28 ก.พ. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก Options ที่ Warren Buffett ชอบใช้ซื้อหุ้นแพง ในราคาถูก

หนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการลงทุนแบบ VI คือ การได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) เพื่อป้องกันการประเมินมูลค่าผิดพลาด
แน่นอนว่า การจะซื้อหุ้นให้ได้ในราคาที่ต้องการ อย่างแม่นยำนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ แต่นักลงทุนระดับตำนานอย่างคุณ Warren Buffett กลับซื้อหุ้นในราคาที่เขาต้องการได้อยู่เรื่อย ๆ
และถ้าหากคุณสงสัย ว่าคุณ Warren Buffett มีสูตรลับอะไร ถึงทำให้เขาสามารถซื้อหุ้นในราคาถูก ได้บ่อยครั้งแบบนี้ ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ
คำว่า “Options” ซึ่งเป็นตราสารทางการเงิน อันสลับซับซ้อนและเข้าใจยาก เมื่อนำมาวางไว้กับชื่อของคุณ Buffett ผู้มีหลักการลงทุนอันเรียบง่าย ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
แต่อันที่จริงแล้ว เจ้าตราสารทางการเงินนี้เอง คือท่าไม้ตายที่คุณ Buffett ใช้อยู่เป็นประจำ ในเวลาที่เขาต้องการเข้าซื้อหุ้น ซึ่งราคาวิ่งไปไกล จากราคาที่เล็งไว้
ถึงตรงนี้เองหลายคน อาจจะเลิกคิ้วสงสัยแล้วว่า Options คืออะไร ?
สิ่งที่ใกล้เคียงกับ Options และเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกับเรามากที่สุด ก็คือ การทำประกัน
โดยสัญญา Options นั้น จะมีอยู่ 2 แบบ คือ Call ซึ่งเป็นเหมือนการทำประกัน ว่าเราจะได้ซื้อหุ้นถูก ในช่วงตลาดขาขึ้น และ Put จะเป็นการทำประกันว่า เราจะได้ขายหุ้นแพง ในช่วงตลาดขาลง
ยกตัวอย่างเช่น
 
ตอนนี้หุ้น XYZ ราคา 15 บาท ถ้าหากเราซื้อ Call Options แล้วราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 25 บาท เราก็สามารถใช้สิทธิ์ Call Options เพื่อซื้อหุ้นที่ราคา 15 บาท และทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้
ในขณะที่ถ้าราคาหุ้น XYZ ลดลงเหลือ 5 บาท ถ้าหากเราซื้อ Put Options เราก็สามารถใช้สิทธิ์ขายหุ้น ที่ราคา 15 บาท และทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้เช่นกัน
 
นอกจากนี้ เราสามารถทำการซื้อและขายสัญญา ทั้ง 2 แบบ ในตลาดได้ โดยการซื้อสัญญา เรียกว่า Long และการขายสัญญา เรียกว่า Short
1
โดยผู้ที่ขายสัญญาจะได้รับเงินค่าสัญญา เรียกว่า Premium ในขณะที่ผู้ที่ซื้อสัญญาไป ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ซื้อหรือขาย ในสัญญาที่ซื้อมาได้
เหมือนกับเวลาที่เราต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ให้กับบริษัทประกัน แลกกับการที่เราสามารถใช้ประกัน เพื่อเคลมเงิน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเรา
สิ่งที่คุณ Buffett ใช้เป็นท่าไม้ตาย สำหรับซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงนั้น ก็คือการทำ Short Put หรือก็คือ การขายสัญญาประกันที่จะขายหุ้นแพงกว่าตลาด ให้กับนักลงทุนคนอื่น ๆ นั่นเอง
แล้วการทำ Short Put ช่วยให้คุณ Buffett ซื้อหุ้นถูกลงได้อย่างไร ?
สมมติว่าคุณ Buffett ต้องการซื้อหุ้นตัวหนึ่ง แต่ราคาหุ้นได้วิ่งนำราคาที่เขาประเมินไว้ ไปไกลมากแล้ว การที่เขาจะนั่งรอราคาหุ้นตกเพื่อเข้าซื้อ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเกินไป อีกทั้งยังเสียโอกาส ในการลงทุนหุ้นตัวอื่นอีกด้วย
การขายสัญญา Put Options หรือการทำ Short Put จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะคุณ Buffett จะไม่ได้แค่นั่งรอราคาหุ้นตกเฉย ๆ แต่เขาจะได้รับเงินค่า Premium จากการขายสัญญา Put Options เข้าบัญชีธนาคารไว้ก่อน
ซึ่งถ้าหากราคาหุ้นจะวิ่งต่อไปอีก คุณ Buffett ก็ไม่เดือดร้อน เพราะเขาก็เพียงแค่นำเงินค่า Premium ที่ได้ ไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น ๆ ที่มีโอกาสทำกำไรแทน
แต่ถ้าหากราคาหุ้นตก ก็จะเข้าทางคุณ Buffett เพราะนอกจากเขาจะได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต้องการแล้ว เมื่อนำค่า Premium ที่ได้รับจากการขายสัญญา มาหักลบกับต้นทุนที่จ่ายไป ก็จะทำให้ท้ายที่สุดแล้ว คุณ Buffett จะจ่ายเงินซื้อหุ้นน้อยลง และได้ต้นทุนต่อหุ้นที่ถูกลงด้วย
ตัวอย่างการทำ Short Put ที่สำคัญครั้งหนึ่งของคุณ Buffett ก็คือตอนที่เขาต้องการเข้าซื้อหุ้น Coca-Cola ในปี 1993
ในตอนนั้นราคาหุ้น Coca-Cola อยู่ที่ 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น แต่คุณ Buffett มองว่าเป็นราคาที่แพงเกินไป เพราะราคาที่เขาเล็งไว้ อยู่ที่ประมาณ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
1
เขาจึงทำการขายสัญญา Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิ์อยู่ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวนรวม 50,000 สัญญา คิดเป็น 5,000,000 หุ้น โดยแต่ละสัญญามีราคา หรือ Premium อยู่ที่ 150 ดอลลาร์สหรัฐ
4
นอกจากนี้ อย่างที่กล่าวไปว่า ผู้ขายสัญญา Options จะได้รับผลตอบแทน เป็นค่า Premium คุณ Buffett จึงได้เงินก้อนมาใช้ก่อน เป็นจำนวนมากถึง 7,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในตอนนั้น
ซึ่งถ้าหากคุณ Buffett ไม่ได้ทำการ Short Put แต่รอเพียงแค่ราคาที่ตกลงมาที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นอย่างเดียว เขาจะต้องจ่ายเงินค่าซื้อหุ้นจำนวน 5,000,000 หุ้น เป็นจำนวนเงินเท่ากับ 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่เมื่อคุณ Buffett ทำ Short Put ค่า Premium จำนวน 7,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เขาได้รับมา ก็จะไปหักลบกับจำนวนเงิน ที่เขาได้จ่ายซื้อหุ้น
ส่งผลให้คุณ Buffett จะจ่ายเงินซื้อหุ้นจริงอยู่ที่ 167.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น หรือถ้าหากคิดเป็นต้นทุนต่อหุ้น ก็จะอยู่ที่ 33.5 ดอลลาร์สหรัฐ
1
เรื่องนี้เองได้แสดงให้เราเห็นว่า การมีหลักการที่เรียบง่าย และมีวินัยในการลงทุน ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครหลาย ๆ คน กลายเป็นนักลงทุนที่ดีได้
แต่สำหรับนักลงทุนระดับตำนาน อย่างคุณ Buffett แล้ว การศึกษาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับหลักการลงทุนของตัวเอง จนสร้างเป็นท่าไม้ตายของตัวเองออกมาได้
ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่านักลงทุนทั่วไป และยังคงสร้างผลตอบแทน ที่ชนะตลาดอยู่เรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้..
โฆษณา