1 มี.ค. 2023 เวลา 02:49 • ปรัชญา

10ความจริงสูงสุดที่ทุกคนควรตระหนัก

"เมื่ออ่านจบเราจะดีใจและมีความสุขที่ได้เกิดเป็นมนุษย์"
ความลึกซื้ง คำสอน พุทธศาสนา
เนิ่นนานวัน เวลา แสดงผล
นักควอนตัมฟิสิกซ์ ผู้รู้ แสดงตน
คลายสับสน ข้อพิสูจน์ อย่างชัดเจน
ว่าคำสอน ธรรมะ ศาสนาพุทธ
เป็นที่สุด ยืนยัน ให้แลเห็นเห็น
สิ่งควรทำ ข้อไหน ให้ควรเว้น
เมื่อรู้เช่น วิทยาศาสตร์ ยังตะลึง
10ความจริงสูงสุดที่ทุกคนควรตระหนัก
10ความจริง สูงสุด ควรตระหนัก
10ความจริง ที่ประจักษ์ น่ายึดถึง
10ความจริง ควรใส่ใจ ใคร่รำพึง
10ความจริง ต้องคำนึง ที่ควรบอก
1.เหตุแห่งทุกข์
แท้จริงแล้ว ทุกข์สุข เกิดจากไหน
ใช่จากใคร ใช่ปัจจัย จากภายนอก
เป็นตาหู จมูกลิ้น กายใจหรอก
ส่วนปัจจัย ภายนอก เพียงตัวแปร
และปัจจัย ภายใน คือสติ
สมาธิ ไม่แข็งแรง จะพาแย่
ตาหูจมูก ลิ้นกาย ใจอ่อนแอ
เป็นสิ่งแน่ เกิดขึ้นได้ ทุกเวลา
เมื่อสติ แข็งแรง ทุกสิ่งหยุด
จิตไม่ฉุด เสวยอารมณ์ ไม่ใฝ่หา
หยุดกระบวน ลิ้นจมูกใจ กายหูตา
พากายา ไม่ว้าวุ่น สงบลง
เมื่อรับรู้ ต้นเหตุ ของทุกข์สุข
ให้สุขทุกข์ ปรับสมดุลย์ ไม่ลุ่มหลง
ในสภาวะ เป็นกลาง ให้มั่นคง
เหมือนปลดปลง ดวงจิตนี้ จึงเบิกบาน
2.อนัตตา
เพราะยึดถือ เป็นตัวเรา เป็นตัวเขา
ใจนั้นเล่า ปรุงแต่งจิต คิดประสาน
แท้จริงแล้ว ตัวเรา อุปาทาน
เพียงแค่กาล ที่เรา ได้ดำรงค์
ความเป็นเรา เปรียบได้ รถหนึ่งคัน
แยกชิ้นส่วน ออกจากกัน ให้ฝุ๋ยผง
สิ่งที่เห็น ไม่เรียกรถ ที่เจาะจง
สภาพคง ความเป็นรถ หมดวอดวาย
ฝึกสติ จนแยกกาย ความคิดจิต
สิ่งยึดติด คิดเป็นเรา ก็จะหาย
ผู้ยึดมั่น ถือมั่น ก็กลับกลาย
ทุกข์ทั้งปวง ที่มากมาย ยุติลง
3. วัฏสงสาร
เราทั้งหลาย ล้วนเกิดมา นับล้านชาติ
จนมิอาจ ยากจะนับ ให้พาหลง
เคยรวยจน ฉลาดโง่ เง่างมงง
เคยดำรง พระ ราชา ยาจก คนพิการ
เป็นกระเทย เป็นทอม เป็นชายหญิง
เป็นนักบุญ โจรหยิ่ง สัตว์เดรฉาน
สัตว์นรกเปรต อสุรกายเทวดา อวตาน
เคยเกิดผ่าน ทุกชาติ จงดูเอา
ดังนั้นเรา หากเกิดดี ในชาตินี้
เกิดชาติหน้า ใช่จะดี อย่างชาติเก่า
เป็นเศรษฐี ในชาตินี้ อย่ามัวเมา
ชาติหน้าเล่า เป็นสัตว์นรก อย่าทนง
ชาตินี้เกิด เป็นสัตว์ เดรัจฉาน.
ชาติหน้ากาล ชาติมนุษย์ สุดสูงส่ง
รูปงามพร้อม มากบริวาน งานมั่นคง
มีเผ่าพงศ์ ในตระกูล ชาติผู้ดี
ตราบใดที่ ยังเวียนว่าย ตายแล้วเกิด
อย่าลำพอง ว่าประเสริฐ สูงศักดิ์ศรี
ไม่มีใคร ดีกว่าใคร ทุกชีวี
ทุกคนล้วน สุ่มเสี่ยงมี ไม่แน่นอน..
4.ความเป็นตัวตน
จิตสุดท้าย ก่อนตาย ของชีวิต
ในดวงจิต จะลิขิต ลางสังหร
หลังชีพดับ ลับลา คราม้วยมรณ์
จิตจะจร ไปเกิด เป็นอะไร..
สุดท้ายจิต ควบคุมยาก มากที่สุด
จะถึงจุด เศร้าหมอง ความสงสัย
เกิดความกลัว การยึดติด เกาะจิตใจ
เกิดภายใน เจ็บปวด ร้าวอุรา..
สิ่งเหล่านี้ จะดึง ให้มนุษย์
ปฏิสนธิจิต ในภูมิผุด ไม่ใฝ่หา
ภูมินรก เปรตเดรฉาน อสุรกายา
แสนเสดสา เวทนา วังเวียนวน
พุทธเจ้า ตรัสว่า ผู้ตายจาก
สุดแสนยาก เป็นมนุษย์ ได้อีกหน
เท่าเม็ดทราย เกาะติด ปลายนิ้วคน
ทรายเหลือบน ปฐพี มีมากมาย
เทียบได้กับ คนตาย ไปจากโลก
ต้องเศร้าโศก วิโยก มีมากหลาย
เป็นเปอร์เซ็น จุดศูนย์ล้าน เห็นจะได้
ดังเม็ดทราย ที่ปลายนิ้ว กับปฐพี...
มีความหมาย ว่าคน ที่จากดับ
เมื่อลาลับ โอกาสกลับ เป็นคนนี้
แสนจะยาก เป็นมนุษย์ ได้อีกที
อาจไม่มี ไม่เว้น แม้ตัวเรา...
5. อนิจจัง
ชีวิตที่ เราเห็น ดำรงอยู่
เป็นชั่วครู่ ชั่วคราว เท่านั้นเล่า
อมตะ นั้นไม่มี อย่าหูเบา
ทั้งเราเขา ไม่กี่วัน ก็ต้องตาย
สิ่งที่เรา หามาด้วย ความลำบาก
สิ่งหายาก ว่าสำคัญ เคยมั่นหมาย
ความสามารถ เกียรติภูมิ เชิดชูกาย
ต้องสลาย มิได้อยู่ อย่างจีรัง
ทั้งพ่อแม่ ลูกเมียผัว ญาติพี่น้อง
อีกเพื่อนฟ้อง มิตรสหาย แต่ภายหลัง
ทั้งหน้าที่ การงาน ทองสตางค์
บ้านสวยทั้ง ที่ผืนดิน ความภาคภูมิใจ
ทั้งหมดนี้ แม้เรา มีอำนาจ
ใครมิอาจ นำไป ติดตัวได้
ทุกวันนี้ เราใช้เวลาที่มี เพื่อสิ่งใด
ทำเพื่ออะไร เพราะเอาไป ไม่ได้เลย
เราควรเร่ง ใคร่คิด พิจารณา
ค่อยค้นหา อย่าปล่อยใจ ให้นิ่งเฉย
พฤติกรรม ต้องรีบเปลี่ยน อย่าเฉยเมย
สิ่งที่เคย ต้องเปลี่ยนใหม่ ให้รวดเร็ว..
6.ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
บุญบาปเป็น ของมีจริง ในโลกนี้
ทุกกระทำ มีดี มีล้มเหลว
ผลสะท้อน เหมือนเข็มขัด ที่รัดเอว
ทุกสิ่งใด ทั้งดีเลว ได้คนกระทำ
ไม่วันนี้ วันหน้า ก็วันไหน
ทั้งชาตินี้ ชาติต่อไป อย่าถลำ
ทุกคำพูด ทุกคำขาน การกระทำ
จึงเป็นสิ่ง ควรจดจำ ในชีวี
พูดสิ่งใด ทำสิ่งใด จงจำไว้
มิจารึก เห็นได้ เพียงโลกนี้
จารึกไว้ ในสังสารวัฏ ในฤดี
จิตเรานี้ จะจองจำ ตลอดกาล
ตัวเราเอง จะต้องรับ ผลแห่งกรรม
ผลกระทำ เวียนว่าย วฏสงสาร
ก่อนกระทำ ก่อนพูด พินิจนาน
ทั้งวิจารณ์ ปฏิบัติ พิจารณา...
7.เพื่อนร่วมโลก
ทุกคนที่ เราเห็น พ่อ แม่ พี่ น้อง
ญาติเพื่อนพ้อง มิตรสหาย มากนักหนา
ทั้งรู้จัก ไม่รู้จัก ในโลกา
ทุกกชีวา ย่อมต้อง เกี่ยวข้องกัน
ตราบที่เรา อยู่ใน วฏสงสาร
เราและเขา ต้องขับขาน ทั้งเธอฉัน
ทุกฐานะ ทำดี มีต่อกัน
พวกเรานั้น พบกันบน หนทางดี
หากว่าเรา คิดชั่ว ทำร้ายเขา
เขาก็จะ ทำร้ายเรา หยามศักดิ์ศรี
ต่างจองเวร จองล้าง ผลาญชีวี
ไม่สิ้นสุด กันสักที ตลอดไป
เพื่อนร่วมสุข ร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย
มีความหมาย มากมาย อย่าสงสัย
มองคนอื่น เหมือนครอบครัว มอบรักไป
คือหนทาง มุ่งใฝ่ สู่ความดี...
8.สร้างเสบียง
เมื่อการเวียน ว่ายตายเกิด นั้นมีจริง
ควรประวิง บริหาร ชีวิตนี้
ให้ควบคุม ทุกมิติ เท่าที่มี
ให้ดีๆ ตลอดชีพ ที่ดำรง
หากว่าเรา ไม่กำหนด ในชาตินี้
ชาติหน้ามี ชีวี ต้องฝุ๋ยผง
ไม่ทำให้ ชาตินี้ มีมั่นคง
ชาติหน้าต้อง ทนทุกข์ ทรมาน
ถึงแม้ว่า ชาตินี้ ดีที่สุด
อาจถึงจุด ชาติหน้า น่าสงสาร
ขาดสั่งสม เตรียมเสบียง เมื่อถึงกาล
แล้วชาติหน้า จะสราญ ได้อย่างไร
เสบียงที่ว่า คือการก่อ กุศลบุญ
ไว้เกื้อหนุน หากเกิด ตกถิ่นไหน
บุญหรือบาป หากกระทำ นำติดไป
ชั่วดีใด อยู่ที่ใคร ผู้กระทำ...
9.ความไม่ประมาท
วันเวลา ที่เราเห็น อยู่ตรงหน้า
ไม่สามารถ นำมา กลับใช้ซ้ำ
อดีตคือ เรื่องราว ที่จดจำ
ปัจจุบัน กำลังทำ ที่ดำเนิน
ส่วนอนาคต ที่ว่า หามีจริง
เพียงทุกสิ่ง จิตปรุง เห็นเผินๆ
ปัจจุบัน คือความจริง ที่เผชิญ
ต้องย่างเดิน ก้าวไป ให้ระวัง
กุญแจดอก สำคัญ ของชีวิต
ไขลิขิต ตัวตน จนสมหวัง
จงอยู่กับ ปัจจุบัน อย่างจริงจัง
อย่าให้พรั้ง ด้วยสติ และปัญญา...
จงอยู่ด้วย มีสติ สัมปชัญญะ
ชีวิตจะ สดใส ไร้ปัญหา
รู้ถูกผิด รู้คิด พิจารณา
ทุกชีวา จะสมหวัง ดังฤทัย..
10.เป้าหมายของการมีชีวิต
จุดเป้าหมาย ของการเกิด เป็นมนุษย์
ถึงที่สุด บ้างบอกเกิด เพื่อสุขสันต์
บ้างบอกสร้าง ความสวยงาม ให้โลกันต์
บ้างเกิดเพื่อ รักของฉัน มีต่อเธอ
นั้นก็เป็น ส่วนหนึ่ง ซึ่งคิดกัน
ทุกความฝัน ตามที่ตน ค้นเสนอ
แต่ละคน ว่าคิดฉัน นั้นเลิศเลอ
ภูมิปัญญา พาให้เพ้อ คิดออกมา
แต่ละคน มีเป้าหมาย ในชีวิต
คอยลิขิต ให้จิต คิดใฝ่หา
จึงดำริ จากสติ พรรณา
ปรารถนา เพื่อตัวตน คนสำคัญ..
แต่สำหรับ องค์พระ พุทธสัมมา
ทรงค้นหา ฝากเป้าหมาย ไม่เปลี่ยนผัน
ให้เหล่ามวล หมู่มนุษย์ ได้เห็นกัน
ทุกๆท่าน ให้รู้กัน อย่างชัดเจน
ทัศนะคติ เป็นมนุษย์ ของพระพุทธเจ้า
คือเรื่องราว การตัดกิเลส ให้คนเห็น
ให้รู้แจ้ง แห่งทุกข์สุข สิ่งที่เป็น
ดีควรทำ ผิดควรเว้น ให้คลี่คลาย
คือการดับ ความไม่รู้ หรืออวิชา
เป็นที่มา ต้นเหตุแห่ง การเวียนว่าย
ไม่สิ้นสุด ไม่มีหยุด เกิดเจ็บตาย
รู้ความหมาย สังสารวัฏ วังเวียนวน
ชีวิตมนุษย์ ตั้งเป้าหมาย นับไม่ถ้วน
บ้างหลายล้วน มุ่งจนเสร็จ สำเร็จผล
คงเหลือเพียงเป้าหมายเดียวของทุกตน
คือหลุดพ้น ไม่มีการ เกิดแก่เจ็บตาย..
หากชาตินี้ เป้ายังคง ซ้ำเดิมๆ
ชีวิตนี้ ไม่ได้เติม มีความหมาย
คือน้ำเน่า เรื่องเล่า ดังนิยาย
ยังเวียนว่าย ในสากล ไม่พ้นเลย..
เหมือนชีวิต เกิดมา ที่ไร้ค่า
มองข้างหน้า ไม่มี คำเฉลย
ซ้ำซากๆ เป้าหมาย เป็นดั่งเคย
เหมือนเชลย ในห้วง บ่วงเวลา...
จงหยุดคิด พินิจ ใคร่ควรใหม่
ด้วยการใช้ สัมปชัญญะ แล้วค้นหา
ใช้อัตภาพ ความเป็นมนุษย์ อันล่ำค่า
มาค้นคว้า ว่าความจริง เป็นอย่างไร
ทุกวันนี้ ท่านกำลังใช้ สิ่งล้ำค่า
เพื่อที่ว่า แสวงหา ในสิ่งไหน
เพื่อรู้ชัด แจ่มแจ้ง ในสิ่งใด
กาลเวลา ที่เสียไป ไม่หวนมา..
จงรีบทำ ในสิ่ง ดีที่สุด
ที่มนุษย์ คนหนึ่ง ปรารถนา
ให้รีบทำ ก่อนกำหนด หมดเวลา
ตามที่กล่าว ทั้งหมดมา ให้ดีงาม...
ขออนุโมทนาบุญกับพระสงฆ์
ผู้ดำรงปฎิบัติชอบอย่าล้นหลาม
ผู้สั่งสอนพุทธมามกะทุกโมงยาม
ให้เดินตามรู้ดีงามพุทธสัมมา...
ร้อยกรองโดย พศิน อินทรวงค์
....#บทกลอนแสนดี
ขอบคุณเจ้าของภาพ
โฆษณา