ตัวอย่างที่ 1 A ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า B ขโมยสร้อยทองในบ้านของ A แต่ความจริงแล้ว B ไม่ได้ขโมยไป แต่ A เป็นคนนำสร้อยทองไปจำนำไว้กับ B ด้วยตัวเอง แบบนี้ A จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 172 และมาตรา 173
ตัวอย่างที่ 2 C โดนขโมยกระเป๋าเงินแต่ไม่รู้ว่าใครขโมยไป แต่ C กลับไปแจ้งความร้องทุกข์ว่าเห็น D หยิบกระเป๋าเงินของตัวเองไป กรณีนี้ไม่ว่า D จะเป็นคนหยิบกระเป๋าเงินไปจริงหรือไม่ก็ตาม C ก็มีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 172 เพราะ C ไม่รู้ไม่เห็นว่าใครหยิบ แต่แจ้งความว่าเห็น D หยิบไป
ตัวอย่างที่ 3 O ไม่ชอบ N จีงไปแจ้งความร้องทุกข์ว่า N ลักทรัพย์ของ O ไป เพื่อให้ N ถูกดำเนินคดีอาญาและรับโทษตามกฎหมาย ทั้งที่ O รู้อยู่แล้วว่า N ไม่ได้ลักทรัพย์ แบบนี้ O จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 172 173 และมาตรา 174 วรรค 2
ตัวอย่างที่ 1 A ถูกเรียกไปสอบปากคำในฐานะพยาน และ A แจ้งข้อความว่า B อาจจะเป็นคนทำความผิดก็ได้ แต่ไม่แน่ใจว่า B ทำจริง ๆ ไหม เพราะ A ไม่เห็นตอนมีการทำความผิดเกิดขึ้น แบบนี้ A จะไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ เพราะ A ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าเห็น B ทำความผิด
แต่ถ้า A แจ้งกับพนักงานสอบสวนว่าเห็น B ทำความผิดแบบไหน อย่างไร ทั้งที่ความจริงแล้ว A ไม่ได้เห็นเหตุการณ์จริง ๆ แบบนี้ A จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ตัวอย่างที่ 2 C ไปแจ้งความว่าถูก D ขโมยโทรศัพท์ไป เนื่องจาก O บอก C ว่าเห็น D หยิบโทรศัพท์ไป แต่ความจริงแล้ว O เป็นคนเอาไปเอง กรณีนี้แม้ว่า D จะไม่ได้ทำความผิดจริงและสิ่งที่ C ไปแจ้งเป็นข้อความเท็จ แต่ C ก็ไม่มีความผิด เพราะ C ไม่มีเจตนาแจ้งความเท็จ แต่เป็นการแจ้งความไปตามที่ตัวเองเข้าใจ
แต่ถ้า C แจ้งความว่าเห็น D เป็นคนหยิบโทรศัพท์ไป ทั้งที่ตัวเองไม่เห็น แบบนี้ C จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จทันที