22 มี.ค. 2023 เวลา 17:54 • กีฬา

"ไบรท์ตัน" ไม่ใช่แค่ทีมกลางตาราง แต่เติบโตอย่างน่าประทับใจ

หลังจากขาดทุนถึง 53.4 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2020-21 ที่แฟนบอลเข้าไปชมเกมในสนามไม่ได้ ล่าสุดไบรท์ตันได้เปิดเผยว่าพวกเขาทำกำไรสูงถึง 24.1 ล้านปอนด์จากผลประกอบการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2021-22)
กำไรดังกล่าวซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ของทีมนกนางนวล หลักๆ มาจากการขายนักเตะ, รายได้จากการขายตั๋วเข้าชมแบบเต็มความจุของสนาม และเงินรางวัลที่ได้รับจากพรีเมียร์ลีกหลังจากที่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ พาสโมสรจบฤดูกาลก่อนด้วยอันดับ 9 ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาในปี 2017
ในฤดูกาล 2021-22 ไบรท์ตันมีรายได้มหาศาลจากการขาย เบน ไวท์ ให้อาร์เซน่อลด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ และขาย แดน เบิร์น ให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดหน้าหนาวด้วยค่าตัวอีก 13 ล้านปอนด์
แม้จะมีการทุ่มเงินราวๆ 20 ล้านปอนด์ซื้อตัว เอน็อค เอ็มเวปู จาก เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก และ มาร์ก กูกูเรย่า จากเคตาเฟ่อีกราวๆ 15 ล้านปอนด์ แต่ตัวเลขในตลาดนักเตะซีซั่นก่อนก็ยังเป็นบวกเกิน 10 ล้านปอนด์อยู่ดี
ส่วนเงินรางวัลที่ได้จากการคว้าอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีก ถือว่าได้เพิ่มขึ้นมากกว่าการคว้าอันดับ 16 เมื่อฤดูกาล 2020-21 ราวๆ 14 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
ดิ แอธเลติก สื่อคุณภาพของอังกฤษ เผยอีกว่ารายได้ของไบรท์ตันจากการที่แฟนบอลเข้าไปชมเกมกันมากขึ้นเยอะในฤดูกาล 2021-22 ตีเป็นมูลค่าราวๆ 28 ล้านปอนด์ ซึ่งแนวโน้มที่ทีมนกนางนวลจะมีแฟนบอลเข้าไปชมเกมมากขึ้นยิ่งมีสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการที่สโมสรกำลังทำผลงานได้ดี มีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป และเล่นด้วยสไตล์ดูแล้วเพลินตา
จำนวนผู้ชมเฉลี่ยต่อเกมที่สนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ของฤดูกาลที่แล้วอยู่ที่นัดละ 30,943 คน แต่ซีซั่นนี้เพิ่มเป็นเฉลี่ยนัดละ 31,457 คน
ตัดภาพมาที่ฤดูกาลปัจจุบัน (2022-23) มีโอกาสสูงมากที่ไบรท์ตันจะทำกำไรเข้าสโมสรได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์มากขึ้นกว่าปีก่อนไปอีกหลายเท่า
ก่อนอื่นเลย แค่รายได้จากการปล่อยนักเตะตัวหลักรวมกันก็เกิน 100 ล้านปอนด์เข้าไปแล้ว โดย อีฟส์ บิสซูม่า ย้ายไป ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์, นีล โมเป ไปเอฟเวอร์ตันอีก 15 ล้านปอนด์ และที่ได้ราคางามสุดๆ คือ มาร์ก กูกูเรย่า ย้ายไปเชลซีด้วยมูลค่ารวมกันราวๆ 63 ล้านปอนด์ ส่วนตลาดหน้าหนาวก็ยังขาย เลอันโดร ทรอสซาร์ ให้อาร์เซน่อล ได้เงินเข้ามาอีก 27 ล้านปอนด์
แม้จะมีการทุ่มซื้อ เปร์วิส เอสตูปินญาน เข้ามาเป็นแบ็กซ้ายแทนที่ของกูกูเรย่า แต่ราคาก็ไม่เกิน 15 ล้านปอนด์ แถมทำผลงานในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ดีกว่าดาวเตะชาวสแปนิชที่ย้ายออกไปอีกต่างหาก
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จากแข้งโนเนมที่เซ็นสัญญาจาก อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส เมื่อปี 2019 ด้วยราคาไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ ทุกวันนี้กลายเป็นกองกลางระดับแชมป์ฟุตบอลโลก และพร้อมเล่นให้ทีมใหญ่ระดับพวกกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ไม่ยากเลย
ขณะที่ คาโอรุ มิโตมะ ซึ่งย้ายจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ มาตั้งแต่ปี 2021 ด้วยราคาแค่ 3 ล้านยูโร ก่อนส่งไปให้ อูนิยง แซงต์-ชิลลวส สโมสรพันธมิตรในลีกเบลเยียมยืมใช้งาน 1 ฤดูกาล ตอนนี้กลายเป็นสตาร์อันดับหนึ่งในแนวรุกแทนที่ของทรอสซาร์ไปแล้ว ซึ่งถ้าหากสโมสรปล่อยออกไปให้ทีมยักษ์ใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ ก็คงได้ค่าตัวระดับกำไร 50 ล้านปอนด์ขึ้นไปแบบสบายๆ
ในช่วงระหว่างฤดูกาลปัจจุบัน ไบรท์ตันยังมีรายได้จากการ "ขายโค้ช" อย่าง แกรห์ม พ็อตเตอร์ พร้อมทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชให้เชลซีแบบเหมาแพ็กเกจเน้นๆ เป็นเงินมูลค่า 21.5 ล้านปอนด์เข้ามาอีก โดยกุนซือที่เข้ามาแทนอย่าง โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ สโมสรไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ทีมไหน เพราะโค้ชหนุ่มชาวอิตาเลียนว่างงานตั้งแต่ฟุตบอลลีกยูเครนซีซั่นก่อนเตะไม่จบฤดูกาลจากภัยสงคราม
ภายใต้การคุมทีมของ เด แซร์บี้ ถือว่ามีโอกาสไม่น้อยที่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน จะได้ไปเล่นฟุตบอลรายการของยูฟ่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพราะปัจจุบันรั้งอันดับ 7 ของตาราง มี 42 แต้มเท่าอันดับ 6 อย่างลิเวอร์พูลที่แข่งมากกว่า 1 นัด และมีแต้มตามหลังอันดับ 4 อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 7 แต้ม แต่ทีมไก่เดือยทองแข่งมากกว่าถึง 3 เกมด้วยกัน ส่วนในรายการ เอฟเอ คัพ ก็ทะลุไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศไปพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คือไม่ใช่แค่ทำกำไรเข้าสโมสรมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น แต่ผลงานในสนามก็มีพัฒนาการชัดเจนด้วย
ปัจจุบัน ไบรท์ตันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 6 ซึ่งดูจากพัฒนาการของพวกเขา มีแนวโน้มสูงมากที่จะยืนหยัดเล่นในลีกสูงสุดไปอีกยาวๆ โดยไม่ต้องกลับไปเป็นทีมหนีตกชั้นเหมือนตอนที่เพิ่งขึ้นมาจากแชมเปี้ยนชิพใหม่ๆ
พัฒนาการในสนาม และการขายนักเตะได้ราคาที่งอกงามมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขามีอำนาจต่อรองกับสโมสรยักษ์ใหญ่มากขึ้น หลักฐานคือการกล้าปฏิเสธข้อเสนอระดับ 70 ล้านปอนด์จากอาร์เซน่อลที่ยื่นซื้อ มอยเสส ไกเซโด้ เมื่อเดือนมกราคม แม้นักเตะจะแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการย้าย แต่สุดท้ายก็รั้งมิดฟิลด์ทีมชาติเอกวาดอร์เป็นแกนหลักของทีมต่อได้ แถมยังจับต่อสัญญายาวได้อีกต่างหาก
ไบรท์ตันอาจยังไม่ใช่สโมสรที่ดึงดูดสตาร์ดัง แต่พวกเขาแสดงให้เห็นมาตลอดหลายปีหลัง ว่าการคว้านักเตะโนเนมมาปั้นให้กลายเป็นของเกรดพรีเมี่ยม กลายเป็นของถนัดสำหรับทีมทีมนี้
ซึ่งถึงแม้ว่าจะปล่อยตัวหลักให้พวกทีมยักษ์ใหญ่ไปแล้วหลายคน แต่พวกเขายังต่อกรกับบรรดาบิ๊กซิกซ์ได้อย่างสูสี โดยฤดูกาลนี้สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, ต้อนลิเวอร์พูลได้ทั้งในลีก และเขี่ยตกรอบในบอลถ้วย และเคยมีเกมที่ถล่มเชลซีที่เอาทั้งนักเตะและโค้ชคนเก่าไปแบบยับเยิน 4-1
นอกจากทีมระดับบิ๊กซิกซ์ และสโมสรที่ยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในขวบปีที่ผ่านมาอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็มีไบรท์ตันนี่แหละ ที่น่าจับตามองมากๆ ว่าอาจมีศักยภาพเป็นทีมที่พร้อมลุ้นไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างสม่ำเสมอได้เป็นทีมต่อไปของพรีเมียร์ลีกในอนาคต
#เสียบสามเหลี่ยม #ไบรท์ตัน #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา