม่ควรถูกกระทำแบบนี้
เด็กไม่ควรถูกทำร้ายร่างกาย
ไปภาษารักที่ 2 ต่อค่ะ
❤️ 2.ถ้อยคำ หรือคำพูดที่เติมเต็ม (Word of affrimation)
คือ ภาษารักที่สื่อสารกันด้วยถ้อยคำ รวมทั้งการส่งข้อความหา ด้วยคำพูดที่เติมเต็ม อาจจะไม่ได้มีคำบอกรักเลย แต่เติมเต็มความรู้สึก แสดงออกถึงความรัก ความหวังดี ความห่วงใย ความซาบซึ้งใจ การใช้ถ้อยคำสื่อสารความรู้สึกให้เด็กรับรู้ นั่นคืออีกหนึ่งภาษารักที่พ่อแม่บอกลูกได้ค่ะ และเด็กบางคนที่ชื่นชอบภาษารักแบบนี้ ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ เขาจะถูกรักเติมเต็มได้ในหัวใจ...
ควรใช้คำพูดเชิงบวก หลีกเลี่ยงคำพูดเชิงลบ
ถ้อยคำที่เราใช้ อาจเป็น
💕คำพูดขอบคุณ
แม่ขอบใจ สำหรับน้ำเย็นๆที่หนูยกมาให้ ชื่นใจมากค่ะ....
คำพูดง่ายๆแบบนี้ ชื่นใจเด็กค่ะ เด็กทำให้ด้วยความรัก ด้วยหน้าที่ หรือจะถูกใช้ทำแบบไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่เขาได้รับความรักกลับมาแทน....
การทำดีซ้ำๆ ทำตัวน่ารักๆจะน่าทำมากขึ้น
💕คำชม คำพูดชื่นชม จะทำให้เด็กเห็นคุณค่าและชื่นชมตัวเองเป็น การชมให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่พร่ำเพรื่อ​เลื่อนลอย อะไรก็ดี อะไรก็เก่ง
คำชมที่ดี จะประกอบไปด้วย
1.ความรู้สึกของเราในสิ่งที่ลูกทำ ซึ่งก็ต้องเป็นความรู้สึกที่ดีใช่ไหมคะ เราถึงจะชมลูกได้เช่น ดีใจ ภูมิใจ สบายใจ มีความสุข ชื่นชมปลาบปลื้ม บอกลูกตรงๆค่ะว่าเรารู้สึกอย่างไร... ไม่ต้องอาย
2.สิ่งที่ลูกทำ บอกให้ชัดค่ะว่าเด็กทำอะไรถึงได้รับคำชมนี้
3.สิ่งที่เขาทำ ดีอย่างไร เด็กจะได้เรียนรู้และจดจำพฤติกรรมนั้นๆ เพื่อที่จะทำอีกซ้ำๆๆๆๆ
เราชมเพื่อให้ลูกทำดีซ้ำๆ ทำจนไม่มีใครชม เขาก็ชื่นชมตัวเองได้ และไม่ต้องการคำชมเพื่อมาผลักให้ทำดีค่ะ ยกตัวอย่างการชมเด็กนะคะ
แม่ดีใจมากนะ ที่วันนี้หนูเล่นของเล่นเสร็จและเก็บเองได้เรียบร้อย แม่ไม่ต้องเตือนเลย น่ารักมาก หนูเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ แม่ดีใจจริงๆ....
พูดเถอะค่ะ ตั้งสติพูดกับลูกดีๆตั้งแต่เล็กๆ พูดสิ่งที่ควรพูด เขาจะฟัง เรามีเวลาพูดไม่กี่ปี พอเขาเป็นวัยรุ่นเราทำได้แค่ฟัง.... และหยุดใช้บางถ้อยคำ เช่น
วันนี้ท่าทางฝนจะตกนะ เล่นแล้วเก็บ ปกติพูดปากเปียกปากแฉะก็ไม่เคยทำ....
คำพูดแบบนี้ ประชดประชัน ด้้อยค่าสิ่งที่เด็กทำ ทำเด็กสับสนค่ะ ว่า ตกลงแม่ชอบหรือไม่ชอบ ทำดีทำไมเหมือนแม่ด่า ตกลงเอาไง เก็บไม่เก็บค่าเท่าเดิม.... เด็กจะไม่ปรับพฤติกรรม แล้วแม่ก็จะต้องบ่นจนลูกโต... ที่สำคัญ เป็นการทำลาย self esteem เด็กค่ะ แม่ก้อยค่าเขา แล้วเขาจะมีค่าอะไรอีก
หรือ อุ๊ยเก่ง.... เก็บของเล่นเรียบร้อย มาแม่ให้ขนม...
..... กลายเป็น พฤติกรรมดี ที่แม่ชอบ เรา จะได้อะไรสักกอย่าง.... คำพูดแบบนี้กำลังสร้างเงื่อนไขให้เด็กนะคะ ทำดีเพื่อได้อะไรจากแม่ .... กำลังสร้างเรื่องใหม่ให้ต้องแก้ในอนาคต หรืออาจเป็นอุปนิสัยที่เด็กคุ้นชินต่อไป
💕คำพูดบอกรัก ก็บอกกันตรงๆนี่ละค่ะ แม่/พ่อ รักหนูนะ.... แม้จะทำอะไรมากมายแทนคำว่ารัก
บางครั้งก็ต้องการหนึ่งถ้อยคำยืนยัน
💕การพูดให้กำลังใจ การยืนอยู่ข้างเดียวกับลูกในทุกความรู้สึกของเขา เคียงข้าง แต่ไม่ใช่เข้าข้าง... บางครั้งลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน เมื่อเขาไม่น่ารัก พ่อแม่ต้องช่วยปรับ อย่างเข้าใจและเคียงข้างค่ะ
💕คำปลอบโยน สำคัญมากในเวลาท้อถอย ร้องไห้ หวาดกลัว กังวล คำพูดที่เจ็บปวดเวลาเด็กร้องไห้คือ
ร้องทำไม เรื่องแค่นี้ อดทนสิ มันไม่เจ็บหรอก ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว หรือ เดี๋ยวแม่ตีหมอให้....
จะดีกว่าไหม ถ้าเราบอกลูกว่า
หนูเจ็บใช่ไหมถึงร้องไห้ หนูกลัวคุณหมอทำให้เจ็บใช่หรือเปล่า แม่อยู่เป็นเพื่อนนะ คุณหมอฉีดยานิดเดียว เจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย
ถ้ากลัวร้องไห้ได้นะ แม่จะกอด...
ความเข้มแข็ง เกิดขึ้นได้จากการไม่กลัวความอ่อนแอ รู้จักมัน เรียนรู้และก้าวข้ามมัน รู้ว่ามันทำอะไรเราไม่ได้ค่ะ... และในวันที่เรายังอ่อนแอ เรายังมีแม่อยู่ แม่คือพื้นที่ปลอดภัย....
เมื่อยังเล็กลูกร้องไห้ แม่ต้อวเป็นพื้นที่ปลอดภัย วัยรุ่นเวลาเขาเจ็บปวด เขาจะได้กลับมาหาเรา
ทำแบบนี้ไว้ เป็นวัยรุ่นไม่หายไปไหนไกลหรอกค่ะ เขาจะรักตัวเองมากพอ และจะมีเยื่อใยที่มองไม่เห็นของพ่อและแม่ผูกเขาไว้....
คำพูดนั้น สำคัญมาก คำพูดดีๆ คือภาษารักค่ะ
❤️ 3.การมีเวลาคุณภาพร่วมกัน (Quality time)
เวลาคุณภาพร่วมกัน เป็นภาษารักที่เกิดขึ้นจากการใช้เวลาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดความสนใจร่วมกัน โดยไม่ได้แปลว่า จะต้องอยู่ร่วมกันอย่างเดียว เช่น
การคุยโทรศัพท์ ถ้าต้องอยู่ห่างกัน
ไปจนถึงการทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ทานอาหาร ร้องเพลง เล่นกีฬา ไปเที่ยว อ่านนิทาน เลือกซื้อหนังสือ แต่งตัวให้กัน
การที่ได้ใช้เวลาร่วมกันโดยที่ไม่อยากให้มีอะไรมาแทรก นั่นคือเวลาคุณภาพของกันและกัน
เวลาคุณภาพอาจจะำม่ได้มากในแต่ละวัน แต่เรามีความสุขและสนใจกันละกันในช่วงเวลานั้น
จะเห็นได้ว่า การกระทำบางอย่างจะเป็นการแสดงออกภาษารักได้หลายแบบ เช่น การเล่นกีฬากับลูก ระหว่างเล่นจะมีการสัมผัสทางกาย การสื่อสารด้วยคำพูด และเป็นการใช้เวลาร่วมกัน
การหากิจกรรมทำร่วมกับลูก การเล่นด้วนกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน อ่านนิทานด้วยกัน ไปด้วยด้วยกัน ร้องเพลงกัน เด็กๆจะได้รับความรักมากมายจากหมายๆทางเลยค่ะ.... และหลายอย่างไม่ต้องใช้เงินซื้อเพิ่มเลย
และช่วงเวลาคุณภาพอีกช่วงเวลาคือ.... ตอนที่เราร้องไห้ด้วยกันค่ะ
เวลาคุณภาพคือเวลาที่เรา สุข ทุกข์ เหนื่อย และสนุกด้วยกัน เวลาที่เรามีกันและกัน...
❤️ 4.การบริการ หรือทำให้ (Act of service)
มีมากมายค่ะ ที่เราอยากจะดูแลคนที่เรารัก
ทำอาหารให้ทาน
ความความสะอาดให้
ดูแลเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้
รับส่งไปโรงเรียน
เตรียมขนม เตรียมอาหารกลางวัน
สอนทำการบ้าน...
และการฝึกให้ลูกทำเอง ฝึกให้ลูกดูแล และช่วนเหลือตัวเอง ฝึกให้ลูกช่วยเหบืองานในบ้าน การที่พ่อแม่ฝึกให้ลูก.... นั่นก็คือความรัก....
เราคงไม่ป้อนข้าวลูกจนเจ็ดขวบ
เราคงไม่ได้ผูกเชือกรอวเท้าให้ลูกจนสิบสองปี
เมื่อถึงเวลาแม่อยู่ฝึกให้ มันใช้เวลา และต้องอดทนใจเย็นมากกว่าเราทำให้เอง.... เพราะรักแม่ต้องสอนให้ลูกทำค่ะ
มากมายที่พ่อแม่ทำให้ลูกด้วยความรัก เมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ขอให้ทำคู่ไปกับถ้อยคำที่เป็นภาษารักนะคะ มันจะทำให้เด็กๆรับรู้ชัดว่า ที่พ่อแม่ทำให้เพราะรัก ไม่ใช่ทำไปบ่นไป ทำไป ประชดไป ทำไปเปรียบเทียบไป
❤️ 5.การให้ของขวัญ (Giving gift)
การให้ของขวัญ เป็นหนึ่งในภาษารักที่เราทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจจะเป็นของขวัญวันเกิด ของขวัญปีใหม่ ของวันวันคริสต์มาส​ที่พ่อแม่ต้องกบายเป็นลุงซานต้าของลูกๆ ไปจนถึงของขวัญเพื่อชื่นชมเวลาที่ลูกๆทำดี ทำตัวน่ารัก
ของขวัญไม่จำเป็นต้องเป็นของมีราคาแพง อาจเป็นขนมที่แม่ทำให้ เสื้อกันหนาวที่แม่ถักให้เป็นของขวัญวันเกิด ดินสอสีที่ลูกอยากได้ อาหารมื้อพิเศษของแม่ พ่อพาไปเที่ยวสวนนสัตว์ หรือเราไปกินข้าวด้วยกันที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน...
ของขวัญคือความสุขที่พิเศษ ไม่ต้องแพงก็ได้ค่ะ
ที่สำคัญคือ ของขวัญ ไม่ใช่สินบน ระวังอย่าทำให้การให้ของขวัญเป็นการติดสินบนเด็ก เช่น
คนเก่งตั้งใจสอบให้ได้คะแนนเยอะกว่าเดิมนะคะ ถ้าทำได้แม่จะซื้อจักรยานให้
แบบนี้สร้างเงื่อนไขให้เด็กต้องทำตัวดี อย่างไร้เป้าหมายการตั้งใจของเด็กคือผลการเรียนที่ดี แต่ชักจูงเด็กด้วยเป้ากมายคือสิ่งที่แม่จะให้ และบอกก่อนว่าต้องทำอะไรถึงได้ คือสินบน
คนละแบบกัน
ลูกพยายามตั้งใจเรียนมาเรื่อยๆ ระหว่างที่เขาพยายาม เราคอยชื่นชมให้กำลังใจกันมา แล้วเขาสอบจากที่ 10 มาเป็นที่ 5 ด้วยความพยายามเรียนหนัวสือของเขา เราเห็นมาตลอด
แม่ดีใจที่หนูพยายามตั้งใจเรียน จนผลการเรียนดีขึ้น แม่จะซื้อจักรยานให้เป็นรางวัลความขยันของหนูนะ แม่ภูมิใจที่หนูพยายามและอดทน....
สองบ้านนี้ได้ของเหมือนกัน แต่บริบทต่างกัน...
คิดถึงเด็กตอนโตของแต่ละบ้านค่ะ ..
เด็กบางคนชื่นชมกับของขวัญมาก เขาจะรู้สึกดีกับของขวัญเป็นพิเศษ เพราะนั่นคือคนที่ให้รักเขา...
จบแล้วค่ะภาษารักเวอร์ชั่นหมอเด็กธรรมดาๆ
แอบแทรกเทคนิกการชม การใช้ภาษาเชิงบวก การสื่อสารกับเด็กๆไว้ด้วย....
เชื่อเถอะค่ะ มันสำคัญจริงๆ..
อย่าต้องซ่อมเด็กเลย ไม่คุ้ม น่าเสียดายค่ะ....
ภาษารัก ตอนที่ 1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา