EU เตรียมใช้กฎหมายแบนการนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า คาดเริ่มมีผลปี 2024
1
โดยกฎอันนี้จะแบนสินค้าจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งช่วงแรก EU นางจะเน้นที่พวกสินค้าเกษตร คือเนื้อวัว, โกโก้, กาแฟ, น้ำมันปาล์ม, ถั่วเหลือง, ไม้และยาง
การบังคับของกฎอันนี้จะทำให้ผู้ส่งออกไปตลาด EU ต้องเตรียมหลักฐานว่าสินค้าตัวเองไม่ได้ถูกผลิตหรือเกี่ยวข้องกับการตัดไม่ทำลายป่า และใครที่ปลอมข้อมูลจะถูกปรับเป็นเงินได้สูงถึง4%ของยอดขาย//ตุยเย่😱
ซึ่งแน่นอนสำหรับประเทศที่จะโดนผลกระทบหนักๆก็คือกลุ่มประเทศเอเชียที่ในช่วงที่ผ่านมาอาจจะ no สน no แคร์สิ่งแวดล้อม โดยมาเลเซียกับอินโดนีเซียล่าสุดจับมือกันวีนแตกใส่ EU เนื่องจากรับไม่ได้กับกฎหมายที่กีดกันสินค้า ขัดกับหลักการค้าเสรี WTO
ซึ่งมาเลที่โกรธจัดก็เลยขู่ที่จะแบนส่งออกน้ำมันปาล์มไป EU เลย//เออแบนเองก่อนจะโดนแบนไปเลย😆//มันได้ใช่ม่ะแบบนี้//ได้อยู่
และนอกจากจะมีกฎที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้แล้ว EU ก็เพิ่งผ่านกฎหมายที่เก็บภาษีเพิ่มจากสินค้านำเข้าตามคาร์บอนที่บริษัทตัวเองปล่อยออกมา หรือเรียกสั้นๆว่า CBAM โดยกฎอันนี้จะเริ่มมีผลใช้ปีนี้ช่วงตุลา แต่จะแค่บังคับให้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขก่อน และจะเริ่มเก็บภาษีจริงช่วงปี 2026
ซึ่งสินค้าช่วงแรกที่ครอบคลุมจะกระทบผู้ประกอบการไทยหลักพัน มูลค่าเกือบ2หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ EU จะขยายประเภทสินค้าเพิ่ม กระทบไทยเพิ่มไปอีกหลายเท่าตัว
สถานีต่อไปของ EU คือกฎหมายที่คุมสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นพวกแรงงานเถื่อนงี้ ดูๆแล้ว เรื่องนี้ไทยก็โดนแบบจุกๆเหมือนกัน เพราะไทยเราก็ขึ้นชื่อเรื่องแรงงานเถื่อนจากอุตสาหกรรมประมง ยังไงเราคงต้องติดตามว่า EU จะมีเกณฑ์มาคุมอีกตรงไหน
สำหรับบริษัทไทยที่คิดว่ามันจะจบแค่ EU แอดขอยิ้มปริ่มและกรอกตาบนใส่เพราะว่าตอนนี้เมกา ก็กำลังม่วนที่จะออกกฎแนวๆนี้มาเพื่อคุมมาตรการสิ่งแวดล้อมของเค้าเหมือนกัน เพราะงั้นหนูๆอย่าเพิ่งมั่น โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกไปตลาดใหญ่อย่างเมกาและยุโรป ถ้าไม่ปรับตัวน่าจะกระทบหนักแน่