5 เม.ย. 2023 เวลา 03:13 • นิยาย เรื่องสั้น
The Ghost House

#เรื่องผีมีอยู่ว่า #TheGhostRadio

เรื่อง: โรงแรม Floor 7 / เล่าโดย: คุณนาว
คลิกฟัง 👉 https://youtu.be/oHM0gUL_3Wo
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนเราเล่าให้ฟัง ซึ่งเพื่อนเนี่ยเป็นพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ระดับ 5 ดาว ในกรุงเทพฯ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นเพื่อนเราได้เป็น Front โรงแรม หรือก็คือพนักงานต้อนรับในส่วนหน้านั่นแหละ ซึ่งเพื่อนได้รับหน้าที่ในช่วงกลางคืน คือต้องเฝ้าอยู่ตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มถึง 7 โมงเช้า
เพื่อนบอกว่าก่อนที่จะมารับหน้าที่ในคืนนั้น มีลูกค้าต่างชาติชาวมาเลเซียมาเช็กอินแล้วประมาณ 2 คืน เปิด 2 ห้อง ตัวเขาเองอยู่กับลูกอีก 3 คน และมีน้องสาวเขาอยู่อีกห้องนึง รวมทั้งหมดเป็น 5 คน สาเหตุการมาของลูกค้ากลุ่มนี้คือเขาป่วย แล้วมารักษาตัวในประเทศไทย เขาก็อยู่กันมาเรื่อย ๆ ไม่มีอะไร จนวันที่เพื่อนเรามาประจำ Front ตอนกะกลางคืน
คืนนั้นประมาณตี 3 มีสายโทรเข้ามาจากชั้น 7 แต่เราจำห้องเลขห้องไม่ได้ แต่รู้เลยว่าเป็นลูกค้าชาวมาเลเซียกลุ่มนั้น เพราะโทรศัพท์หน้า Front โรงแรมจะขึ้นเลขห้องอยู่แล้ว แต่คนโทรมาเป็นลูกชายคนโตของเขาที่อายุประมาณ 10 ขวบ โทรมาพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่จับใจความได้ว่า “ช่วยขึ้นมาดูแม่ผมหน่อย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ตัวเย็นหมดแล้ว” ด้วยความที่เพื่อนเราเป็นพนักงาน ยังไงก็ต้องรีบขึ้นไป
พอขึ้นไปก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยความที่เพื่อนเป็นพนักงานโรงแรมที่ถูกอบรมมา ยังไงก็ต้องทำ CPR ให้ลูกค้าก่อน เพราะเพื่อนก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเสียชีวิตไปเมื่อไหร่ แต่เพื่อนเราเป็นคนตัวเล็ก แล้วลูกค้าท่านนี้ค่อนข้างตัวใหญ่ น้ำหนักร้อยกว่าโล ก็ไม่สามารถทำ CPR ได้ตลอด ก็เลยต้องโทรเรียกฝ่ายความปลอดภัยขึ้นมาช่วย
พอฝ่ายความปลอดภัยขึ้นมา ก็ตรวจดูคร่าว ๆ ว่ายังไงลูกค้าก็ไม่รอดแล้ว ก็เลยประสานงานเรียกรถพยาบาลมา ซึ่งกว่าจะมาถึงก็เกือบ 7 โมงเช้าแล้ว แปลว่าเพื่อนเราต้องคอยเฝ้าศพ อยู่กับศพตั้งแต่ตี 3 จนถึง 7 โมงเช้า เพราะบรรดาลูก ๆ ของลูกค้าก็ยังเด็กอยู่ ไม่สามารถปล่อยให้อยู่กับศพได้ เพื่อนเราก็เลยต้องอยู่ พอถึง 7 โมงเช้า รถพยาบาลมา ก็ทำการเคลื่อนย้ายศพ ขนศพไป
โดยปกติถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่โรงแรม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมไหนก็แล้วแต่ เพื่อนบอกว่าห้องที่เกิดเหตุจะต้องถูกปิดตาย 3 เดือน ต้องรีโนเวทใหม่ทั้งหมด ทั้งสีห้อง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ จะไม่มีการส่งลูกค้าขึ้นมาที่ห้องจนครบ 3 เดือน พนักงานทุกคนก็จะรู้กันว่าห้องที่เกิดเหตุนี้จะไม่เปิดให้บริการ
หลังจากเกิดเหตุ ในระหว่าง 3 เดือนนั้น เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่า เพื่อนก็มีโอกาสได้มาเข้า Front กะกลางคืนอีก เพื่อนบอกว่าระหว่างที่เข้ากะอยู่ เวลาประมาณตี 3 เพื่อนจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีลมพัด ผ่านหน้าเคาท์เตอร์ไป หลังจากที่ลมพัด ลิฟต์ที่อยู่ทางขวามือของเคาท์เตอร์ก็เปิดออก โดยที่ไม่มีคนออกมาจากลิฟต์ และแน่นอนว่าไม่มีใครกดลิฟต์จากด้านล่างเลย
พอลิฟต์ปิด เพื่อนก็มองไปตามตัวเลขหน้าลิฟต์ ว่ามันจะขึ้นไปจอดชั้นไหน เพื่อนมันก็มองเลขลิฟต์ที่กำลังขึ้นไปเรื่อย ๆ สุดท้าย ลิฟต์ไปจอดที่ชั้น 7 หลังจากนั้นเวลาผ่านไปเพียงอึดใจเดียว โทรศัพท์หน้า Front ดังขึ้น ซึ่งมันโชว์เบอร์ห้องว่ามาจากห้องที่เกิดเหตุนั้น แต่เพื่อนเรามันก็ใจเด็ดพอสมควร มันก็รับโทรศัพท์ เพราะมันก็อยากรู้เหมือนกัน พอเพื่อนรับมันไม่มีเสียงคนพูดอะไร ได้ยินแต่แบบเสียงบรรยากาศรอบข้าง เหตุการณ์นี้ก็ผ่านไป
ในระหว่างช่วง 3 เดือนนี้ บางวันก็จะมีที่แบบ ลิฟต์ลงมาจากชั้น 7 แต่ไม่มีคนออกมาจากลิฟต์บ้าง ซึ่งทุกครั้งที่เกิดขึ้น จะเกิดช่วงประมาณตี 3 เพื่อนเราก็รู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เพื่อนก็คิดในใจว่าถ้าออกจากกะแล้วเดี๋ยวจะไปทำบุญให้
พอผ่านพ้นช่วงเวลา 3 เดือนนี้ไป ห้องก็จะถูกเปิดให้ใช้บริการ แต่โดยส่วนใหญ่ เพื่อนเล่าว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จะไม่ส่งลูกค้าชาวไทย ขึ้นมาห้องแบบนี้ ส่วนใหญ่จะส่งต่างชาติขึ้นมา ลูกค้ารายแรกเป็นชาวจีน ผู้หญิงตัวเล็ก 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันมาเที่ยวในไทย ก็มาเช็กอินแล้วก็ขึ้นไปนอน ก็ไม่มีอะไร พอมาตอนเช้า เขาลงมาเช็กเอาท์ก็มาแจ้งว่า “ทำไมฟูกที่นอนมันยวบลงขนาดนี้ มันเป็นเตียงเก่าหรอ”
แต่ทางโรงแรมก็แจ้งว่า “ไม่เก่านะคะ เพราะว่าฟูกเพิ่งเปลี่ยนไป” แต่ลูกค้าเขาบอกเพื่อนเราว่ามันยวบมาก ยวบจนที่เขานอนกัน ต้องลงมากองกันอยู่ตรงกลาง เพราะมันยวบเป็นแอ่งเลย ซึ่งเพื่อนคิดได้ทันทีเลยว่า คนที่เสียชีวิตไปเขาเป็นคนตัวหนักมากอยู่แล้ว คงไปนอนทับที่เขา ทำให้เตียงมันยวบลงไป แต่ก็ไม่มีอะไรมาก ลูกค้าชาวจีนก็เช็กเอาท์ออกไป
ลูกค้ารายต่อมาเป็นชาวเยอรมัน เป็นคู่สามีภรรยามาฮันนีมูนที่ประเทศไทย ก็ส่งแขกขึ้นมายังห้องนี้ เพื่อนบอกว่าลูกค้าคู่นี้ไม่มีอะไรเลย อยู่ประมาณ 5 คืนได้ จนวันที่เช็กเอาท์ เขาลงมา แล้วเขาก็บอกว่า “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับ Service Mind ต่าง ๆ มันดีมาก ต่อให้ตี 3 แล้วยังมีคนมาเดินทำความสะอาดห้องให้” ซึ่งเพื่อนรู้ได้ทันทีเลยว่าไม่ใช่พนักงานแน่ ๆ แต่เพื่อนทำได้แค่น้อมรับและขอบคุณ
หลังจากนั้นผ่านไป ลูกค้ารายต่อมาเป็นชาวอินเดีย มานอนคนเดียว ลักษณะคล้ายผู้ทรงศีล นุ่งขาวห่มขาวมา คิดว่าน่าจะมาแสวงบุญในประเทศไทย เขาก็มานอน หลังจากคืนแรก พอเช้ามาเขาลงมาทานข้าว เขามาแจ้งที่หน้าเคาท์เตอร์ของ Front ว่า “ห้องนี้เคยมีคนตายใช่มั้ย”
ซึ่งทางโรงแรมพูดไม่ได้อยู่แล้ว ได้แต่บอกว่า “ไม่มีนะคะ ลูกค้ามีอะไรกังวลใจหรือเปล่า” แต่เขาบอกว่า “คุณไม่ต้องมาโกหกผมหรอก ผมรู้ว่ามีคนตาย เมื่อคืนผมเห็น ผู้หญิงตัวใหญ่ ๆ อ้วน ๆ ผมหยิก ๆ ผิวคล้ำใช่มั้ย เนี่ย! ผมนั่งคุยกับเขาทั้งคืนเลย” แล้วเรื่องนี้ก็ผ่านไป
ก็ส่งลูกค้ารายถัดไปขึ้นมาอีกเป็นนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส แต่ลูกค้ารายนี้คือนอนไม่ได้เลย โทรแจ้งมาที่ Front แล้วบอกว่า “คุณเปลี่ยนห้องให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมแอร์ห้องนี้มันไม่เย็นเลย ขนาดผมเปิด 16 องศาแล้วมันยังร้อนมาก” พนักงานเลยต้องขึ้นมาดูแอร์ก่อน คือเพื่อนเราก็ขึ้นไปดู
พอเพื่อนขึ้นไป เพื่อนบอกว่าหนาวมาก แอร์เย็นมาก แต่ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงบอกว่ามันร้อน แต่สภาพของลูกค้าก็คือนั่งเหงื่อแตกทั้งตัว แต่ด้วยความที่วันนั้นห้องเต็ม ไม่มีห้องที่จะย้ายให้ลูกค้า ก็ทำได้แค่ขอโทษ แล้วจะทำการย้ายให้ในคืนพรุ่งนี้
คืนนี้ลูกค้าเลยต้องทนนอนอยู่ห้องนี้ไปก่อน เวลาผ่านไปประมาณตี 4 ลูกค้าวิ่งออกมาจากลิฟต์มาที่หน้า Front เก็บกระเป๋าออกมาหมดเลย แล้วมาบอกว่า “โรงแรมคุณอ่ะ มีผี! คุณอ่ะ เปิดห้องให้ลูกค้าใช้ได้ยังไง คุณรู้มั้ยว่าผมต้องเจออะไรบ้าง” ทางโรงแรมก็ได้แต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ชาวฝรั่งเศสคนนั้นก็เล่าให้ฟังว่า “ระหว่างที่ผมนอน ผมนอนไม่ได้เลย มีผู้หญิงตัวใหญ่ ๆ ดำ ๆ นอนทับผม พอผมหายใจออก ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมเห็นเขาเดินทั่วห้องเลย แล้วก็มานั่งปลายเตียง ผมอยู่ไม่ได้ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนห้องให้ผม ผมก็จะย้ายโรงแรม” ซึ่ง ณ ตอนนั้นคือไม่มีห้องให้ลูกค้า สิ่งที่ทำได้คือส่งลูกค้าไปยังสาขาใกล้เคียง แล้วก็ให้เขาอยู่ฟรีไป เรื่องมันก็เกิดมาเรื่อย ๆ คนที่เจอส่วนใหญ่ก็คือชาวต่างชาติ
หลังจากนั้นห้องนี้เลยโดนปิดตายอีกครั้งหนึ่ง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าถ้าลูกค้ามาเข้าพักอีก แล้วเขาต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง แล้วในระหว่างที่ห้องปิดตาย เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่เพื่อนขึ้นมาที่ชั้น 7 เวลาเพื่อนเดินผ่านห้องที่เกิดเหตุ จะรู้สึกว่าเหมือนมีคนอยู่ในห้องนั้นตลอด จนบางครั้งเพื่อนเคยเอาหูไปแนบที่ประตู ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนป่วย นอนไออยู่ในห้อง
แล้วก็มีวันนึงที่เพื่อนเราต้องมาเปิดห้องให้แม่บ้านมาทำความสะอาด ตอนเพื่อนมาเปิดห้อง เพื่อนก็เดินเข้ามาดูในห้อง แล้วก็ไปนั่งที่ปลายเตียง ตอนนั้นมีความรู้สึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลย คือเพื่อนหันไป เห็นร่างผู้หญิงร่างใหญ่ ตัวซีด ปากม่วง นอนอยู่บนเตียง แต่ตาเขาไม่หลับ ตาเขามองมาที่เพื่อนที่นั่งอยู่ปลายเตียง แล้วก็พูดในภาษาที่เราไม่เข้าใจ ตอนนั้นเพื่อนตกใจมาก เลยวิ่งออกจากห้องไป
หลังจากนั้นเพื่อนก็ได้ไปทำบุญ แล้วแจ้งกับผู้จัดการโรงแรมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าตอนนี้พนักงานโรงแรมก็เจอแล้ว ทางโรงแรมเลยจัดทำบุญครั้งใหญ่ขึ้นมา จริง ๆ เรื่องก็มีประมาณนี้ แต่หลังจากนั้นเพื่อนบอกว่าเพื่อนได้เลื่อนขั้น ไม่ได้ไปอยู่ Front แล้ว เลยไม่เจออะไรอีก แต่ก็ยังมีรุ่นน้อง ๆ ที่เขาอยู่ Front กัน ก็ยังเจอกันบ้าง จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่าเขายังอยู่ ไม่ได้ไปไหน
เล่าไว้วันที่ 22 เมษายน 2561
โฆษณา