21 มี.ค. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก Ken Griffin ผู้จัดการกองทุน ที่ทำกำไร แซงหน้า Ray Dalio

ถ้าหากถามว่า เมื่อตอนอายุ 19 ปี เรากำลังทำอะไรอยู่ หลาย ๆ คนอาจจะกำลังเรียนระดับมหาวิทยาลัย อยู่ในช่วงปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 และบางคนก็อาจจะทำงานไปด้วย
ไม่ต่างจากคุณ Ken Griffin ในวัย 19 ปี ที่กำลังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
แต่งานพิเศษที่เขาทำตอนเรียนอยู่นั้น เป็นงานที่ท้าทายกว่างานพิเศษทั่ว ๆ ไปของนักศึกษามาก เพราะเขาทำงานเป็น “ผู้จัดการกองทุน Hedge Funds” ของตัวเอง
และถ้าหากคุณสงสัย ว่านอกจากการเป็นผู้จัดการกองทุนของตัวเอง ตั้งแต่วัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้ว ประวัติของคุณ Ken Griffin มีอะไรที่น่าสนใจบ้างนอกจากนี้ ?
BillionMoney จะย่อยให้เข้าใจ
คุณ Ken Griffin เกิดที่เมืองเดย์โทนาบีช รัฐฟลอริดา พร้อมกับความหลงใหลในศาสตร์ของตัวเลขตั้งแต่ยังเด็ก จนได้เป็นประธานชมรมคณิตศาสตร์ของโรงเรียน ในวัยมัธยม
ด้วยผลการเรียนที่ดี เขาจึงได้เข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งที่นี่เอง ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของเส้นทางการเป็นยอดผู้จัดการกองทุนของเขา
คุณ Griffin เริ่มลงทุนครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี หลังจากได้อ่านบทความในนิตยสาร Forbes ที่วิเคราะห์ว่าหุ้นของบริษัท Home Shopping Network กำลังแพงกว่าความเป็นจริง
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณ Griffin จึงรีบไปเปิดบัญชีหุ้น และซื้อ Put Options ซึ่งจะทำให้เขาสามารถขายหุ้นของ Home Shopping Network ได้แพงกว่าตลาด ในกรณีที่หุ้นของบริษัทนี้ราคาตกลง
ซึ่งการซื้อ Put Options ของคุณ Griffin ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากราคาหุ้นของ Home Shopping Network ได้ตกลงจริง ๆ ส่งผลให้เขาได้กำไรมา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 477,000 บาท ในปัจจุบัน)
หลังจากนั้น คุณ Griffin ก็ได้เริ่มศึกษาเรื่องการเงินและการลงทุนอย่างจริงจัง ด้วยการอ่านตำรา ทฤษฎีทางการเงินต่าง ๆ ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย และขอระดมทุนจากครอบครัว เพื่อน พร้อมผู้ที่สนใจ ได้ประมาณ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 23 ล้านบาท ในปัจจุบัน)
ด้วยเงินจำนวนนี้ คุณ Griffin ก็ได้นำไปเปิดกองทุน Hedge Funds ของตัวเอง อย่างที่กล่าวไปข้างต้น โดยมีเขาเป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งเขาก็ทำกำไรได้เป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ Black Monday
หลังจากนั้น คุณ Griffin ก็ได้เรียนจบในปี 1989 และได้งานที่กองทุน Glenwood ทันที จากผลการเรียน และผลงานการบริหารกองทุน ที่เข้าตาคุณ Frank Meyer ผู้ก่อตั้งกองทุน Glenwood
คุณ Meyer ได้ให้เงินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับคุณ Griffin ลองบริหารดู ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับคุณ Meyer ได้มากถึง 70% ในปีเดียว
เมื่อถึงจุดนี้ กองทุน Glenwood ก็เล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว นั่นจึงทำให้ปีต่อมา คุณ Griffin ก็ออกมาตั้งกองทุน Citadel ของตัวเอง ด้วยเงินเริ่มต้น 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 336 ล้านบาท ในปัจจุบัน)
โดยหลักการที่คุณ Griffin ใช้ในการลงทุน และบริหารกองทุนนั้น หลัก ๆ แล้วมีอยู่ 4 ข้อ ได้แก่
1. การขาดทุนเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้
แม้คุณ Griffin จะมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหน หรือมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ, การลงทุน และคณิตศาสตร์มากเพียงใด ก็ไม่ได้แปลว่า เขาจะไม่เคยขาดทุน
เพราะในปี 2008 คุณ Griffin ที่ลงทุนผิดพลาดก็ได้ขาดทุนไปถึง 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 315,000 ล้านบาท ภายในเวลาประมาณ 4 เดือนเท่านั้น จนเกือบจะล้มละลาย
แต่คุณ Griffin ก็ไม่ได้มัวแต่นั่งเสียใจ เขาได้ระงับการถอนเงินของลูกค้า จากนั้นก็ปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ จนสามารถชดใช้การขาดทุนทั้งหมดได้ ภายในเวลา 3 ปี
2. พร้อมปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
ในอดีตคุณ Griffin มักจะลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยเขาจะมองหาหุ้นกู้แปลงสภาพ ที่มีมูลค่าต่ำกว่าหุ้นในตลาด จากนั้นเขาก็จะซื้อหุ้นกู้ เพื่อใช้สิทธิ์แปรสภาพหุ้นกู้นั้น ให้กลายเป็นหุ้นในราคาที่ถูกกว่าตลาด แล้วจึงนำหุ้นที่ได้ไปขายเพื่อทำกำไร
ซึ่งกลยุทธ์นี้เรียกว่า Convertible Bond Arbitrage ซึ่งวิธีประเมินมูลค่าหุ้นกู้ที่ คุณ Griffin ใช้นั้น ตัวเขาเองได้คิดค้นมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดเมื่อตอนที่เขาเริ่มลงทุน กับปัจจุบันนี้ ก็แตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้ความรู้ และกลยุทธ์เก่า ๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ทำให้ปัจจุบันนี้ เขาได้เปลี่ยนแนวทางการลงทุน มาใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือที่เรียกว่า Quant มากขึ้น
3. รู้จักการกระจายความเสี่ยง
คุณ Griffin ไม่เคยปิดโอกาสตัวเอง ในการมองหาสินทรัพย์เพื่อลงทุน เพราะกองทุน Citadel ของเขานั้น ลงทุนทั้งหุ้น, พันธบัตร, สินค้าโภคภัณฑ์, ค่าเงิน หรือแม้แต่ คริปโทเคอร์เรนซี
ทำให้นอกจากเขาจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน จากสินทรัพย์หลากหลายชนิดแล้ว การลงทุนแบบนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย
และไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการลงทุนเท่านั้น เพราะในด้านของธุรกิจ นอกจากคุณ Griffin จะมีกองทุน Citadel แล้ว เขายังเปิดบริษัทหลักทรัพย์ Citadel เพื่อเป็นธุรกิจหลักอีกแห่งของตัวเองอีกด้วย
4. มีลูกทีมที่ดี
การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายชนิดทั่วโลกนั้น แน่นอนว่าเป็นงานที่หนักเกินกว่าที่คุณ Griffin จะทำด้วยตัวคนเดียวไหว
เพราะฉะนั้น คุณ Griffin จึงใส่ใจกับการดูแลพนักงานมาก แถมยังให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าตลาด นอกจากนี้ในทีมของเขา ก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนที่เรียนด้านเศรษฐศาสตร์ และการเงินเท่านั้น
แต่ยังมีทั้งวิศวกร, นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ไปจนถึงนักฟิสิกส์ เพื่อที่คุณ Griffin จะได้รับความเห็นที่หลากหลาย และมีมุมมองที่รอบด้าน จากลูกทีมที่มีหลากหลายสาขาวิชา
จากที่กล่าวมานี้เอง จึงทำให้กองทุน Citadel ของคุณ Griffin สามารถทำกำไรได้กว่า 560,000 ล้านบาท ในปี 2022 ซึ่งเป็นตัวเลขการทำกำไรในปีเดียว ที่มากที่สุดของผู้จัดการ Hedge Funds ตั้งแต่มีการบันทึกไว้
แม้ปี 2022 นั้น จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความผันผวน และภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก
ทำให้กำไรเมื่อนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน ในปี 1990 นั้น มากถึง 2.31 ล้านล้านบาท แซงหน้ากองทุน Bridgewater ของคุณ Ray Dalio ที่ทำกำไรตั้งแต่ก่อตั้งกองทุน ได้ประมาณ 2.04 ล้านล้านบาท
และส่งให้คุณ Griffin ขึ้นแท่นเป็น ผู้จัดการกองทุน ที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุด แซงหน้าคุณ Ray Dalio ได้นั่นเอง..
โฆษณา