27 ก.พ. 2023 เวลา 06:59 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

พี่น้องตระกูลฮุย ผู้เร่งการเปลี่ยนแปลงในหนังฮ่องกง

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 หนังฮ่องกงมีการเปลี่ยนแปลงทางการใช้ภาษาอย่างมากตามที่ระบุไปแล้วในตอนที่แล้ว มีการใช้ภาษากวางตุ้งมากขึ้นเมื่อเทียบกับภาษาจีนกลางที่มีอิทธิพลในช่วงทศวรรษที่ 60 และต้นทศวรรษที่ 1970 ภาษากวางตุ้งทำให้สามารถแสดงสำนวน วัฒนธรรม และอารมณ์ขันในแบบของท้องถิ่นได้มากขึ้น สื่อและนักวิชาการหนังฮ่องกงบอกว่าไม่มีใครในยุคนั้นสมควรได้รับเครดิตมากไปกว่าพี่น้องตระกูลฮุย ไมเคิล ริคกี้ และแซม ฮุย
ทั้งสามกลายเป็นผู้นำของการฟื้นคืนภาษาจีนกวางตุ้งในวงการบันเทิงฮ่องกงในทศวรรษที่ 1970 และ 80 โดยได้รับชื่อเสียงจากผลงานแสดงหน้ากล้องและงานเบื้องหลัง ยิ่งไปกว่านั้น แซม ฮุยยังมีฐานะศิลปินเพลงทั้งเดี่ยว และนักร้องนำของวง Lotus ยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พี่น้องตระกูลฮุยอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกแห่งความบันเทิงของฮ่องกง
ไมเคิลเปิดตัวครั้งแรกในปี 1972 เรื่องจ้าวขุนศึก โดยผันตัวมาจากดาราตลกทางรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บทบาทของเขาในหนังเรื่องนี้ไม่เพียงทำให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านตลกที่พัฒนามาอย่างดี แตกต่างจากดาราตลกยุคเดียวกันที่เติบโตมาจากวงการหนัง ไม่ว่าจะเป็นซือเทียน เมาะเจีย ที่คนพวกนี้มักเป็นตลกที่อยู่ในกลุ่มตัวเสริมตัวละครเอกและมีหน้าที่ทำท่าทางตลกขบขัน
แต่ไม่ใช่ไมเคิล ฮุย เขายกระดับหนังตลก โดยอาศัยลักษณะเฉพาะบางอย่างที่คนทั่วไปจับต้องได้ เช่น ปัญหาสังคม การแข่งขันทางการค้า ชีวิตผู้คนปากกัดตีนถีบ ประเด็นที่หนักหน่วงเหล่านี้ถูกย่อยออกมาเป็นหนังตลก ที่สำคัญเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดเชิงบวก หนังของเขาไม่เพียงทำเงินในฮ่องกง แต่ยังตีกินไปทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
หนังเรื่องแรกของไมเคิล ฮุยในฐานะผู้กำกับ คือเรื่อง Games Gamblers Play ในปี 1974 ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อไทยว่า 2 คน 2 โกง( ตอนนี้มีให้ดูใน IQIYI ในชื่อเรื่องสองเพื่อนรักนักเสี่ยงโชค) ซึ่งเขาเปิดบริษัทสร้างหนังให้โกลเดนฮาร์เวสต์ จัดจำหน่าย โดยแสดงนำร่วมกับน้องชายทั้ง 2 คนคือริคกี้และแซ เป็นเรื่องราวของนักพนันสองคนที่วางแผนหาเงินโดยไม่ต้องทำงานอาศัยการเสี่ยงโชค หนังประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ชาวจีนนิยมเรื่องการพนัน จะเห็นว่าจะมีหนังทำนองนี้ออกมามาก
แต่ Games Gamblers Play อาศัยมุกตลกแบบการ์ตูนของไมเคิล ฮุยได้อย่างสนุก และต่างไปจากหนังการพนันเรื่องอื่นตรงที่หนังล้อเลียนหนังการพนันที่มีอยู่แล้วในฮ่องกงที่ตัวละครของมักสวมชุดทักซิโด้ ดูหรู รวย แต่ตัวละครของไมเคิลเป็นคนธรรมดาที่หยาบกระด้าง เหมือนกับผู้ชมทั่วไป ถ้าตัดเอามุกตลบกแบบการ์ตูนออกไป หนังของเขาก็คือเรื่องของคนธรรมดาที่จับต้องได้ง่ายกว่า
ไมเคิลยังกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Last Message (มีให้ดูใน Iqiyi ใช้ชื่อไทยว่าคนจะรวยช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ไม่แน่ใจชื่อไทยตอนฉายโรงคืออะไร) ในปี 1975 ซึ่งเป็นหนังที่แหวกแนวเกี่ยวกับความวิกลจริต สะท้อนภาพทุนนิยมและสังคมฮ่องกง ไมเคิลและแซมแสดงเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโรคจิตที่ไปพบชายบ้าที่มีของจากราชวงศ์หมิงเต็มไปหมด พวกเขาจึงพยายามออกค้นหา ตัวเนื้อหาค่อนข้างหนักแต่ไมเคิลเจนจัดเอาเรื่องหนักๆ เหล่านี้มาทำเป็นหนังเบาสมอง นอกจากนั้นจุดที่เด่นคือเพลงประกอบของแซมกับวง The Lotus
หนังเรื่องต่อมาเป็นหนังที่ดังมากๆของสามพี่น้อง คือ The Private Eyes หรือ เก่งกับเฮง (ตอนหลังมีเอาคำว่าเก่งกับเฮงมาใช้กับหนังของแซม ฮุย คนเกิดความสัปสนว่าเป็นเรื่องเดียวกับ Aces Goes Places ซึ่งจำได้ว่าใช้ชื่อไทยว่า เก่งกับเฮง เฮงลูกเดียว)
หนังออกฉายในปี 1976 ยังคงเล่าเรื่องคนที่ปากกัดตีนถีบพยายามหากินในฮ่องกง และตัวหนังเป็นผลงานการแสดงที่ทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทักษะการแสดงของพี่น้องแต่ละคน แซมรับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญกังฟูที่ถูกหลอกได้ง่าย ในขณะที่ริคกี้เล่นเป็นคนพูดติดอ่าง ไมเคิลเปิดสำนักงานนักสืบเอกชนรับทำคดีต่างๆ แบบไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก หนังทำเงินสูงเป็นอันดับหนึ่งของฮ่องกงปีนั้นด้วยรายได้ 16 ล้านเหรียญฮ่องกง
หนังเรื่องต่อๆ มาของไมเคิล ฮุยยังคงประสบความสำเร็จ The Contract (1978) เป็นหนังตลกร้าย ทำรายได้ไป 7.8 ล้านเหรียญฮ่องกง เป็นอันดับสองหนังทำเงินปี 1978 ยิ่งส่งผลให้สถานภาพสามพี่น้องตระกูลฮุยแข็งแกร่งมากกับการเป็นมันนี แมชชีน
ต่อมาใน Security Unlimited (1981) ไมเคิลยังรับบทเป็นคนเลวที่ในที่สุดก็พบมโนธรรมของตนเอง รับบทเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในบริษัทรักษาความปลอดภัย เขาสมรู้ร่วมคิดและข่มเหงผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างโหดเหี้ยม สองคนรับบทโดยริกกี้และแซม ถึงกระนั้น ในตอนจบของภาพยนตร์ เขาก็ได้ค้นพบความเป็นมนุษย์อีกครั้ง
แม้ว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะเป็นสูตรสำเร็จก็ตาม มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถด้านการแสดง การเขียนบท และการกำกับของไมเคิล ฮุย ที่เขายังคงกระตุ้นความเห็นอกเห็นใจของผู้ชม หนังของเขาแสดงถึงความดีงามในตัวมนุษย์ ไม่ว่าใครจะเป็นมาอย่างไร แต่ในที่สุดก็กลับตัวได้
นอกจากพี่น้องร่วมตระกูลแล้ว เขาก็ได้นักแสดงฝั่งหญิงที่น่าสนใจหลายเรื่องใน Teppanyaki (1984) ได้เยี่ยเซียนเหวิน(Sally Yeh) หรือใน Chocolate Inspector (1986) ไมเคิลรับบทเป็นสารวัตรช็อกโกแลต และริคกี้น้องชายรับบทเป็นสารวัตรทาร์ต ตำรวจสองคนตั้งชื่อตามอาหารที่พวกเขาชื่นชอบ พวกเขาต้องพยายามไขคดีเด็กหาย ในขณะเดียวกันก็คอยจับตาดูลูกสาวของผู้บังคับบัญชาที่แสดงโดยเหมยเยี่ยนฟาง
หนังที่โด่งดังที่สุดของไมเคิล ฮุยในยุคหลังคือ เก่งกั๊กเฮง(เก่งกับเฮง3) /Chicken and Duck Talk(ใน Iqiyi มีให้ดู) เป็นผลงานคอมเมดี้ชิ้นเอกที่ทำเงินสูงถึง 29 ล้านเหรียญฮ่องกง
ไมเคิล ฮุย รับบทเป็นเจ้าของร้านเป็ดย่างที่ถูกคุกคามทั้งอย่างลับๆ และเปิดเผยจากคู่แข่งร้านฟาสต์ฟู้ดหน้าใหม่ที่มีแนวคิดแบบตะวันตก หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าหนังของไมเคิล ฮุย สามารถตลกขบขันในขณะที่มีความหมาย สะท้อนความคิดเชิงสังคมเข้ามาในเนื้อเรื่องได้สนุก ตลกขบขันและปวดร้าว ดื่มด่ำกับความรื่นรมย์ และเจ็บปวดกับการเหยียดหยาม
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่งในหนังของไมเคิล ฮุยคือจิตสำนึกทางชนชั้น แม้จะเป็นหนังตลกแต่ไม่ว่างเปล่า แล้วเมื่อปีที่ผ่านมาเขาได้รับรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ Lifetime Achievement Award ซึ่งไมเคิล ฮุยขออุทิศรางวัลนี้ให้กับริคกี้ ฮุยน้องชายของเขา โดยบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้รับการสนับสนุนจากน้องเป็นอย่างดี ริคกี้ไม่เคยบ่น แม้ว่าจะเป็นเพียงบทรองสนับสนุนเท่านั้น
สำหรับริคกี้ ฮุย เริ่มต้นทำงานด้วยการแสดงเป็นตัวประกอบในหนังของชอว์บราเดอร์ส เคยแสดงในหนังยุคแรกๆของจอห์น วู เช่น From Riches to Rags (1980), Plain Jane to the Rescue (1982) และ To Hell with the Devil (1982) แต่หนังที่ประสบความสำเร็จและทำให้นักดูหนังทั่วโลกจดจำเขาได้คือ บทลูกศิษย์นักพรตเหมาซานอาจารย์ผีกัด ในผีกัดอย่ากัดตอบ - Mr. Vampire 1992 (1992) ริกกี้ยังปรากฏตัวในหนังแนวนี้อีกหลายเรื่อง เช่น The Haunted Cop Shop (1987), The Haunted Cop Shop 2 (1988), Ghost for Sale (1991
นอกจากนี้เขายังเป็นศิลปินเพลง ออกอัลบั้มเดี่ยวหลายชุด และมีคอนเสิร์ตเป็นของตนเอง โดยที่กำลังจะมีแผนขึ้นคอนเสิร์ตร่วมกับน้องชายคือแซม ฮุยในปี 2012 แต่เขาก็หัวใจวายตายเสียก่อนในปี 2011 โดยที่กว่าจะมีคนมาพบศพก็เสียชีวิตไปหลายวันแล้ว
ส่วนแซม ฮุย นั้น เป็นนักร้องทั้งเดี่ยว และร่วมตั้งวงดนตรี แสดงในหนังยอดนิยมของฮ่องกงมากมาย ร่วมกับเมาะเจียทำ Aces Go Places 1-5 (1982, 1983, 1984, 1986, 1989) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากหนังพิงค์ แพนเทอร์ เขายังแสดงใน The Dragon From Russia (1990) และ The Swordsman (1990)
สามพี่น้องตระกูลฮุยสร้างการเปลี่ยนแปลงและประวัติศาสตร์ให้กับหนังฮ่องกง(ฮุยคนที่ 4 คือ สแตนลีย์ไปเอาดีทางหลังกล้อง) ซึ่งหนังเด่นๆ ของพวกเขาเกือบทุกเรื่องมีให้ดูกันใน IQIYI (แบบ VIP คือมีค่าสมาชิก) บางเรื่องก็มีใน Netflix
โฆษณา