2 เม.ย. 2023 เวลา 02:01 • ท่องเที่ยว
ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น

MATTERHORN อัญมณีแห่งเทือกเขาแอลป์ หนึ่งในยอดเขาที่อันตรายที่สุดในโลก

EP. 9 ขึ้นรถไฟ ทะยานสู่ฟ้า ออกไปหา Matterhorn
1
Matterhorn หนึ่งในยอดเขาของเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ระหว่างพรหมแดนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอิตาลี มีความสูงถึง 4,478 เมตร
ชื่อ Matterhorn (แมท-เทอร์-ฮอร์น) มาจากภาษาเยอรมัน เกิดจากคำ 2 คำรวมกัน
คือคำว่า Mette แปลว่า ทุ่งหญ้า และคำว่า Horn แปลว่า เขาสัตว์ อาจแปลรวมกันได้ว่า “ยอดเขาแห่งทุ่งหญ้า” และคำว่า Horn ยังตรงกับลักษณะของยอดเขาที่มีความโค้งลงเล็กน้อยคล้ายเขาสัตว์
4
Matterhorn
Matterhorn มีรูปทรงที่โดดเด่น เป็นรูปพีระมิด ที่เกือบจะสมมาตรกันทั้ง 4 ด้าน นับว่าเป็นยอดเขาที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก จึงดึงดูดนักปีนเขามากมายที่ต้องการมาท้าทายกับความสูง แต่ด้วยความสูงชันของยอดพีระมิด ทำให้เกิดเรื่องเศร้า นักปีนเขาจำนวนหลายร้อยคนต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ Matterhorn จึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งในยอดเขาที่อันตรายที่สุดในโลกสำหรับนักปีนเขา
Matterhorn
จุดชมวิว Matterhorn ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว คือ ที่เมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทริปของเราจึงเลือกมาพักค้างคืนที่เมือง Zermatt 1 คืนก่อน เพื่อขึ้นรถไฟไปชมความงดงามของ Matterhorn ใกล้ๆในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
สถานีรถไฟขึ้น Matterhorn ในเมือง Zermatt
Matterhorn ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าภูเขาขี้อายมาก ก่อนมาเราจึงต้องเช็คสภาพอากาศมาอย่างดี เพื่อที่จะได้เห็นภูเขาทั้งลูก ข้อดีของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คือมีพยากรณ์อากาศที่แม่นยำมาก ชื่อว่า “MetroSwiss” จะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในมือถือหรือว่าดูผ่านเว็บไวด์ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถดูล่วงหน้าได้ 7 วัน หากดูในวันนั้นๆจะมีความแม่นยำถึง 100% แต่หากดูล่วงหน้าความแม่นยำก็อาจลงได้ทุก 10% ตามจำนวนวันที่ห่างออกไป
3
หากเพื่อนๆมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์แล้วมีขึ้นเขา แต่กลัวว่าฟ้าจะไม่เปิด อาจต้องจัดแพลนให้ยืดหยุ่นหน่อย เปลี่ยนแพลนได้ตามสภาพอากาศในแต่ละวัน
ตัวอย่างแอปพลิเคชัน MeteoSwiss
การเดินทาง : สามารถเลือกขึ้น Matterhorn ได้ 2 ทางคือ
  • 1.
    เดินทางด้วยรถไฟ : ขึ้นรถไฟที่สถานี Gornergrat Bahn ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Zermatt ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ราคาตั๋วไปและกลับ 1 เที่ยว คนละ 88 CHF ใช้ Swiss travel pass ลด 50%
  • 2.
    เดินทางโดยกระเช้า : ขึ้นกระเช้าจาก Zermatt ไปยัง Matterhorn Glacier Paradise ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ราคาตั๋วไป-กลับ 1 เที่ยว คนละ 95 CHF ใช้ Swiss travel pass ลด 50% เช่นกัน
1
Gornergrat Bahn the Matterhorn railway
การชมยอดเขา Matterhorn จากการขึ้นรถไฟ Gornergrat และจากการขึ้นกระเช้า Glacier Paradise จะต่างกันออกไปเพราะสถานีรถไฟกับสถานีกระเช้าอยู่คนละฝั่งกัน ซึ่งตัวเราเองนั้นเลือกเดินทางด้วยรถไฟ Gornergrat ระหว่างทางก็เพลิดเพลินไปกับยอด Matterhorn ที่โผล่มาให้เห็นเป็นระยะ เส้นทางนี้จะมีจุดชมวิว Matterhorn อีกแห่งหนึ่ง บริเวณทะเลสาบ Riffelsee ที่จะเห็นเงาสะท้อนของ matterhorn บนผืนน้ำของทะเลสาบ โดยต้องลงรถไฟที่สถานี Rotenboden
1
ตั๋วขึ้น Gornergrat
ทันทีที่ขึ้นมาถึง Gornergrat ก็พบกับ Matterhorn และบริเวณโดยรอบที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ อากาศเย็นติดลบประมาณ -5 องศา เราเองก็เล็งวันแล้วเล็งวันอีก อยากจะขึ้นไปเห็น Matterhorn ทั้งลูก เลือกวันที่ฟ้าเปิดถึงแม้จะมีลมแรง พอถึงเช้าวันขึ้นเขาดันมีเมฆมาบังซะนี่ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีเมฆถึงช่วงเที่ยง เราเลยตัดสินใจจะรอจนกว่าจะได้เห็น Matterhorn เต็มๆทั้งลูกให้ได้
Gornergrat
บรรยากาศบริเวณ Gornergrat
ในระหว่างนี้ที่รอให้เมฆเคลื่อนตัวผ่านไป เราก็มีเวลาไปชมกิจกรรมโดยรอบ Gornergrat โดยเริ่มจาก
  • พิพิธภัณฑ์ Zooom : ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานี Gornergrat บอกเล่าเรื่องราวของ Matterhorn ทั้งประวัติศาสตร์ และบรรยากาศของ Matterhorn ในฤดูต่างๆ แต่ที่ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นแว่น VR ที่จำลองให้เหมือนกับตัวเรานั่งอยู่บน Paragliding พาเราไปชมทัศนียภาพโดยรอบของภูเขา Matterhorn มีให้เลือกถึง 2 โหมด แบบผาดโผน และแบบชมวิว สมจริงมาก สนุกต้องไปลอง ซึ่งสำหรับพิพิธภัณฑ์นี้ผู้ที่มีตั๋วขึ้น Gornergrat สามารถเข้าชมได้ฟรีเลย
พิพิธภัณฑ์ Zooom
แว่น VR
  • ทะเลสาบ Riffelsee : ลงรถไฟที่สถานี Rotenboden ซึ่งเป็นสถานีที่ต่ำลงมาจาก Gornergrat 1 สถานี เราต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จึงจะถึงทะเลสาบ แต่เนื่องจากเรามาในฤดูหนาว ด้านบนของภูเขาอุณหภูมิติดลบ เกินจุดเหยือกแข็งของน้ำ น้ำจึงได้กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ไม่มีทะเลสาบ ไม่มีเงาสะท้อนให้เราเห็นอีกต่อไป 😅
พอเรากลับขึ้นมาจากทะเลสาบ ไปยัง Gornergrat อีกครั้ง เราก็ออกจากสถานีรถไฟไม่ได้ เพราะเราถือตั๋วไป-กลับเดียว แต่ยังโชคดีที่นายสถานีใจดียอมปล่อยให้เราออกมา ดังนั้นเพื่อนๆ ที่มีแพลนจะแวะมาชมทะเลสาบ Riffelsee ควรวางแผนให้ดีว่าจะแวะระหว่างทางขาขึ้นหรือขาลง ย้อนไป-มาไม่ได้นะ
1
Riffelsee บริเวณที่ควรจะเป็นทะเลสาบ
  • ห้องอาหาร 3100 Kulmhotel Gornergrat : Kulmhotel เป็นโรงแรมมีทั้งห้องอาหารของโรงแรม และร้านอาหารแบบจานเดียวสไตล์ร้านข้าวราดแกงบ้านเรา เป็นที่หลบอากาศหนาวได้ดี เข้าไปนั่งจิบนมอุ่นๆซัก 1 แก้ว มีมุมดีๆให้มองเห็น Matterhorn ผ่านหน้าต่างได้อีกด้วย
บรรยากาศจากหน้าต่างของร้านอาหารใน Kulmhotel
หลังจากที่ไปทำมาทุกกิจกรรมแล้ว รอจนบ่าย เมฆก็ยังไม่หายไปซักที เราจึงต้องกลับลงไปยังเมือง Zermatt ด้วยความผิดหวัง ใครมาแล้วไม่เห็น Matterhorn ไม่ต้องเสียใจไปนะ ไม่ใช่เพราะเราโชคร้ายหรอก แต่เป็นเพราะ ยิ่งสูงยิ่งหนาว อากาศที่ไหลวนรอบยอดเขาทำให้เกิดการควบแน่นของไอน้ำรวมตัวกลายเป็นเมฆมาบดบังยอดเขานั่นเอง
จิบเบียร์รอฟ้าเปิด
พอกลับลงมายังเมือง Zermatt ปรากฏว่าท้องฟ้าฝั่งนี้เปิดเฉยเลย ได้เห็น Matterhorn แบบเต็มๆตาซักที เราจึงตรงไปยังสะพาน Kirchbrucke จุดชมวิว Matterhorn ภายในเมือง Zermatt เพื่อถ่ายภาพเก็บบรรยากาศคู่กับ Matterhorn ก่อนกลับ คุ้มค่าแล้วกับการเดินทางวันนี้ ช่วยให้ปิดวันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
1
Matterhorn บริเวณสะพาน Kirchbrucke
Matterhorn บริเวณสะพาน Kirchbrucke
Life is like mountain, hard to climb, but worth the amazing view from the top.
Unknown
โฆษณา