9 มี.ค. 2023 เวลา 15:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ภาคการส่งออกของไทยกำลังเผชิญผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

รมว.พลังงาน กล่าวในงาน IBussiness Forum 2023 THE NEXT THAILAND?S FUTRUE : จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน โดยยอมรับว่าภาคการส่งออกของไทยกำลังเผชิญผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้สร้างแรงกดดันและทำให้สภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
รัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่หยุดชะงักมานานหลายปี และเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องหาเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซ่อมและสร้าง ซึ่งจะช่วยดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มด้วย ทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ใหม่ ๆ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลได้รุกและรับตั้งแต่ช่วงโควิด-19
การดำเนินการดังกล่าว อาจส่งผลให้หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อยากให้มองว่าป็นเรื่องธรรมดา เพราะประเทศไม่ได้มีการลงทุนก่อสร้างมานาน แต่เม็ดเงินดังกล่าวไม่ได้ไปไหน แต่เป็นการสนับสนุนและเสริมขีดความสามารถของประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
ความยั่งยืนของเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมา มักมีคำถามว่าไทยเติบโตช้ากว่าภูมิภาคหรือไม่ แต่หากดูในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ปรับระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะสูงสุดในช่วงใดนั้นยังไม่สามารถตอบได้ เพียงแต่มีการวางแผนไว้ว่าการเติบโตในระดับที่มีศักยภาพและเหมาะสมกับประเทศไทย จะอยู่ที่ 4-5%
ขณะที่ในปีนี้ กระทรวงการคลังยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.8% โดยหลังจากนี้จะต้องดูข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเดือน มี.ค. และ เม.ย. ก่อนจะมีการปรับประมาณการใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องเสถียรภาพของเศรษฐกิจ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง และคาดว่าจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% จากความพยายามของรัฐบาลในการใช้มาตรการ โดยเฉพาะด้านการคลังในการดูแลราคาพลังงาน ที่เป็นต้นทุนสำคัญด้านโลจิสติกส์ และการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ด้วยการลดอัตราภาษี พร้อมทั้งการขยายเพดานราคาน้ำมันดีเซลเป็น 35 บาท ถือเป็นระดับที่เหมาะสม รวมทั้งการดูแลทุนสำรองระหว่างประเทศ หนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือน
การจ้างงาน แม้ว่าปัจจุบันจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงปี 2563-2564 แต่ต้องยอมรับว่าไทยยังเจอปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งเป็นแรงงานที่ตลาดต้องการในอนาคต ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเร่งหามาตรการเพื่อมาดูแลสังคมผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เกษียณอายุการทำงาน 60 ปี ให้มีรายได้ที่สามารถเลี้ยงชีพได้ โดยต้องทำทั้ง 2 ทาง คือ ทำให้เกิดการจ้างงานผู้สูงอายุ
ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาว่าจะมีมาตรการด้านภาษีเพื่อสนับสนุนเรื่องดังกล่าวอย่างไร และอีกด้านคือการสร้างหลักประกันที่มั่นคงในชีวิตสำหรับผู้สูงวัย
สถานการณ์ด้านการคลัง และฐานะการคลังในปัจจุบันยังไม่มีปัญหาอะไร โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะขณะนี้อยู่ที่ 61.26% เหตุที่ปรับเพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจขยายตัวขึ้น และจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 6.59 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า
ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าไทยกำลังจะเข้าสู่ความยั่งยืนด้านการคลัง ทุนสำรองประเทศอยู่ที่ระดับ 2 แสนล้านบาท ขณะที่ปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลได้มีการเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่ายอีก 1.65 แสนล้านบาท มากกว่าในอดีต 2 เท่า ทำให้รัฐบาลมีงบในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยหลัก ๆ ราว 20% ของงบประมาณดังกล่าว เป็นเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างชัดเจนและเร็วกว่าที่คิดไว้ โดยปัจจัยดังกล่าว จะส่งผลกระทบโดยตรงกับภาคการส่งออกและการผลิตของภาคอุตสาหกรรมของไทยค่อนข้างมาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 3% โดยมองว่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป
การจัดทำงบประมาณปี 2567 ที่อาจมีปัญหาล่าช้าออกไป เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นนั้น หากได้รัฐบาลใหม่เร็ว ก็อาจจะใช้งบประมาณพลางไปก่อนราวเดือนครึ่ง หรือถ้าช้าสุดก็น่าจะไม่เกิน 3 เดือน โดยคาดว่างบประมาณปี 2567 น่าจะเริ่มใช้ได้อย่างเป็นทางการในช่วงเดือน ม.ค. 2567 ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่มีความท้าทายอย่างมาก-IQ
โฆษณา