สวิตเซอร์แลนด์ เป็นฝุ่น! หุ้นธนาคารชั้นหนึ่ง Set Zero ชาติอาหรับโกรธ
.....ผลจากสหรัฐ ยุโรป อ้างคว่ำบาตรชักดาบเงินฝากธนาคารรัสเซีย ขณะนี้ส่งผลวิกฤติธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ "เน่าใน" ฉับพลัน ธนาคารอันดับสอง Credit Suisse ที่เคยอายัดชักดาบเงินฝากรัสเซียไว้ 20,000 ล้านดอลลาร์
โดนโจมตีถอนเงินทั้งปีที่แล้ว ไตรมาส 4 โดนถอนเงินไป 119,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าเงินที่ชักดาบเกือบ 6 เท่า อ่วมอรทัย บาตรแตก ตู้เซฟมีแต่ฝุ่น
ธนาคารกลางสวิสฯ กัดฟันให้กู้ยืม 54,000 ล้านดอลลาร์เอาไปจ่ายคืนผู้ถอนเงิน แค่ภายใน 2 วัน กลายเป็น "ฝุ่นหายวับ" ไม่กล้าให้เงินกู้มาอุ้มกระเตงอีกเลย
FINMA หน่วยงานกำกับดูแลของสวิสฯ ประกาศว่าผู้ที่ซื้อ "พันธบัตรชั้นหนึ่ง" Contingent Convertibles (CoCos) ไปทั้งหมดมูลค่า 1,600 ล้านฟรังก์สวิส (1,700 ล้านดอลลาร์) บัดนี้ "มันได้กลายเป็นฝุ่นไร้ค่า มีค่าเป็นศูนย์" เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ไม่มี ไม่หนี และไม่จ่าย" คืนเงินให้ผู้ซื้อหุ้น แบบว่า "ลงทุนเท่าไรก็เอาฝุ่นไปแทน" แต่สามารถนำกระดาษพันธบัตรชั้นหนึ่งนั้นใส่กรอบหรู แปะฝาข้างบ้านไว้ดูเตือนความทรงจำได้
ทำให้ผู้ถือหุ้นพันธบัตรชั้นหนึ่งธนาคาร Credit Suisse โกรธเคืองมากเนื่องจากการลงทุนเงินพวกเขาเพราะ "ความเชื่อถือ" ซื้อหุ้นดีๆ ธนาคารสวิสฯ เพราะ "ความเชื่อใจ" แต่บัดนี้กลายเป็น "ฝุ่นไร้ค่า" โดนชักดาบไม่ได้คืนมาแม้เซ็นต์เดียว
เมื่อธนาคารเก่าแก่กว่า 140 ปีแห่งนี้ล้มเป็นฝุ่นแห่งแรกของสวิสฯ และเป็นแห่งที่ 7 ของโลก ก็เลยต้องเซ้งขายต่อกิจการให้กับธนาคาร UBS สวิสฯ รายใหญ่อีกราย เทคโอเวอร์บังคับซื้อกิจการไปด้วยมูลค่า 3,200 ล้านดอลลาร์
โดยจะต้อง "รับหนี้เน่าค้างเก่าทั้งหมดพ่วงไปชดใช้ด้วยอีกมหาศาล , ความวินาศจากธนาคารสวิสฯ จบไหม..คำตอบคือ "ยัง" ผลจากการขายกิจการธนาคาร Credit Suisse ส่งผลให้ธนาคารแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย ที่เคย "เชื่อถือ" ซื้อหุ้นปกติธนาคารนี้ไว้
ในสัดส่วน 9.9% โดยลงเงินไป 1,400 พันล้านฟรังก์สวิส (1,500 ล้านดอลลาร์) ปลายปี 2565 ที่แล้วราคาหุ้นปกติช่วงนั้น 3.82 ฟรังก์/หุ้น
แต่บัดนี้เจ้าของกิจการรายใหม่ธนาคาร UBS ได้กดราคาจ่ายเงินคืนให้ผู้ถือหุ้นเดิมแค่ 0.76 ฟรังก์/หุ้น ธนาคารซาอุฯ ขาดทุนไป 80.1% เป็นมูลค่ารวม 1,200 ล้านดอลลาร์ (41,100 ล้านบาท)
Qatar Investment Authority ของการ์ตา นักลงทุนรายใหญ่อันดับสองของอดีตธนาคาร Credit Suisse ถือหุ้น 6.8% ขาดทุนไปอีกเป็นมูลค่ารวม 824 ล้านดอลลาร์ (28,200 ล้านบาท)
แค่นี้จบปัญหาไหม..คำตอบคือ "ยัง" บริษัทจัดอันดับ S&P ลด Rating ของธนาคาร UBS ที่ลงทุนไปซื้อฝุ่นมาเป็น "Negative" เพราะการเจรจาแค่วันเดียว จึงไม่อาจทราบได้ว่าอดีตธนาคาร Credit Suisse ซ่อน"หนี้เน่า" ไว้อีกเท่าไร
ไม่นานจากนั้น หุ้นของธนาคาร UBS ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงตุ่บลดลง -10.5% ในขณะที่ภาคธนาคารของยุโรปหุ้นร่วง -4%
จบข่าวร้ายไหม..คำตอบคือ "ยัง" ธนาคาร First Republic สหรัฐ ที่เคยร่อแร่ ขอกระทรวงการคลังสหรัฐ และกลุ่มทุนวอลล์สตรีทธนาคาร 11 แห่ง ให้คำมั่นว่าจะมายืนเคียงข้างเสมอไม่ต้องกลัว
ปล่อยกู้ และฝากเงินเข้าไปมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ บัดหนี้เงินที่ใส่ถมไปแค่ไม่กี่วัน "เป็นฝุ่นจางๆ" โดนระดมถอนเงินจนขาดสภาพคล่องอีกร่อแร่ รอเงินใหม่มาถมอีก
วิเคราะห์ว่า..ข่าวร้ายวงการเงินการธนาคาร "เพิ่งเริ่ม" เพราะขณะนี้คนอเมริกัน ต่างระดมถอนเงินจากธนาคารที่ไม่มีประกันเงินฝาก ที่มีมูลค่ากว่า 80% ของเงินฝากทั้งหมด
นั่นหมายความว่าจะมีธนาคารสหรัฐ อีกราว 186 แห่ง "จะเป็นฝุ่น" เพราะต้นเหตุ "พันธบัตรสหรัฐ และเงินดอลลาร์" ที่ขาดความน่าเชื่อถือ เป็น "เชื้อโรคไวรัสวิกฤติความเชื่อมั่น" ที่ลุกลามไปทั่วตลาดการเงินทั่วโลก
ผลจากการถือสินทรัพย์การเงินเจ้าปัญหาของสหรัฐ นี้ไว้ก่อให้เกิดการระบาดผลกระทบที่ยุ่งเหยิงแพร่กระจายไปทั่วภาคการธนาคารทั้งหมด ทำลายความเชื่อมั่นของตลาดและกระตุ้นความหวาดกลัวต่อวิกฤตการธนาคารทั่วโลก
ความรู้สึกของซาอุฯ , การ์ตา ในตอนนี้จะเหมือนกับผู้ถือหุ้น และฝากเงินกับธนาคารสหรัฐ ยุโรป ทุกคนที่เงิน "กลายเป็นฝุ่น" คือรู้สึกโกรธอย่างที่สุด ที่ชาติตะวันตกทำให้สถานการณ์บานปลายมาถึงจุดนี้
ธนาคารซาอุฯ และอ่าวอาหรับ จะต้องประเมินวิธีการลงทุนในธนาคารสหรัฐ และยุโรป ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะธนาคารใหญ่หุ้นสัดส่วนการถือหุ้นมาก ว่าจะขายหุ้นเทกระจาดหรือต้องส่งคนของตนไปควบคุมบริหารกิจการ
ให้จับตา ธนาคาร และกระทรวงการคลัง ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่ถือสินทรัพย์ผันผวน คือ "พันธบัตรสหรัฐ หรือสหภาพยุโรป , หุ้นธนาคารสหรัฐ หรือยุโรป เพราะขณะนี้ "เชื้อโรคติดต่อการเงิน" เข้าไปอยู่ในตู้เซฟองค์กรเขาเหล่านั้นแล้ว
มันจะกัดเซาะบ่อนทำลายจนเน่าจากภายในตู้เซฟ เพราะเจ้าของตู้เชื่อตำราตะวันตก จึงประมาทเหมือนธนาคาร และสถาบันการเงินใหญ่ทั้ง 7 แห่งที่ล้มครืนเป็นฝุ่นไปแล้ว
ยิ่งธนาคารกลางสหรัฐ แอบทำ QE พิมพ์เงินเพิ่ม 300,000 ล้านดอลลาร์ แล้วจะทำ QE ซ้ำรัวพิมพ์เงินเพิ่มอีก 2 ล้านล้านดอลลาร์ ความเชื่อมั่นจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
จะทำลายโครงสร้างทางการเงิน และทุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัดจะทำให้ผู้คนหยุดชะงักไปหมด
เมื่อบรรดาชาติที่เคยลงทุนเปิดตู้เซฟที่บรรจุพันธบัตร และหุ้นธนาคารตะวันตก ก็จะพบว่า "มันกลายเป็นฝุ่นถูก Set zero" ไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน 😱🤭😂
⏩ เบื้องลึก..สหรัฐ ส่อวุ่นวาย บิ๊กทรัมป์ เรียกระดมม็อบ
⏩🤗 ชอบข่าวนี้กดให้กำลังใจด้านล่าง ⤵️
World Update
21/มี.ค./2566
Reference :
👇👇กดชอบรูปหัวใจหรือแชร์ ⤵️⤵️
- 58
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
