26 ก.พ. 2023 เวลา 05:55 • ปรัชญา

ชีวิตมนุษย์ยุคหินอันเรียบง่าย

เราคงจะเคยได้ยินมาแล้วว่า มนุษย์ในยุค 2 หมื่นปีก่อน มีอาชีพหาของป่าล่าสัตว์ พวกเขาไม่มีกะทำงาน ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน ไม่ต้องทำงานทุกวันหรือห้าวันในหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาอาจจะออกไปหาของป่าสัปดาห์ละ2-3ครั้ง เมื่อตกค่ำก็นอนหลับและตื่นขึ้นพร้อมดวงอาทิตย์ยามเช้า โดยไม่ต้องนอนคิดฟุ้งซ่านเรื่องเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานที่อยู่แผนกตรงข้าม ไม่ต้องคอยเช็คเมลหรือติดตามเนื้อหาขยะทางทวิตเตอร์
มันเป็นชีวิตที่ต่างจากเรายังไรน่ะเหรอ นอกจากยุคสมัยที่ห่างกันราวปลายฟ้ากับก้นเหวแล้ว การดำเนินชีวิตของคนยุคนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพ พวกเขานอนอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนผลลัพธ์มันเลยออกมาในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อถึงเวลานอนพวกเขาปล่อยวางทุกสิ่งและมุ่งมั่นกับการนอนอย่างเดียว ไม่สิ! พวกเขาไม่ได้มุ่งมั่น มันคือนิสัยพื้นฐานสำหรับพวกเขาไปแล้ว พวกเขาแทบไม่ต้องพยายามข่มตาใดๆ แวดล้อมรอบข้างแต่ละอย่างก็ดูเป็นใจไปหมด ทุกทิศทุกทางมีแต่ความมืด แถมยังมีเสียงจั๊กจั่นคอยกล่อมตลอดคืน สิ่งเหล่านี้เองคือกระบวนการทำให้การนอนพวกเขามีประสิทธิภาพ เมื่อการนอนมีประสิทธิภาพ จะส่งผลสู่การทำงานในวันพรุ่งนี้ โดยไม่ต้องหามุมแอบงีบสัก5-10นาทีเลย
ดังนั้นสำหรับคนปัจจุบันอย่างเราๆ สิ่งที่คอยดึงประสิทธิภาพจากการนอนนั้นมีมากมาย เช่น เสียงเตือนข้อความเข้า ฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ หรือจะเป็นความเครียดของวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างคือศัตรูที่คอยเตะตัดขาเราอยู่ตลอด ยิ่งนานวันเข้าขาเราก็เริ่มอ่อนล้าเต็มที สุดท้ายก็ต้องล้มลงไปนอนกองและฟังกรรมการนับครบสิบ
เห็นว่ารายละเอียดเล็กๆนี้เองที่ทำให้เราสาหัสได้ ฉะนั้นเราจึงควรนำหลักการมนุษย์ยุคหินที่กล่าวมา มาใช้ดีกว่า เมื่อถึงเวลานอน ไม่ว่าข้อความนั้นสำคัญแค่ไหน ควรพยายามตัดมันไปก่อน เหยียดเวลาให้ชีวิตตัวเองบ้าง ปัญหาของวันพรุ่งนี้ก็ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ สำหรับวันนี้เวลามันเป็นของเรา ให้เกียรติเจ้านายสังขารเราให้มาก เพราะมันคือผู้ชี้ชะตาชีวิตเรา มันจะจูงมือเราให้เดินต่อไป หรือเลี้ยวหาความตาย ก็ขึ้นอยู่กับมัน อย่ามัวแต่ให้เกียรติเจ้านายที่ทำงานให้มากจนเกินเหตุ เพราะชีวิตเราเขาไม่ใช่ผู้กรรมชะตาชีวิต
โฆษณา