23 ก.พ. 2023 เวลา 01:00 • ธุรกิจ

อินโดนีเซียขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีความสำคัญในการผลิตรถ EV

ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซียกำลังกลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ทั่วโลก
โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 13 ล้านคันและรถยนต์ไฟฟ้า 2.2 ล้านคัน ภายในปี 2030
ซึ่งประเทศอินโดนีเซียมีแหล่งนิกเกิลธรรมชาติมากมายคิดเป็น 52% ของแหล่งแร่นิกเกิลทั่วโลก
และเหตุนี้เองที่จะทำให้อินโดนีเซียมีทรัพย์สินที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลก
📌 ภาพรวมอุตสาหกรรมนิกเกิล
จากรายงานของ U.S. Geological Survey พบว่า ปริมาณแร่นิกเกิลทั่วโลกอยู่ที่เกือบ 95 ล้านเมตริกตัน ซึ่งแหล่งแร่ธาตุก็กระจุกตัวกันอยู่ไม่กี่ประเทศ และหนึ่งในประเทศที่มีแร่นิกเกิลมากที่สุดก็คือ “อินโดนีเซีย”
โดยตลาดนิกเกิลทั่วโลกจะมีมูลค่า 591,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028
เพิ่มขึ้นจากขนาดตลาดที่ 362,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 และจะมี CAGR ที่ 7.3%
GlobalData คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2022 การผลิตนิกเกิลทั่วโลกอยู่ที่ 2.87 ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 6.8% จากระดับการผลิตในปี 2021
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 อินโดนีเซียผลิตนิกเกิลได้เพิ่มขึ้นคิดเป็น 47% ของการผลิตนิกเกิลทั่วโลกและการขุดนิกเกิลเพิ่มขึ้น 14% YoY
ซึ่งแร่นิกเกิล เป็นแร่ที่มีการใช้กระจายไปในหลายภาคส่วน โดยที่นิยมมากที่สุด คือ การใช้ในอุตสาหกรรมสแตนเลสสตีล (Stainless Steel) และภาคการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EVs)
จากข้อมูลของ Nickle Institute Organization พบว่า ภาคส่วนสแตนเลสสตีล (Stainless Steel) มีการใช้นิกเกิลทั่วโลกถึง 2 ใน 3 ในขณะที่แบตเตอรี่มีการใช้นิกเกิลเพียง 11% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถ EV ทั่วโลก จะส่งผลให้การใช้นิกเกิลในแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 42% ในปี 2022 และอุตสาหกรรม EV นี้ จะกลายมาเป็นผู้บริโภคนิกเกิลรายใหญ่ภายในปี 2040
📌 ผลักดัน EV ด้วยนโยบาย Net Zero
รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศว่า ประเทศมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยมลพิษเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 หรือเร็วกว่านั้น
ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนไปสู่เป้าหมาย คือ การใช้พลังงานไฟฟ้า และเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยภาคการขนส่งคิดเป็น 40% ของการใช้พลังงานทั้งหมด และ คิดเป็นราว ๆ 13% ของการปล่อยมลพิษ PM2.5
ดังนั้นการส่งเสริมการผลิต EV ในอินโดนีเซียจะช่วยลดการปล่อยมลพิษ ลดการนำเข้าน้ำมันและการใช้เงินอุดหนุน อีกทั้งยังทำให้เมืองสะอาดมากขึ้น
การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของวาระแห่งชาติของอินโดนีเซียที่กำหนดโดยแผนแม่บทแห่งชาติสำหรับอุตสาหกรรม (RIPIN) ปี 2015 – 2035 ซึ่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญทางอุตสาหกรรมเป็นอันดับต้น ๆ ของแผนแม่บทฉบับนี้
📌 อุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย
อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตแร่นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ผลิตแร่ธาตุที่สำคัญอื่น ๆ ที่สำคัญ
ซึ่งทำให้อินโดนีเซียมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่
โดยโอกาสทางเศรษฐกิจและทางสังคมใหม่ที่สร้างขึ้นโดยอุตสาหกรรมรถยนต์ 2 ล้อไฟฟ้า (e2W) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อปีได้ถึง 171 ล้านล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย เพิ่มตำแหน่งงาน 215,000 ตำแหน่งในการผลิตชิ้นส่วนและยานยนต์ ดุลการค้าของประเทศจะเพิ่มเป็น 45 ล้านล้านรูเปียห์ต่อปีภายในปี 2030
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ 2 ล้อไฟฟ้า (e2W) สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 6.1 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะช่วยให้เลิกพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศได้
รัฐบาลอินโดนีเซียได้ระบุถึงความสำคัญของการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ 2 ล้อไฟฟ้า (e2W) ในประเทศ โดยมีแผนการอุดหนุนจำนวน 6.5 ล้านรูเปียห์ในปี 2023 ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการสนับสนุนอุตสาหกรรม
ผู้เขียน : ณิศรา วาดี Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา