Black Thursday เกิดขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม 1929 เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐประสบปัญหาราคาตกต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่จุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (the Great Depression) เหตุการณ์นี้เป็นจุดสิ้นสุดของยุค “เสียงคำรามแห่งทศวรรษที่ 20” หรือ the Roaring Twenties ซึ่งเป็นทศวรรษแห่งความมั่งคั่งและการเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา และเริ่มต้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่จะกินเวลานานหลายปี
สาเหตุของ Black Thursday นั้นซับซ้อนและมีหลายแง่มุม ในเวลานั้น ตลาดหุ้นสหรัฐมีลักษณะของการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งและหุ้นมีมูลค่าสูงเกินจริง โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการปล่อยสินเชื่อที่ง่ายและขาดการควบคุม นักลงทุนจำนวนมากซื้อหุ้นด้วยมาร์จิ้น ซึ่งหมายความว่าพวกเขากู้ยืมเงินเพื่อลงทุนในตลาดหุ้นโดยหวังว่าจะทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว
ผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก Black Thursday นั้นรุนแรงและยาวนาน การแตกของตลาดหุ้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (the Great Depression : Depression หมายถึงช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งเป็นคำที่รุนแรงกว่า Recession) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่กินเวลานานกว่าทศวรรษ การว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธุรกิจต่างพากันปิดกิจการและคนงานถูกเลิกจ้าง ผู้คนจำนวนมากสูญเสียบ้านและเงินออมในชีวิตของพวกเขา และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างหนัก
เพื่อแก้ปัญหาวิกฤต รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ ได้สร้าง “The New Deal” ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วยหลายโปรแกรมและนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ นโยบายเหล่านี้รวมถึงโครงการงานสาธารณะ โครงการสวัสดิการสังคม และกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นของภาคการธนาคารและการเงิน
ตราบจนถึงวันนี้
Black Thursday ยังคงเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นเรื่องราวเตือนใจเกี่ยวกับอันตรายของการเก็งกำไรและความสำคัญของกฎระเบียบทางการเงินที่รอบคอบ บทเรียนของ Black Thursday ยังคงกำหนดความเข้าใจของเราเกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ และความจำเป็นในการปฏิบัติทางการเงินอย่างรับผิดชอบเพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ