23 มี.ค. 2023 เวลา 02:44 • ปรัชญา

"โลกหลังความตาย" ในทัศนะของวิทยาศาสตร์และศาสนา

แนวคิดเรื่อง "โลกหลังความตาย" เป็นเรื่องราวที่มีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่โบราณ
หลายคนก็เชื่อว่าโลกหลังความตายมีอยู่จริง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็กล่าวว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าโลกหลังความตายมีจริง
ตามแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ โลกหลังความตายนั้นไม่มีจริง
หากพิจารณาจากทฤษฎี "สสารนิยม (Materialism)" พลังงานและสสารคือสิ่งที่ดำรงอยู่ มีอยู่จริง และเชื่อว่าปรากฎการณ์ต่างๆ รวมทั้งสติ ความสำนึกรู้ตัว ก็คือสิ่งที่กลั่นกรองจากสมอง
แต่ถึงแม้วิทยาศาสตร์จะพัฒนาอย่างก้าวไกลและดูจะมีเหตุผลมากที่สุด แต่ก็มีบางอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้
สิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนทั้งหมด ก็คือเรื่องของ "จิต" และคำถามที่ว่าโลกหลังความตายมีอยู่จริงหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่นอกเหนือที่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
สำหรับหลักฐานที่คนที่เชื่อถือเรื่องโลกหลังความตายมักจะหยิบยกมาเป็นลำดับต้นๆ ก็คือเรื่องราวของประสบการณ์ของคนที่เคยเฉียดตาย
หลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาก่อน มักจะให้สัมภาษณ์ว่าขณะกำลังจะตายนั้น ความรู้สึกจะเป็นความรู้สึกที่สงบ ตามมาด้วยการเห็นแสงสว่างจ้า และพบเห็นคนที่เป็นที่รักที่เสียชีวิตไปแล้ว
แต่ปรากฎการณ์เหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ก็กล่าวว่าอันที่จริง มันมีคำอธิบาย
เมื่อบุคคลกำลังจะเสียชีวิต สมองจะเริ่มขาดอ๊อกซิเจน ซึ่งการที่สมองขาดอ๊อกซิเจนก็ทำให้เกิดภาพหลอนได้ และสมองก็จะหลั่งสารที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เห็นแสงสว่าง
อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจคือ "ทฤษฎีทวินิยม (Dualism)"
ทฤษฎีทวินิยม เชื่อว่าสติหรือจิตนั้น คือสิ่งที่แยกจากร่างกายอย่างชัดเจน และจิตก็คือสิ่งที่สนับสนุนแนวคิดเรื่องโลกหลังความตาย
แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในทฤษฎีสสารนิยมก็กล่าวว่าไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีทวินิยม ในขณะที่หลักฐานต่างๆ ล้วนบ่งชี้ว่าจิตนั้นคือผลของกระบวนการในสมอง
สมองนั้นคืออวัยวะที่ซับซ้อน ควบคุมอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย นอกจากกระบวนการทางกายภาพเช่น การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ สมองยังควบคุมเรื่องของความนึกคิดและอารมณ์ และยังเก็บความทรงจำ และจิตก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการทางสมอง
หลายคนอาจจะรู้สึกดีที่คิดว่าโลกหลังความตายนั้นมีจริง และความตายก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด
แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในทฤษฎีสสารนิยมก็กล่าวว่าการยอมรับความจริงที่ว่าความตายคือเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ ก็เป็นสิ่งสำคัญ
1
คนเราควรจะใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุข และยอมรับว่าซักวันหนึ่งทุกคนก็ต้องตาย
1
ถึงแม้ว่าการกลัวความตายจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ หากแต่ถ้าหมกมุ่น ก็จะทำให้เกิดความเครียดได้ ดังนั้น การมุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตในปัจจุบันและยอมรับความจริง ก็คือสิ่งที่ดีที่สุด
2
และเมื่อพูดถึงเรื่องโลกหลังความตาย "ศาสนา" ก็คือสิ่งสำคัญที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
1
ศาสนานั้นมีส่วนสำคัญในความเชื่อของแต่ละคนเรื่องโลกหลังความตาย และแต่ละศาสนาก็มีมุมมองเรื่องโลกหลังความตายแตกต่างกันออกไป
ความเชื่อทางศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คน ทำให้จิตใจเบิกบานและสงบ หากแต่ก็ต้องยอมรับว่าความเชื่อหลายๆ อย่างนั้นก็ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์และไม่ได้รับการยอมรับมากนัก
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และความตายเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งท้ายที่สุด ก็คือสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ
1
โฆษณา