26 ก.พ. 2023 เวลา 11:32 • ไลฟ์สไตล์

26-FEB-23

วันนี้ก็อีก... ไม่ได้เขียน journal ตอนเช้าหรอก ทั้งๆ ที่เช้าพอควรนะ เหอๆๆ แต่นอนกลิ้งบนเตียงถึง 11 โมงกว่าแน่ะ ก๊ากกๆๆ
อยู่ๆ ก็อยากดูหนังเรื่อง "เด็กหอ" ขึ้นมาซะงั้น จริงๆ อยู่ๆ ก็อยากดูหนังหลายเรื่องนะ ทั้งเก่าทั้งใหม่ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอิทธิพลของการอ่าน review หนังจากเพจนั้นเพจนี้เยอะไปหมด เมื่อวานก็จัด "7 ประจัญบาน" ไป เพราะไปเจอ review มา 2-3 เพจว่ามันดีงั้นดีงี้ น้าค่อมเจ๋งงั้นงี้ เราก็เลยอยากดู สนุกดีนะ ไม่ขี้เหร่เลย น่าจะเป็นยุคที่หนังไทยทำได้ดี
ส่วนเรื่อง "เด็กหอ" ที่เราดูเมื่อเช้าก็ดีมากเลย จริงๆ เราเคยดูเรื่องนี้มาแล้ว 2-3 ครั้งนะ แต่ดูทีไรไม่ค่อยปะติดปะต่อ มาดูตอนกลางๆ หรือตอนใกล้ๆ จบบ้าง มันได้แค่ความรู้สึกว่าเด็กชายตัวเอกของเรื่องน่าจะเพี้ยนไปเองเพราะมีปัญหาทางจิต กับครูผู้ดูแลที่น่าจะประสาทแดกจนทำนักเรียนเพี้ยน ไรงี้
แต่วันนี้ดูเต็มๆ ดูแบบตั้งใจดูด้วยนะ เลยเห็นว่า หนังไม่ได้มีความเป็นหนังผีโฉ่งฉ่างตุ้งแช่หรือหลอกคนดูเลยนะ มันคือเรื่องของผีกับคน ซึ่งเป็นเด็กและอยู่ในโรงเรียน มันมีคำอธิบายถึงที่มาที่ไป แทบจะเป็นหนัง coming of age เลยด้วยซ้ำ เจ๋งนะ เข้าใจแล้วว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเป็น all time favorite ของนักวิจารณ์หลายคน และเป็นหนังผีที่ติด top chart ตลอดแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แนะนำนะคะ
หลังจากนั้นเราก็ดูหนังอีกเรื่อง เดี๋ยวนึกก่อน... เสาร์อาทิตย์นี้เราดู "7 ประจัญบาน 2" ด้วยนะ แต่ดูเมื่อวาน ดูไปได้ครึ่งเรื่อง เพราะไม่ได้ดูแบบตั้งใจ เปิดคาไว้เฉยๆ แล้วนอนเล่นเกมส์ ดูไรอีกน้า.. คิดไม่ออก เมื่อกี้นี้ ก่อนที่จะดู "ฝากไว้ในกายเธอ" เออคิดไม่ออกจริงๆ แฮะ หรืออาจจะไม่ได้ดูอะไรก็ได้นะ คิดไปเองว่าดู แต่ต้องดูสิ ดูอะไรไปนะ... อ๋อ นึกออกละ ดูเรื่อง "Unlocked" หนังฆาตรกรรมของเกาหลีอะ ดูแบบฟังเอาเพราะมันมีพากษย์ไทย โชคดีจริง แต่ก็รู้เรื่องดี สนุกมั้ย... ก็เพลินๆ น่ะ เรื่องเดาได้ไม่ยาก
ตอนนี้พักเบรคจาก "ฝากไว้ในกายเธอ" มากินข้าวเย็นและเขียน journal ก่อน เดี๋ยวขึ้นไปดูต่อ
ก่อนไปพล่ามเรื่องอื่น เราขอบ่นหนังไทยละครไทยนิดนึงอะ เราอยากเห็นหนังที่มันมีบทแบบที่คนเราพูดจากันจริงๆ อะ อย่างเรื่อง "เด็กหอ" แม้ว่าบทจะดี แต่มันก็มีบางจุดที่ตัวละครพูดจากันด้วยถ้อยคำแบบ set อะ คือไม่ธรรมชาติ มันดูเป็นบทละคร มันไม่ใช่คำที่เด็กๆ จะพูดกันจริงๆ สิ่งที่แม่พูดกับลูก มันก็ดูจะ set ไปนิด ไม่ธรรมชาติเลย หรือจริงๆ แล้วผู้กำกับอยากทำให้หนังออกมาเห็นว่าแม่ไม่ได้รักลูกจริง? ฮ่าๆๆ ไม่หรอก เราว่านี่มันคือปัญหาของบทหนังบทละครไทยน่ะแหละ ยิ่งบทละครนะ... จะอ้วก
โอเค นึกออกละ ก่อนจะมาดู "ฝากไว้ในกายเธอ" เราดูเรื่อง "แสงกระสือ" ซึ่งก็สนุกดีน่ะแหละ ไม่เลี่ยนดี แต่นี่แหละ เรื่องนี้คือตัวอย่างที่ดีของการทำบทหนังห่วยๆ คือหนังอุตส่าห์ set ให้เป็นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวยากหมากแพง สมัยต้นรัตนโกสินทร์ไรงี้ ซึ่งเราเข้าใจว่าคนสมัยนั้นเค้าไม่ได้พูดจากันแบบนั้นอะเนอะ นี่พูดอย่างกะละครไทยในปัจจุบัน
เราจำได้ว่าตอนดูๆ อยู่ ยังคิดในใจว่า "อุตส่าห์ลงทุนทำหนังแล้ว จะเจียดเงินเล็กน้อยเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยโบราณมาปรับปรุงคำในบทให้ไม่ได้เชียวหรือ และให้เวลานักแสดงซัก 2-3 วันไปทำความเข้าใจและหัดพูดภาษาไทยแบบสมัยนั้นให้คล่องๆ ไม่ได้เชียวหรือ เราว่ามันไม่ได้ทำให้งบบานปลายเลยนะ... สุดท้ายเรื่องนี้เลยเป็นหนัง fantasy ไปเลย แต่เรื่องสนุกนะ เราว่าแปลกใหม่ดี และไม่ติงต๊องเหมือนแก๊งพี่นาคด้วย
คืนนี้เราจะได้เจอสุดที่รักแล้ว ดีใจจัง เราไม่อยากไปที่พักของเค้าเลย อยากนัดเจอข้างนอกมากกว่า แต่ถ้าดึกมาก เราก็ขี้เกียจออกไปนะ ยังไงดี อาจจะไม่ได้เจอก็ได้ถ้ามันดึกเกิน เค้าก็คงอยากจะพักผ่อนเหมือนกัน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
งั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปดูหนัง เก็บห้อง ทำนู่นทำนี่ให้ชีวิตดูมีความใช้เวลาเสาร์อาทิตย์เพื่อพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบดีกว่า
โฆษณา