20 ก.พ. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เปิด 5 หุ้นเด่นขวัญใจ NVDR

NVDR วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาดหลักทรัพย์และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวต่างประเทศ ที่สนใจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนแต่อาจไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์นั้นได้ เพราะการควบคุมสัดส่วนการถือครองหหลักทรัพย์ของคนต่างด้าวที่ระบุไว้ตามกฎหมายไทย
ทั้งนี้ NVDR จึงเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์นั้น ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการเงิน เช่น เงินปันผล และสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือ NVDR จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมของบริษัทจดทะเบียน และถึงแม้ว่า NVDR จะออกมาเพื่อส่งเสริมการลงทุนของผู้ลงทุนชาวต่างประเทศ แต่ผู้ลงทุนไทยก็สามารถลงทุนใน NVDR ได้ โดยนักลงทุนสามารถซื้อขาย NVDR ได้เช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วไปที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ดังนั้นคอลัมน์ โพยหุ้น ประจำวันจันทร์ ทีมข่าว Wealthy Thai จึงได้รวบรวม 5 หุ้น ที่ NVDR เข้าซื้อสุทธิมากสุดนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ.66 และทิศทางปัจจัยพื้นฐานนับจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ Wealthy Thai รวบรวมมาให้นักลงทุนแล้ว โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า NVDR ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จำนวน 887 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,068 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่ซื้อ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, อาหาร และ สื่อสาร ( NVDR ณ 16 ก.พ.66)
ขณะที่ นักวิเคราะห์บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ.66 หุ้นที่ NVDR ซื้อสุทธิ 5 อันดับแรก คือ ADVANC ซื้อสุทธิ 901.1 ล้านบาท DELTA ซื้อสุทธิ 839.8 ล้านบาท JMART ซื้อสุทธิ 694 ล้านบาท MINT ซื้อสุทธิ 666.4 ล้านบาท และ CPALL ซื้อสุทธิ 588.1 ล้านบาท
สำรวจจัยพื้นฐาน 5 หุ้นดังกล่าว
เริ่มจาก ADVANC นักวิเคราะห์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 252 บาท โดยและเลือกเป็นหุ้นเด่นจาก ระยะยาวได้ประโยชน์จากการแข่งขันราคาของกลุ่มนี้ที่จะสมเหตุสมผลขึ้น คาดเห็นผลประโยชน์จาก New S-curve มากขึ้นทั้งธุรกิจบรอดแบรนด์ , ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร นอกจากนั้น โอกาสเกิด upside สูงหากมีการตัดสินใจทำ Asset monetization
ถัดมา DELTA นักวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 เอาไว้ที่ 590.0 บาท อิงจาก PER เท่าเดิมที่ 45.0 เท่าทั้งนี้ เนื่องจากประมาณการกำไรปี 66 ของเรามี upside จำกัด และราคาหุ้นค่อนข้างแพงแล้ว ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ “ขาย”
JMART นักวิเคราะห์บล. เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า ได้ปรับคาดการณ์กําไรปี 66 – 67 ลงจากเดิม 21- 36% เหลือ 1.4 พันล้านบาท และ 1.7 พันล้านบาท ตามลําดับ เพื่อสะท้อนกําไรปี 2565 ที่ต่ำกว่าคาด และการปรับลดกําไรของ JMT ไปก่อนหน้านี้ แต่ยัง คําแนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 66 เหลือ 43.00 บาท ปรับลดจาก 55.00 โดยคาดหวังกําไรที่จะเติบโตดีขึ้นในปี 2566 เป็นต้นไป
MINT นักวิเคราะห์บล. หยวนต้า(ประเทศไทย) มีความเห็นว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท จากพัฒนาการด้านต้นทุนที่ดีขึ้นมีโอกาสทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวต่อไม่ยาก ปรับประมาณการปี 2565-2566 ขึ้นเป็นคาดกำไรปกติ 1.6 พันล้านบาท และ 5.5 พันล้านบาท ตามลำดับ จากแรงกดดันของปัจจัยมหภาคและต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลง
สุดท้าย CPALL นักวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า CPALL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 79 บาท จากแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นของธุรกิจร้านเซเว่นฯ รวมทั้งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของแม็คโครและการฟื้นตัวของโลตัส ซึ่งล้วนเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในประเทศไทยที่ได้ผลบวกโดยตรงจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยว
โฆษณา