6 พ.ค. 2023 เวลา 07:00 • ความคิดเห็น

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของยี่ห้อเครื่องเขียน

ขณะที่พิมพ์อยู่ ผมให้ของขวัญขิ้นใหม่กับตัวเอง
ปากกาอีกแล้วครับท่าน
เพดดีกรีติดตัวมานี่ยาวเหยียด
นั่งดูนั่งมองนั่งเขียนก็แว่บเห็นว่ายี่ห้อนี้เริ่มผลิตสินค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เกิดความสนใจใคร่รู้ประวัติของมันขึ้นมาเสียเฉยๆ
งั้นมาลองค้นดูเล่นๆแค่พอหอมปากหอมคอก็แล้วกันครับ
อันดับแรกขอเริ่มด้วยคู่นี้เพราะใกล้มือที่สุด
KawecoกับLamy
ทั้งคู่นั้นเป็นบริษัทผลิตปากกาของเยอรมันที่ผลิตมานานมากๆแล้ว ผลิตเครื่องเขียนกันอย่างเดียวนี่ล่ะครับ ตั้งแต่ดินสอยันปากกา วัสดุก็ตั้งแต่พลาสติกยันโลหะ ราคาก็มีตั้งแต่ถูกยันแพงเวอร์
cr. google KawecoกับLamy จากเยอรมัน
Kawecoมีประวัติโชกโชนคร่ำหวอดในวงการไม่น้อยตั้งแต่ปี1883จนถึงปัจจุบัน ผ่านการล้มละลายเปลี่ยนมือมาไม่น้อย แต่ในบ้านเราจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก
cr.google Kaweco โลโกเก่าๆ
ดีไซน์ของสินค้าส่วนใหญ่ออกไปทางโบราณอยู่สักหน่อย ไม่ได้ทันสมัยโมเดิร์นอะไรมาก เน้นว่าคลาสสิคเป็นหลักบวกความกะทัดรัดของตัวด้าม แต่ก็มีแบบโมเดิร์นอยู่บ้างเสริมไว้
cr. google ตัวอย่างสินค้าKaweco
ผิดกับLamyจากประเทศเดียวกันที่คนรู้จักกันไปทั่ว วัสดุหลากหลายแบบ ราคามีตั้งแต่คบหาได้สนิทใจยันแพงเวอร์วัง ดีไซน์สวยงามทันสมัยค่อนไปทางโมเดิร์น คุณภาพดีเยี่ยมตามสไตล์เยอรมัน
cr. google ไลน์สินค้าของLamy
ประวัติบริษัทก็ยาวเหยียดมาตั้งแต่ปี1930 โชกโชนคร่ำหวอดในวงการมานาน พอมาเมืองไทยทำการตลาดดีจนเป็นที่นิยมไปทั่ว ขนาดผมไม่ค่อยสนใจยังเห็นบ่อยมากจนกิเลสงอก
cr. google Lamy โฆษณาเก่า
นอกจากนี้ทางเยอรมันยังมีเครื่องเขียนยี่ห้ออื่นๆชื่อคุ้นหูอย่างPelikanหรือจะเป็นFaber Castellไม่ก็Montblanc
เยอะจริงๆ
Watermanก็เป็นอีกฟากฝั่งของเครื่องเขียนสัญชาติฝรั่งเศสที่ผมมีใช้อยู่
cr. google Waterman จากฝรั่งเศส
ตอนซื้อมาไม่รู้จักหรอกครับจนตอนนี้ มาไล่รื้อดูประวัติของมันก็มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี1884ไม่แพ้กับข้างบน ว่ากันว่าเดิมทีคนตั้งบริษัทก็คือพนักงานขายเครื่องขายยี่ห้อParkerจากอเมริกา ต่อมาก็ออกมาเปิดบริษัทเครื่องเขียนเองส่งขายในยุโรป
cr. google Wayerman ประวัติยาวนาน
ชื่อชั้นของWatermanก็ไม่เป็นย่อย ผลิตเครื่องเขียนหลากหลายทั้งราคาและวัสดุเช่นกัน
cr. google ตัวอย่างสินค้าWaterman
ในบ้านเราเมื่อก่อนจะฮิตแต่ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นวางตามเคานท์เตอร์ในห้างแล้ว
อ้อ นึกขึ้นได้อีกยี่ห้อครับ Moleskineจากฝั่งอิตาลี รายนี้เน้นผลิตสมุดจดบันทึกต่างๆมากกว่า ราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นแต่เห็นว่าฝรั่งเองก็ยกให้ว่ามันเยี่ยมจริงๆ แถมพกมาด้วยความละเมียดละไมแบบอิตาเลี่ยนเสียด้วย แว่วว่าบ้านเราซื้อหาเป็นของฝากให้คนในที่ทำงานกันก็ไม่น้อย
cr. google Moleskineครับ
ว้าว
Pilotจากฟากฝั่งญี่ปุ่นก็ใช้ย่อย ชื่อชั้นไม่ได้ย่อหย่อนกว่าใครเหมือนกัน ผลิตสินค้าตั้งแต่ปี1918 หลากหลายทั้งราคาและวัสดุ งานผลิตเนี้ยบแบบไม่ต้องกังขาในราคาน่าคบหาจนถึงขั้นมองหน้าหาเรื่องกันได้
นอกจากนี้ยังมีPlatinumที่ขายปากกาหมึกซึมให้กับยุโรปเป็นล่ำเป็นสัน ยังมีPentel, Uni, Zebra หรือMitsubishiเจ้าเก่าที่เห็นกันมาว่าเป็นพวกดินสอซะมาก
cr. google ตัวอย่างไลน์สินค้าของทั้ง3ยี่ห้อ
ยังมีอีกเยอะครับกับฝั่งนี้
แถมท้ายด้วยว่าจริงๆแล้วญี่ปุ่นนี่เป็นฐานการผลิตเครื่องเขียนยี่ห้อใหญ่ๆมากมาย ที่คุ้นหูสุดก็คือRotringนั่นเองที่เป็นแบรนด์เยอรมันแต่ผลิตในญี่ปุ่น
1
ตัวรีฟิลของปากกาแต่ละยี่ห้อนี่ก็ผลิตที่ญี่ปุ่นทั้งนั้น
เกาหลีเองก็ใช่ย่อยครับ ผลิตเครื่องเขียนยี่ห้อMorning Gloryตั้งแต่ปี1981 ดังมากในบ้านเราช่วงหนึ่ง งานนี้เท่าที่เห็นก็ราคาจับต้องได้เป็นส่วนใหญ่ เน้นดีไซน์น่ารักถูกใจเด็กๆกับผู้หญิง แถมยังออกพวกสมุดมาด้วย เอาให้ครบมือไม่ต้องไปหายี่ห้ออื่น
cr. gokgle Morning Glory
หลังๆมาจีนเองก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไหร่ ผลิตงานตั้งแต่ราคาต่ำเตี้ยคุณภาพต่ำยันของแพงดีไซน์หรูคุณภาพสูงกับเขาด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ภาพลักษณ์ที่ออกมามักจะจัดอยู่ในกลุ่มนักเลียนแบบเสียเป็นส่วนใหญ่
หลังๆนี่แวบไปดูเครื่องเขียนจากจีนก็ต้องยอมรับว่าสูสีกับแบรนด์ใหญ่ได้เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ วัสดุหรือคุณภาพการเขียน และย้ำว่าราคาน่าคบหามาก
ในบ้านเราM&Gจากจีนทำตลาดมาพอสมควร ราคาคบหาได้ ดีไซน์ดีขึ้นเรื่อยๆ
cr. google M&G
ลูกค้าหลักๆของสินค้าแบรนด์จีนนี่ก็ฝรั่งนี่ล่ะครับตัวดีเลย อุดหนุนกันเป็นว่าเล่นแต่ก็ชอบเหยียดกันในที
อย่างว่าทางฝรั่งหรือญี่ปุ่นเขาเป็นพวกเจ้าความคิดเจ้านวัตกรรมอยู่แล้วพอมาเทียบกับพี่จีนเลยมีเหยียดกันบ้าง
ความต้องการเครื่องเขียนชนิดต่างๆทำไมยังคงมีอยู่กันล่ะ
คิดง่ายๆแบบบ้านๆเลยครับ ฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน เเกาหลี เขามีวัฒนธรรมการอ่านการจดบันทึกครับ เครื่องเขียนเลยขายดีเพราะนิสัยช่างจดช่างอ่านนี่เอง
บันทึกต่างๆทางประวัติศาสตร์ที่เราศึกษาอ้างอิงกันส่วนมากแล้วก็มาจากประเทศพวกนี้ทั้งนั้น ยังมีพวกคัมภีร์ต่างๆทางศาสนาด้วย
ถ้ายังนึกไม่ออกแค่ดูหนังจีนกำลังภายในจะเห็นว่ามีพวกม้วนตำราหรือคัมภีร์วิทยายุทธต่างๆจดบันทึกไว้หลายเรื่อง ในหนังฝรั่งก็จะเป็นบันทึกอย่างในเรื่องDa Vinci Codeนั่นล่ะครับที่เห็นเป็นเรื่องราวชัดเจน
นี่ยังไม่นับว่าประเทศที่ผมกล่าวถึงกลุ่มนี้มักถือหนังสือติดมืออ่านกันในยามว่าง ไม่ว่าจะเป็นตำราหรืออ่านเล่น แม้สมัยนี้จะมีมือถือไว้อ่านแทนหนังสือก็ตาม แสดงให้เห็นได้ชัดว่าวัฒนธรรมการเขียนการอ่านฝังรากลึกมาก
และกระทั่งทุกวันนี้เด็กฝรั่งยุโรป จีน ญี่ปุ่หรือเกาหลียังต้องหัดคัดลายมือด้วยปากกาหมึกซึมกันอยู่เลยในระดับประถมปลายหรือมัธยม ขณะที่บ้านเราน่าจะเลิกไปแล้วกระมัง
หันกลับมาทางบ้านเรา ทำไมวัฒนธรรมการเขียนการอ่านถึงไม่มากเท่าพวกเขา
ตอบง่ายๆ บ้านเราเป็นวัฒนธรรมแบบมุขปาฐะมากกว่า
ความหมายคือบ้านเราเน้นการฟัง พูด และจดจำกันมากกว่าที่จดจารบันทึก
cr. google
ทำไม?
ตอบแบบง่ายๆอีกเช่นเคยว่าการเขียนการอ่านและจดบันทึกเป็นเรื่องของชนชั้นนำในสมัยก่อนครับ ระดับน้อยๆก็คือพระสงฆ์ ระดับใหญ่คือพวกนักปราชญ์ราชครูทั้งหลายนั่นเอง
ความรู้พวกนี้คนบ้านเรามักเก็บงำกันมาก ขอเดาแบบอคติว่าเพื่อให้ปกครองคนทั่วไปได้ง่าย ประมาณว่ารู้มากเดี๋ยวถามมากเกินอาจเป็นภัยกับกูรูอย่างข้าได้
อีกเหตุหนึ่งที่นึกออกคือสภาพอากาศบ้านเราร้อนชื้น เอกสารต่างๆที่มีการจดบันทึกเสียหายได้ง่ายเพราะวัสดุที่ใช้จดมันเสื่อมสลายไปเองหรือโดนปลวกกินก็ไม่น้อย บางทีคนของเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจเก็บให้ดีเพราะอ่านก็ไม่ออก ไม่รู้ว่าเนื้อความคืออะไร แล้วจะเก็บทำไมให้เมื่อยตุ้มเปลืองที่
ตรงข้ามกับมุขปาฐะที่จำกันได้ง่ายแบบปากต่อปาก ใครที่พูดได้ความจำดีก็จำเอาไว้สืบทอดกันต่อมา แต่ปัญหาที่เกิดคือมันมีความเพี้ยนสูงมาก
จำผิดจำถูก ฟังไม่ชัดเจนว่าพูดอะไร มันเลยกลายเป็นมั่วเสียมาก ต้องมีการชำระตำรากันอยู่เนืองๆ
ว่ากันมายาวยืด ใจความประวัติสั้นๆแต่ยาวนานของบรรดาบริษัทเครื่องเขียนนี้จะพิมพ์ไว้ทำซากไรรึ
ซื้อของเขามาใช้แค่นี้ไหงต้องหมุนทวนประวัติศาสตร์กันขนาดนี้เลย
ก็จริง รู้ไปก็เท่านั้น
แต่สังเกตดูว่าประวัติอันยาวนานของบริษัทก็คือโปรไฟล์ คือการสร้างความน่าเชื่อถือ
มันเป็นสตอรี่จุดขายครับ
เรื่องก็คล้ายๆกัน ตั้งในปีเก่าแก่ ลุ้มลุกคลุกคลานผ่านอะไรมาเยอะ บุคคลสำคัญท่านไหนใครใช้ในวาระอะไรบ้างมาบ้างจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเวลานับร้อยปีอะไรประมาณนั้น
มันโรแมนติกดีนะครับ เล่นกับอารมณ์ของคนที่ได้ครอบครองของใช้ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาแล้วในรูปแบบความภาคภูมิใจสุดๆ
งานออกแบบก็เหมือนกันที่เล่นกับอารมณ์ของคน โมเดิร์นก็ทันสมัย โบราณก็หวนคนึงหา
เล่นได้ทุกหน้า
อย่าว่าแค่คนของประเทศเขาเองเลย ไอ้ที่พิมพ์อยู่นี่ก็บ้าบอเหมือนกัน
มีอยู่แล้วยังจะซื้อหามาอีกทั้งที่ไม่จำเป็น ไม่ได้สะสมแบบคอลเลคชั่นที่ไหน
ก็อารมณ์มันพาไปน่ะ
ว่าแล้วก็ขอมุบมิบจบความเรียงตรงนี้เลยแล้วกัน
จะไปเอาปากกาออกมาชื่นชมน่ะครับ
บ้าห้าร้อยจำพวกจริงกู

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา