28 ก.พ. 2023 เวลา 05:33 • การศึกษา

พระราชบัญญัติธรรมนูญทหาร พ.ศ.2498

ศาลทหารแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ
1.ศาลทหารชั้นต้น
2.ศาลทหารกลาง
3.ศาลทหารสูงสุด
 
ศาลทหารชั้นต้น แบ่งออกได้ดังนี้
1.ศาลจังหวัดทหาร ทุกจังหวัดทหารให้มีศาลจังหวัดทหารศาลหนึ่ง เว้นแต่จังหวัดทหารที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลทหาร มีอำนาจพิจารณาคดีฐานความผิดยกเว้นคดีที่จำเลยเป็นนายทหารสัญญาบัตร พิพากษาคดีที่จะลงโทษสูงไม่ได้
2.ศาลมณฑลทหาร ทุกมณฑลทหารให้มีศาลมณฑลทหารศาลหนึ่ง เว้นแต่มณฑลทหารที่ตั้งศาลทหารกรุงเทพ มีอำนาจพิจารณาคดีฐานความผิดยกเว้นคดีที่จำเลยเป็นนายทหารชั้นนายพล
3.ศาลทหารกรุงเทพ มีเขตอำนาจไม่จำกัดพื้นที่ พิจารณาพิพากษาคดีอาญาได้ทุกบทกฎหมายโดยไม่จำกัดยศของจำเลย
4.ศาลประจำหน่วยทหาร ตั้งขึ้นเมื่อหน่วยทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่นอกราชอาณาจักร หรือกำลังเดินทาง และมีกำลังทหารไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน
 
ศาลทหารในเวลาไม่ปกติ คือศาลทหารชั้นต้น ในเวลาที่มีสงคราม หรือการประกาศใช้กฎอัยการศึก มีระเบียบวิธีพิจารณาที่แตกต่างไปบ้าง
 
ตุลาการทหาร อาจเป็นนายทหารที่ไม่รู้กฎหมายก็ได้
ตุลาการพระธรรมนูญเป็นนายทหารที่มีความรู้กฎหมาย
 
ศาลทหารชั้นต้น ต้องมีตุลาการ 3 นาย เป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา คือ นายทหารชั้นสัญญาบัตร 2 นาย ตุลาการพระธรรมนูญ 1 นาย
 
ศาลทหารกลางต้องมีตุลาการ 5 นาย เป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา คือ นายทหารชั้นนายพล 1 หรือ 2 นาย นายทหารชั้นนายพัน นายนาวา หรือนายนาวาอากาศขึ้นไป 1 หรือ 2 นาย ตุลาการพระธรรมนูญ 2 นาย
 
ศาลทหารสูงสุดต้องมีตุลาการ 5 นาย เป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา คือนายทหารชั้นนายพล 2 นาย ตุลาการพระธรรมนูญ 3 นาย
การพิจารณาคดีของศาลทหาร
ในเวลาปกติ : ผู้เสียหายที่เป็นทหารเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาเองได้ ส่วนผู้เสียหายที่เป็นพลเรือน ต้องมอบคดีให้ศาลทหาร
ในเวลาไม่ปกติ : ต้องให้อัยการทหารเท่านั้นเป็นโจทก์
 
ในเวลาปกติและในเวลาไม่ปกติ ให้จำเลยมีทนายได้
การพิจารณาและสืบพยาน ถ้าจำเลยให้การรับสารภาพหรือไม่ติดใจฟัง จะไม่ทำต่อหน้าจำเลยนั้นก็ได้
 
ถ้าไม่มีกฎหมาย กฎและข้อบังคับฝ่ายทหาร ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม
ถ้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่จะใช้ได้
คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทหารในเวลาปกติ โจทก์หรือจำเลยอุทธรณ์หรือฎีกาได้ภายใน 15 วัน
คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทหารในเวลาไม่ปกติ ห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา
 
ผู้เสียหายจะร้องขอให้จำเลยคืนทรัพย์ หรือชดใช้ค่าเสียหายไม่ได้ ถ้าโจทก์ร้องขอให้ยึดทรัพย์จำเลย ให้ส่งคดีนั้นไปยังศาลพลเรือน
อัยการทหารร้องขอ ศาลทหารมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์ หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐบาลได้ ในกรณีที่จำเลยกระทำผิด
บุคคลที่ต้องถูกพิจารณาคดีที่ศาลทหาร
1.ทหาร
2.นักเรียนทหาร
3.พลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร
4.บุคคลซึ่งอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารโดยชอบด้วยกฎหมาย เชลยศึก
 
ประเภทคดีที่ขึ้นศาลทหาร
1.ความผิดต่อกฎหมายทหาร หรือความผิดอาญาอื่น
2.ความผิดอาญาตามบัญชีต่อท้ายกฎอัยการศึก ในกรณีมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก
3.ประกาศให้คดีบางประเภทอยู่ในอำนาจของศาลทหาร ซึ่งจะมีอำนาจเหนือบุคคลทุกประเภท ทั้งพลเรือนและทหาร
คดีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
1.คดีที่ทหารกระทำความผิดร่วมกับพลเรือน
2.คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน
3. คดีที่ผู้กระทำความผิดเป็นด็กและเยาวชน
4.คดีที่ศาลทหารเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร
 
คดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลพลเรือน แต่ศาลพลเรือนรับฟ้องไปแล้ว ก็ให้ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป
ผู้มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก อาจประกาศให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกและในระหว่างที่ใช้กฎอัยการศึก ตามที่ระบุไว้ในบัญชีต่อท้ายพระราชบัญญัติ
🙏 ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ กรุณากด “ถูกใจ” ด้วยครับ
โฆษณา