สวิตเซอร์แลนด์ ช็อค! โรคติดต่อธนาคารล้ม ระบาดจ่อคอแล้ว
.....ชาติส่วนใหญ่ทั่วโลกจะมีรายได้มาจากสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น พลังงาน สินแร่ อาหาร ฯลฯ ที่เป็นความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ขาดไม่ได้
แต่ชาติตะวันตกในยุโรปนั้น ไม่มีสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานเพียงพอใช้ในชาติ จึงเป็น "ลัทธิทุนนิยมสูบทรัพยากร" ดำรงชีพวนเวียนด้วย เงินตรา หุ้น อุตสาหกรรม สินค้าฟุ่มเฟือยหรูหรา เทคโนโลยี และอาวุธสงคราม
โลกเรานั้นอยู่ได้เพราะ "สมดุล" ทุกสิ่งเกี่ยวโยงกันไปหมด เมื่อยุโรปคว่ำบาตรสินค้าโภคภัณฑ์รัสเซีย และที่สำคัญธนาคารในสหรัฐ และยุโรป "ชักดาบเงินฝากธนาคารรัสเซีย" ไม่จ่ายหนี้คืนให้ 300,000 ล้านดอลลาร์
นับจากนั้นมาสมดุลทุกสิ่งก็ขาดสะบั้นลง บรรดาชาติร่ำรวยพันธมิตรรัสเซีย และมหาเศรษฐี ต่างขาดความเชื่อถือต่อธนาคารในสหรัฐ และยุโรป จึงทะยอยถอนเงินฝากออกกันมาเรื่อยๆ
การขาดความเชื่อถือเป็น "จุดตาย" ของธนาคารเริ่มเกิดความผิดปกติในระบบการเงิน เกิดความไม่สมดุลขึ้นในทวีปยุโรป ก่อวิกฤติปัญหาสะสมมากว่า 1 ปี
ต่อมาฟองสบู่เริ่มแตกขึ้นที่ส่วนหัว คือ สหรัฐ วิกฤติการเงินความวุ่นวายในหุ้นธนาคารล้มละลายไปแล้ว 3 แห่ง ตอนนี้ถึงคิวธนาคารแห่งที่ 4 ที่ร่อแร่ คือ First Republic Bank
หุ้นร่วงลงอย่างมากถึง 61.8% ต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว ธนาคารขาดสภาพคล่องกัดฟันขอกู้จาก Federal Reserve และ JPMorgan Chase จำนวน 70,000 ล้านดอลลาร์
ปัญหาไม่จบง่ายๆ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 ธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse สวิตเซอร์แลนด์ รายงานประจำปี 2565 ว่ามีสินทรัพย์ 1.29 ล้านล้านฟรังก์ (1.4 ล้านล้านดอลลาร์)
เฉพาะในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว "ลูกค้าผู้มั่งคั่งถอนเงินออกจากธนาคาร" ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ขาดทุน 7,290 ล้านฟรังก์ สูญเสียเงินต่อเนื่องถึง 5 ไตรมาสติดต่อกัน
ต่อมาปริศนาเริ่มคลี่คลาย เมื่อเจ้าชายนายกรัฐมนตรีซาอุฯ โพสโซเชียลปริศนาว่า "ดอลลาร์ร่วง" วันถัดมาสื่อ Bloomberg รายงานว่าอัมมาร์ อัล คูแดรี ประธานธนาคารแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย (Saudi National Bank) ปฏิเสธไม่ลงทุนในธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse สวิสเซอร์แลนด์
เมื่อสื่อถามว่า หากธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse ร้องขอให้มีสภาพคล่องมากขึ้นซาอุดิอาระเบีย จะอัดฉีดเงินเพิ่มเติมหรือไม่?
ประธาน Saudi National Bank (SNB) ระบุชัดเจนเสียงดังฟังชัดว่า "คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน" ด้วยเหตุผลหลายประการนอกเหนือจากเหตุผลที่ง่ายที่สุด ซึ่งก็คือกฎข้อบังคับและกฎหมาย
สิ้นคำประกาศจากซาอุฯ ล่าสุดเมื่อวัน 15 มี.ค.2566 ที่ผ่านมาหุ้นธนาคาร Credit Suisse ยักษ์ใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงตุ่บลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ลดค่าลงเกิน 23% ไปแล้ว ต้องสั่งพักหยุดการซื้อขายหุ้นชั่วคราว
และกำลังรูดตกลงตลอดเวลา สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นภาคธนาคารในยุโรปตามมาเป็นโดมิโน คือธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส Societe Generale GLE ร่วงเกิน 12% และ BNP Paribas ร่วงเกือบ 10%
การขาดทุนของธนาคารสวิสฯ และลามไปธนาคารฝรั่งเศส เกิดความวิตกกังวลว่าธนาคาร Credit Suisse จะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ เนื่องจากหุ้นของบริษัทตกลงต่ำกว่าระดับ two-handle ไปแล้ว
และถ้าธนาคารสวิสฯ ล้มลง วิกฤตการณ์จะใหญ่หลวงเพียงใด โดยสวิตเซอร์แลนด์ มีแผนการกู้คืนและแผนฉุกเฉินคือ "แปลงพันธบัตรเป็นทุน" ผ่านกระบวนการประกันตัวเองหากจำเป็น
เรียกภาษาชาวบ้านคือ ทำ QE ค้ำประกันตัวเอง ใช้เงินอนาคตพิมพ์เงินฟรังก์สวิส อัดฉีดเข้าระบบธนาคาร โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมในวันที่ 16 มี.ค.2566 และคาดว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก
วิเคราะห์ว่า..การไม่คืนเงินฝากธนาคารกลางรัสเซียที่ไม่ใช่ชาติธรรมดาทั่วไป ทำให้บรรดาชาติพันธมิตร ขาดความเชื่อถือในธนาคารสวิสฯ ยุโรป และสหรัฐ นำมาซึ่งการถอนเงินฝากอย่างดุเดือดตลอดปี
จนธนาคารสวิสฯ ขาดทุนต่อเนื่องทุกไตรมาสตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา แถมธนาคารกลางซาอุฯ รู้ว่าธนาคารสวิสฯ นั้นผูกโยงระบบเงินตราไว้กับธนาคารสหรัฐ และยุโรป จึงปฏิเสธจะเอาเงินไปฝากด้วย
เพราะวันดีคืนดีกลัวจะถูกยึดเงินฝากชักดาบไปแบบธนาคารรัสเซียโดนอีก ก็เสียเงินฟรีไปเฉยๆ ยิ่งสวิสฯ จะเลียนแบบสหรัฐ ทำ QE พิมพ์เงินอัดเข้าธนาคารยิ่งเสียความเชื่อมั่นหนักกว่าเดิม
บรรดาชาติพันธมิตรรัสเซีย จีน ธนาคารเอกชนนานาชาติ หรือแม้แต่ผู้ฝากเงินเอกชนร่ำรวยรายย่อยโดยเฉพาะบรรดานักการเมือง จะดูออกว่าธนาคารสวิสฯ เสี่ยงมากแล้วที่จะล้มละลายเงินตนจะระเหยไป
จะพากันแห่ถอนเงินจากทั่วโลกทางอิเล็คทรอนิกส์ จนเกิดสภาพ Bank Run เงินเกลี้ยงบัญชี ซ้ำเติมด้วยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทีนี้บันเทิงเลย
ที่ธนาคารในสหรัฐ ล้มละลายก็เพราะสาเหตุธนาคารกลาง FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนสูงโด่งนี่แหละ ธนาคารยุโรปกำลังเดินตามรอย "โรคติดต่อธนาคารล้ม" ยุ่งอีรุงตุงนังไปใหญ่
สรุป..ธนาคารยุโรป ทำตัวเอง ไปยึดชักดาบเงินรัสเซียเขามาเท่าไร ก็ต้องเจอเช็คบิลบูมเบอแรงย้อนกลับเอาคืนเสียเงินขาดทุนไปทวีคูณ ธนาคารยุโรปแห่งใดยึดเงินรัสเซียไว้จะโดนมือมืดโจมตีถอนเงินหุ้นร่วงขาดทุนถ้วนหน้า
ส่วนธนาคารในอาเซียน หรือคลังชาติใดถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไว้มากไม่เททิ้ง มันจะด้อยคุณค่าลงตลอดเวลา เพราะเขาเตรียมเปลี่ยนสู่สกุลเงินใหม่
ให้ดูธนาคารในสหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ ยุโรป เป็นอุทาหรณ์ เดี๋ยวโดมิโนก็มาถึง
คำถามคือ ธนาคารในอาเซียน กระทรวงการคลังแต่ละชาติ คนร่ำรวยหรือแม้แต่ตัวท่านและคนรอบข้างฝากเงินไว้ที่ธนาคารสวิสฯ , ยุโรปและสหรัฐ หรือไม่ ถ้ามีฝากเท่าไร จะวัดดวงทิ้งเงินฝากไว้ต่อยอมรับความเสี่ยงหรือไม่
เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริงเช่นไร พันธบัตรสหรัฐคือมายา ทองคำคือของจริงเช่นนั้น แน่นอน 😁🤭😂
⏩🤗 ชอบข่าวนี้กดรูปหัวใจด้านล่าง ⤵️
World Update
15/ม.ค./2566
👇👇ชอบข่าวนี้กดรูปหัวใจหรือแชร์ ⤵️⤵️
- 81
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
