Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BETTERCM
•
ติดตาม
19 ก.พ. 2023 เวลา 19:38 • สุขภาพ
มึนหัว-บ้านหมุน
😲เวียนศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อย แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ อาการมึนศีรษะ (dizziness) และอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน (Vertigo)
🤯อาการมึนศีรษะเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มีโรคระบบไหลเวียน โรคระบบประสาท วิตกกังวล หรืออาจเกิดได้จากยา เช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางบางชนิด
😵ขณะที่อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนมักเกิดจากโรคของหูชั้นในซึ่งเกี่ยวข้องกับการทรงตัว เช่น โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด หรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งควรค้นหาสาเหตุและแก้ไขที่สาเหตุของผู้ป่วยแต่ละราย
🤸♂️อาการบ้านหมุนจากแต่ละสาเหตุมีลักษณะต่างกัน ที่พบบ่อยคือตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุดผิดที่ มักมีอาการในขณะเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ตอนก้มๆ เงยๆ ลุกๆ นั่งๆ เป็นต้น มักจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วอาการจะค่อยๆ หายไป
😱ส่วนกรณีที่เกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มักเกิดอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนอย่างรุนแรง ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นอาจนานเป็นนาทีจนถึงหลายชั่วโมง บางรายอาจมีอาการหูอื้อร่วมด้วย
.
อาการเวียนศีรษะทั้งแบบที่มีและไม่มีบ้านหมุนมักเป็นๆ หายๆ การรักษาหลักคือ
↗️ใช้ยาบรรเทาตามอาการ
↗️หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
↗️จัดการที่สาเหตุ เช่น กรณีที่เกิดจากตะกอนหินปูน ถ้าเป็นบ่อย และรุนแรงจนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติก็อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาตะกอนหินปูนออก แต่ส่วนใหญ่แล้วสามารถบรรเทาอาการด้วยการขยับศีรษะและคอด้วยท่าทางเฉพาะเพื่อช่วยเคลื่อนตะกอนหินปูนกลับเข้าที่เดิม ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับการสอนจากบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อทำท่าทางที่ถูกต้องและปลอดภัย
💊การบรรเทาอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนมียาที่ใช้หลายกลุ่ม เช่น ยาที่กดการทำงานของระบบการทรงตัว (vestibular) ได้แก่ betahistine, cinnarizine, dimenhydrinate, flunarizine, meclizine, promethazine
ยาบรรเทาอาการที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาเม็ด dimenhydrinate 50 mg กินครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง เวลามีอาการ ส่วนผลข้างเคียงของยาคือง่วงนอน ปากแห้ง คอแห้ง เป็นต้น
ยาอีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้รักษาอาการบ้านหมุนคือ betahistine 8-16 mg กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้งโดยขนาดยาต่อมื้อและระยะเวลาที่ต้องกินแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนอาการข้างเคียงที่พบบ่อยคือ คลื่นไส้ มวนท้อง ปวดศีรษะ เป็นต้น
👨🔬การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะในร้านยา เภสัชกรควรรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย อาการ ประวัติการรักษา และการใช้ยา เพื่อประเมินหาสาเหตุ อาจส่งต่อแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายวินิจฉัยเพิ่มเติม และควรอธิบายถึงสาเหตุการเกิด แนะนำแนวทางการรักษา แนะนำวิธีปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการล้ม และให้กำลังใจผู้ป่วยเพื่อลดความวิตกกังวล
😀มีปัญหาเรื่องการใช้ยาเชิญปรึกษาเภสัชกร
.
.
💢
https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php?option=article_detail&subpage=article_detail&id=773
https://www.naewna.com/lady/686825
.
ภาพจาก
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/อาการเวียนหัว-หรือมึนงง/
https://www.aafp.org/pubs/afp/issues/2017/0201/p154.html
https://www.semanticscholar.org/paper/The-treatment-and-natural-course-of-peripheral-and-Strupp-Dieterich/a1ea084c0ac42c06b64b48a1c6d38d09777303e3/figure/2
.
อ่านเพิ่มเติม
Antihistamines vs Benzodiazepines for Acute Vertigo: Which Is More Effective?
https://www.neurologyadvisor.com/topics/general-neurology/antihistamines-benzodiazepines-acute-vertigo/
Drug Treatment of Vertigo
https://dizziness-and-balance.com/treatment/drug/drugrx.html
Calcium Channel Blockers for Vertigo
https://dizziness-and-balance.com/treatment/drug/calcium_channel.html
Pharmacotherapy for vertigo: a current perspective
https://www.researchgate.net/publication/342473949_Pharmacotherapy_for_vertigo_a_current_perspective
.
.
[General practice] ยาแก้อาการเวียนหัวบ้านหมุน (Antivertigo drugs)
โพสนี้รวมตอบคำถามที่ถามกันเข้ามานะครับ…..ตอบด้านล่างครับ
1. Serc กับ merislon ต่างกันอย่างไร
2. ปัจจุบันยังมีที่ใช้ flunarizine อยู่ไหม
3. ยาพวกนี้ให้กี่วันครับ
ยาแก้อาการเวียนหัวบ้านหมุน (Antivertigo drugs)…..กลุ่มอาการเวียนหัวบ้านหมุนประกอบด้วย
- Sense of spinning รู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมหมุน
- Sense of imbalance รู้สึกโคลงเคลงหรือสูญเสียการทรงตัว
- Oscillopsia ภาพสั่นจากตากระตุก (nystagmus)
- Motion sickness อาการไม่สบายตัวจากระบบประสาทอัติโนมัติทำงานผิดปกติ เช่น รู้สึกอึดอัด หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว คลื่นไส้อาเจียน
*** ยาส่วนใหญ่จะไม่ได้แก้ อาการปวดศีรษะ หรือ อาการมึนศีรษะจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบ vestibular system…..โดยอาการที่เกิดขึ้นมักจะชัดใน peripheral vertigo ซึ่งเกิดจากการทำงานของ end-organ เอง (inner ear – vestibular nerve) มากกว่าที่จะเกิดจาก vestibular connection จาก central vertigo
*** กลุ่มอาการ Vertigo เป็นเพียงอาการของโรคต่างๆเท่านั้น.....ยาแก้อาการเวียนหัวบ้านหมุน (Anti-vertigo drugs) จึงเป็นเพียง symptomatic treatment เท่านั้น
ยากลุ่มนี้ประกอบด้วย
1. Vestibular suppressants ออกฤทธิ์กดการส่งสัญญาณเส้นประสาท vestibular ไปสู่ตำแหน่งอื่นๆ
2. Anti-emesis drugs ยาแก้อาเจียนจะช่วยกดการส่งผ่านสัญญาณ vestibular connection โดยเฉพาะใน brainstem (vestibulo-autonomic pathway)
3. อื่นๆ เช่น Betahistine , diuretic เป็นต้น
1. Vestibular suppressants ออกฤทธิ์กดการส่งสัญญาณเส้นประสาท vestibular ไปสู่ตำแหน่งอื่นๆ.....โดยยับยั้งการสื่อประสาทที่เกี่ยวข้อง เช่น histamine , Ach , dopamine และ GABA….ซึ่งยาก็ได้แก่
1.1 Antihistamine โดยเฉพาะกลุ่ม first generation เช่น diphenhydramine , dimenhydrinate ที่ออกฤทธิ์กด histamine ค่อนข้างมากและมีฤทธิ์ sedative ด้วย จึงนิยมนำมาใช้แก้เมารถเมาเรือ.....กลุ่ม second generation เช่น flunarizine และ cinnarizine ซึ่งนอกจาก antihistamine แล้วยังมีฤทธิ์ calcium channel blocker ด้วยซึ่งจะมีผลลดการหดเกร็งของหลอดเลือดเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มเลือดไปเลี้ยงในหูชั้นใน โดย flunarizine จะ potent มากกว่าและ half-life ยาวกว่า.....มักใช้ใน vestibular migraine
*** แต่หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยได้ถอนคุณสมบัติและการใช้ยา 2 ตัวนี้ไปแล้ว เนื่องจากมีผลทำให้เกิด extrapyramidal (parkinsonism) side effect
1.2 Anticholinergic เช่น promethazine , scopolamine ก็สามารถลดอาการเวียนศีรษะได้ แต่มักจะทำให้เกิดผลข้างเคียงของ anticholinergic จึงไม่นิยมใช้กัน
1.3 Dopamine antagonist เช่น chlorpromazine , perphenazine หรือ metoclopramide (plasil) ก็ช่วยลดอาการได้โดยเฉพาะคลื่นไส้อาเจียน
1.4 Benzodiazepine ลดอาการ vertigo โดยการยับยั้ง GABA แต่จะมีฤทธิ์ hypnotic (sedate) มาก…..ยาที่นำมาใช้มักจะเป็นยาที่ออกฤทธิ์เร้ว เช่น diazepam , lorazepam เป็นต้น
***ยากลุ่มนี้ถ้าเป็นยารับประทานจะออกฤทธิ์ยับยั้งได้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง.....เฉพาะฉะนั้นอาจไม่ช่วยลดอาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน เช่นใน BPPV…..
ส่วนกรณี vestibular neuritis หรือ labyrinthitis นั้นว่า vestibular suppressants มีประโยชน์หรือไม่ ยังเป็นที่ถกเถียงเพราะว่าปกติถ้ามีพยาธิสภาพที่ peripheral (Acute unilateral vestibulopathy (AUV) ) ข้างใดข้างหนึ่งจะมีกระบวนการปรับตัวจากระบบประสาทส่วนกลางทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นเอง (central compensation) ซึ่งมีการศึกษาระบุว่าการให้ยา vestibular suppressants จะมีผลการรบกวนกระบวนการนี้.....แต่บางการศึกษาก็อ้างว่าการดีขึ้นนั้นเป็นผลจากการปรับตัวของ peripheral เอง (peripheral vestibular plasticity)…..
อนึ่ง ยา vestibular suppressants มักใช้ในกรณี chronic intermittent vertigo เช่นจาก meniere’s disease หรือ vestibular migraine มากกว่า
2. Anti-emesis…..ทั้ง metoclopramide (plasil) และ domperidone (motilium) ยาทั้งสองตัวนี้จะมีฤทธิ์ต้าน dopamine และ cholinergic อยู่บ้าง และสามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดี
3. Other
3.1 Betahistine เป็นยาที่มีคล้าย histamine ซึ่งจริงๆควรจะออกฤทธิ์เป็น H1 receptor agonist…..ซึ่งโดยกลไกแล้วก็ไม่น่าจะแก้เวียนได้ แต่ในการศึกษาระบุว่า betahistine ออกฤทธิ์ยับยั้ง H3 receptor antagonist ซึ่งจะยับยั้ง histamine ตั้งแต่ hypothalamus.....โดยในสัตว์ทดลอง พบว่ายาช่วยเพิ่มเลือดไปที่ vestibular organ และ ลดความดันของน้ำในหูชั้นใน.....
ยาที่ใช้กันได้แก่ betahistine dihydrochloride (Serc) , Betahistine mesilate (Merislon) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ระบุได้ชัดถึงความแตกต่างของประสิทธิภาพของยา 2 ตัวนี้ รวมถึงขนาดในแต่ละโรค แต่มีการศึกษาระบุว่าการใช้ยาในขนาดสูงจะช่วยลดอาการในผู้ป่วย meniere’s disease ได้ดีกว่า
.....อนึ่ง การใช้ Betahistine ในขนาดสูงทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะได้บ้าง
3.2 Diuretic เช่น HCTZ หรือ acetazolamide เชื่อว่าลดอาการจากการลดความดันในหูชั้นใน เป็นยาในตัวเลือกในการช่วยรักษา meniere’s disease
ตอบคำถาม
1. Serc กับ merislon ต่างกันอย่างไร..... สารประกอบคนละตัวกัน betahistine dihydrochloride (Serc) , Betahistine mesilate (Merislon) ทั้งคู่มีการศึกษาว่าช่วยลดอาการ vertigo ได้ดีกว่า placebo แต่ไม่มีการศึกษาเทียบกัน
2. ปัจจุบันยังมีที่ใช้ flunarizine อยู่ไหม.....ปัจจุบันไม่แนะนำให้ใช้แล้วครับ เนื่องจากมียาอื่นทดแทนได้ แต่ยังเห็นมีใช้บ้างในรายที่ prophylactic vestibular migraine *** ไม่แนะนำในผู้สูงอายุ หรือ ใช้ร่วมกับยาที่มีฤทธิ์ต้าน DA
3. ยาพวกนี้ให้กี่วันครับ…..แล้วแต่โรคครับ ใน Acute unilateral vestibulopathy (AUV) อาจใช้ระยะสั้นตั้งแต่ 1-3-7 วัน.....ส่วน meniere’s disease มีให้ยาวๆตั้งแต่ 3 – 6 – 9 – 12 เดือน ส่วนใหญ่จะค่อยๆปรับลดหรือเพิ่มทุก 3 เดือน
Neurologist P
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0Wm4Uh4eK8tSGWix1G9rFuG25r33s8RYmQGyPYN8ZuLMx71ZfNKJU4ovnUVquJzC6l&id=654077458066897
.
.
ท่าบริหารบรรเทาอาการเวียนบ้านหมุนโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับท่อน้าในหู BPPV หมอเรียกง่ายๆ ว่า ท่า อินเดีย
ทำได้บ่อยๆ ถ้าทำแล้วปรากฏว่าไม่ดีขึ้นมีความจำเป็นที่จะต้องหาสาเหตุของอาการเวียนบ้านหมุนอย่างอื่นต่อ
เวียนหัว บ้านหมุน ทำท่าอินเดีย อาจช่วยได้
อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน โดยที่ลักษณะเวียนเป็นครั้งละสั้นๆประมาณหนึ่งอึดใจ ไม่เกิน 1 นาที และมักจะมี “ท่าประจำ” โดยที่หันศีรษะหรือตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง
ซึ่งถ้าพลิกกลับมาเป็นท่าตรงหรือด้านตรงข้าม อาการจะทุเลาลง
นอกจากนั้นถ้ากัดฟันทนไม่ตะแคงกลับอาการเวียนจะค่อยๆหายไปเอง
ถ้าเป็นมาก มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แต่ไม่มีเสียงดังในหู หรือหูได้ยินน้อยลงหรือหูดับ ไม่มีอาการ ชา อ่อนแรง ตามืด พูดไม่ชัด
ถ้าฝืนลืมตาจ้องไปที่วัตถุนิ่งๆ สักพัก อาการเหล่านี้จะดีขึ้นและไม่มีภาพซ้อน
อาการเวียนหมุนเหล่านี้ เกิดจากตะกอนน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือหินปูน หลุด = Benign paroxysmal positional vertigo (BPPV) คือ อาการเวียนบ้านหมุนที่เกิดเป็นชั่วขณะขึ้นอยู่กับท่า และไม่อันตราย
การทำให้หายได้เร็วๆ ยิ่งขึ้นนั้น ก็คือการเชียร์ ให้มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ หรือบริหารคือให้นั่งห้อยเท้าอยู่ข้างเตียง และล้มตัวอย่างเร็วไปทางด้านขวา ให้มีหมอนรองไว้ก็ดี (ระวังคอหัก) นิ่งสักพัก
หรือถ้ามีอาการเวียนเกิดขึ้นก็รอสักครู่ จากนั้นลุกขึ้นมานั่งใหม่ และล้มตัวตะแคงไปทางด้านซ้าย ถือเป็น 1 รอบทำซ้ำๆ
ท่าบริหารลักษณะนี้อาจมีหลายท่าตามตำรา แต่อาจจะปฏิบัติที่บ้านยาก คอเคลื่อน
ง่ายกว่าคือบริหาร ท่า อินเดีย สามท่า ด้วยกันคือ
1-พยักหน้าเร็วๆ
2-ส่ายหน้าเร็วๆ
3-เอียงคอซ้ายขวาเร็วๆ ต้องทำตัวยึกยักไปด้วย
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องขยับคอมาก
ทำได้บ่อยๆ ไปประมาณ 1-2 อาทิตย์
โรค BPPV นั้น เกิดจากการที่มีตะกอนหลุดลอกออกมาจากเยื่อในหูชั้นใน และตกตะกอนลงในท่อน้ำ 1 ใน 3 ท่อ ทำให้ “หนัก” ไม่เท่ากัน ดังนั้นการเคลื่อนไหวในท่าต่างๆนี้จะเป็นการทำให้ตะกอนเหล่านี้ฟุ้งกระจายกลับเข้าไปในกระเปาะหูชั้นใน ซึ่งจะมีการดูดซึมต่อ
โดยปกติแล้วจะไม่ให้ใช้ยามาก เนื่องจากยาบรรเทาอาการเวียน
เป็นการบรรเทา และเสมือนหยุดยาไม่ได้ ต้องใช้ต่อเนื่องกันนานๆเป็นเดือน เป็นปี
อาการเวียน-หมุนแต่ละครั้ง สาเหตุอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นโรคในสมอง อาจจะเกี่ยวกับ เป็นเส้นเลือดคู่หลัง (เส้นเลือดในสมองมี 2 คู่ คู่หน้าคู่หลัง )
ที่วิ่งเลาะผ่านกระดูกก้านคอเข้าไปในสมอง โดยที่ถ้าขยับศีรษะหรือหมุนบิดคอ รุนแรง เนิ่นนาน จะทำให้เส้นเลือดตันทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
หรือ เกิดจากเส้นเลือดสมองคู่หลังโก่งเข้าไปเบียดเส้นประสาทหูทรงตัว
หรือ กระเปาะน้ำในหูชั้นใน ผิดปกติ กลายเป็น น้ำในหูไม่เท่ากันที่ต่อมามีเสียงดังในหู และการได้ยินลดลง
ดังนั้น ทุกครั้งต้องจำลักษณะอาการให้ได้ เนื่องจากขณะที่มาตรวจอาจจับผู้ร้ายไม่ได้เพราะไม่มีอาการแล้ว
https://fb.watch/iPoKqmtFta/
POSTED 2023.02.19
.
.
บทความอื่น
เวียนหัว บ้านหมุน
https://www.blockdit.com/posts/60db02ea6273bf05a68cfee1
เมารถ
https://www.blockdit.com/posts/625076c52235e460a8d1ed1f
https://www.blockdit.com/posts/61e81111c1d13e52a11d04ab
ตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด
https://www.blockdit.com/articles/5d79095baaad7113722f9944
Altitude Sickness
https://www.blockdit.com/posts/635fca582dd62c37258bb2d5
BETAHISTINE
https://www.blockdit.com/posts/60dad4a59d7656059c490293
Dimenhydrinate
https://www.blockdit.com/posts/61cd5e49c396157140fcdff0
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย