7 มี.ค. 2023 เวลา 09:09

มาเร็วกว่าที่คาด ไทยมีประชากรลดลง 2 ปีติดต่อกันแล้ว

ในช่วงชีวิตของพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะมีอายุมากน้อยเพียงใด เราจะพบเหตุการณ์แบบเดียวกันมาตลอดคือ
9
ประชากรโลกและประชากรของแต่ละประเทศ มีแต่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา มากบ้าง น้อยบ้าง
สำหรับประเทศไทยเรา ในช่วงเบบี้บูมคือปี 2506-2526 เรามีเด็กเกิดปีละกว่าล้านคน เป็นเวลา21 ปีต่อเนื่องกัน โดยจุดสูงสุดคือปี 2514 มีเด็กเกิดมากถึง 1.2 ล้านคน โดยมีผู้เสียชีวิตเพียงไม่กี่แสนคน
ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มของประชากรอย่างรวดเร็วมาก จาก 18 ล้าน เป็น 30 ล้าน และในที่สุดวันนี้ เป็น 66 ล้านคน
2
แต่เมื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นพบการวางแผนครอบครัว มีทั้งการคุมกำเนิด และการทำหมัน
ที่มีความปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีข้อจำกัดทั้งในมิติเศรษฐกิจคือราคาค่าใช้จ่าย และมิติทางสังคม คือการยอมรับได้และการอายที่จะใช้การคุมกำเนิด จึงทำให้จำนวนเด็กเกิดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
1
ประกอบกับแนวโน้มในระยะหลังของคนวัยหนุ่มสาว เริ่มมีแนวความคิดที่เปลี่ยนไป และล้วนเป็นไปในทิศทางทำให้เด็กเกิดน้อยลงทั้งสิ้น ได้แก่
1
1) การที่อยู่เป็นโสด โดยไม่แต่งงาน
2) การแต่งงาน แต่แต่งช้าลง ที่อายุมากขึ้น
3) เมื่อแต่งงานแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะมีลูกน้อย หรือบางรายก็ตัดสินใจอยู่ด้วยกันโดยไม่มีลูก
4) คนเพศสภาพเดียวกันที่มาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
ได้มีการประมาณการแนวโน้มว่า ประชากรของไทยจะค่อยค่อยเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง และจะมีประชากรสูงสุดที่ 70 ล้านคนในปี 2573 หลังจากนั้นก็จะเริ่มลดลง
แต่แล้วการคาดคะเนดังกล่าว ก็เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ประมาณการไว้ร่วม 10 ปี
3
กล่าวคือในปี 2564 ประชากรไทยเริ่มลดลงเป็นครั้งแรก จากเด็กเกิดน้อยกว่าคนตาย
โดยมีเด็กเกิด 544,570 คน
คนตาย 563,650 คน
ประชากรลดลง 19,000 คน
10
ส่วนในปี 2565
มีเด็กเกิด 502,107 คน
คนตาย 595,965 คน
ประชากรลดลงเกือบ 100,000 คนเหลือ 66,080,812 คน
4
โดยมีอัตราการเกิด 0.76%
ในขณะที่อัตราตายอยู่ที่ 0.89%
ซึ่งสอดคล้องไปกับอัตราการเจริญพันธุ์คือการมีลูกของหญิงไทย ซึ่งอยู่ที่ 1.1 คน ใกล้เคียงกับเกาหลีใต้ 0.9 คน ฮ่องกงและไต้หวัน 1.0 คน สิงคโปร์และจีน 1.1 คน และญี่ปุ่น 1.2 คน
โดยอัตราการเจริญพันธุ์ของผู้หญิงที่จะทำให้ประชากรคงที่คือ การมีลูก 2.1 คน
และการลดลงของประชากรไทย จะลดลงด้วยอัตราเร็วเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากฐานจำนวนของผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น
คือคนที่เคยเกิดในยุคมากกว่าปีละ 1 ล้านคน ได้ทยอยกลายมาเป็นผู้สูงอายุในปัจจุบัน
ในขณะนี้เรามีผู้สูงอายุอยู่ 12.5 ล้านคน หรือ 19% แล้ว
มีโอกาสที่เราจะเห็นประชากรไทยต่ำกว่า 65 ล้านคน และต่ำกว่า 60 ล้านคนในที่สุด ในอีกไม่นานนัก
การมีประชากรที่ลดลง จะมีทั้งผลดีและผลเสีย
โดยผลดีคือ การแออัดยัดเยียดของประชากรในประเทศ จะผ่อนคลายลง การแย่งกันทำมาหากิน การแย่งใช้ทรัพยากรธรรมชาติจะผ่อนคลายลง
แต่ในขณะเดียวกัน ระบบเศรษฐกิจการเจริญเติบโตของประเทศ ก็จะชะลอลง
เนื่องจากมีคนวัยแรงงานที่ทำงานให้เกิดรายได้ของประเทศลดลง
1
แต่อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยี การใช้นวัตกรรม นำมาแทนจำนวนคนที่ลดลง น่าจะแก้ปัญหาเรื่องประชากรลดลง แต่ทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้
4
Reference
กระทรวงมหาดไทย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
โฆษณา