ระวังเรื่องกาก้า กับ กิ๊กส์ คนเล่าต่อๆ กันมาหลายปี แต่เป็น FAKE STORY
มีเรื่องคลาสสิค ที่คนเล่าต่อๆ กันมาหลายปี เกี่ยวกับความจิตใจดีของริคาร์โด้ กาก้า เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิล สมัยเล่นอยู่กับเอซี มิลาน
เหตุการณ์มีอยู่ว่า ในปี 2007 เอซี มิลาน จับสลากเจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ โดยเกมแรกจะเล่นกันก่อนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เกมนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 3-2 โดยเวย์น รูนีย์ยิงประตูชัยในนาทีสุดท้าย แต่คนที่เล่นได้อย่างโดดเด่นเข้าขั้นมหัศจรรย์คือกาก้า ผู้เล่นของมิลาน นัดนั้นเขายิงสองประตูสวยๆ ผมว่าหลายคนน่าจะจำได้ ประตูที่เขาโหม่งบอลแล้ววิ่งไปเล่นเอง จนพาทริซ เอฟร่า กับ กาเบรียล ไฮน์เซ่ วิ่งชนกันจนหน้าทิ่ม ก่อนจะแปสวนตัวเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์เข้าไปแบบเหนือชั้นสุดๆ
เลกแรกแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะก็จริง แต่พอเลกสองที่ซาน ซีโร่ คราวนี้มิลานเล่นได้สมบูรณ์แบบมากๆ ชนะ 3-0 รวมผลสองนัด ชนะ 5-3 เข้ารอบชิงต่อไป ซึ่งในช่วงนี้เองที่ประเทศไทยของเรา มีการแต่งเพลง "ผีกาก้า" ขึ้นมาสดุดีกาก้าด้วย สื่อให้เห็นว่าตอนนั้นกาก้าทั้งเก่ง และดังแบบสุดๆ
เอาล่ะ กลับไปในเกมเลกแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง ในเกมนี้จะมีจังหวะที่กาก้า ปะทะ กับไรอัน กิ๊กส์ ผู้เล่นของทีมปีศาจแดง ทั้งคู่กระทบกระทั่งกันถึงขั้นกาก้าเอามือไปบีบคอกิ๊กส์ คือในสนามดวลกันเดือดมาก
อย่างไรก็ตามพอเกมจบลง มีเรื่องเล่ากันแบบนี้ครับ โดยอ้างอิงว่ามาจากบทสัมภาษณ์ของกิ๊กส์ มีเนื้อหาดังนี้
"วันนั้นผมทำฟาวล์กาก้า แล้วเขาก็เลยเอามือมาบีบคอผม ก่อนเราจะทะเลาะกันในเกม แต่พอจบเกม เขายืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องแต่งตัว กับเจนนาโร่ กัตตูโซ่ โดยกัตตูโซ่บอกผมว่า กาก้าอยากจะขอโทษ แต่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมก็เลยบอกเขาว่า ไม่มีปัญหาเลย ไม่ขุ่นเคืองใจกัน หลังจากนั้นกัตตูโซ่ ก็แปลสิ่งที่ผมพูดให้กาก้าฟัง เขาก็เลยเดินเข้ามากอดผม แล้วขอโทษอีกครั้ง ก่อนสุดท้ายเราจะแลกเสื้อกัน ซึ่งผมไม่เคยลืมวันนั้นได้เลย"
เป็นเรื่องราวที่โรแมนติกมากๆ นักเตะสองคนทะเลาะกันในเกม แล้วก็จบทันที ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่ลากดราม่าไปลงโซเชียลมีเดีย จบในสนามทันที
นี่เป็นเรื่องที่ผู้คนจะหยิบมากล่าวชื่นชมกาก้ากันบ่อยๆ ว่ามีสปิริตสูง มีน้ำใจนักกีฬา ฟังแล้วก็เป็นเรื่องที่โรแมนติกดีครับ
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องนี้ไม่เคยมีหลักฐานว่าเกิดขึ้นจริง หรือว่าง่ายๆ มันคือ Fake Story นั่นแหละ เป็นข่าวปลอมที่ปั้นขึ้นมา ให้เหตุการณ์ดูงดงามเฉยๆ
เหมือนเรื่อง อัลเบิร์ต ฟรานเทา เพื่อนสนิทของโรนัลโด้นั่นแหละครับ ที่มีเรื่องเล่าว่า สโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน มาคัดตัวเยาวชนที่เกาะมาเดยร่า แล้ววางเงื่อนไขว่า ใครยิงประตูได้มากสุด จะได้เซ็นสัญญาเยาวชน โรนัลโด้ กับ ฟรานเทา ยิงได้ 2 ลูกเท่ากัน จนมาถึงวินาทีสุดท้าย ฟรานเทาหลุดเดี่ยวล็อกหลบโกล์
แต่ไม่ยอมยิงเอง เลือกจ่ายให้โรนัลโด้แทน ทำให้โรนัลโด้ยิง 3 ประตู แล้วได้เซ็นสัญญากับสปอร์ติ้ง ลิสบอนในที่สุด โรนัลโด้ถามฟรานเทาว่า "ทำไมนายต้องทำแบบนี้" ฟรานเทาตอบว่า "เพราะคนอย่างนายไม่ควรมาหยุดอยู่ตรงนี้" จากนั้นทั้งคู่ก็กอดกันด้วยพลังแห่งมิตรภาพ
เรื่องโรนัลโด้ กับ ฟรานเทา ถูกเขียนให้โรแมนติก แต่มันโกหกทั้งเพ มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่เคยเป็นเรื่องจริง ในโลกฟุตบอลจะมีการหยิบเอาเรื่องต่างๆ มาปั้นแต่งแบบนี้เยอะครับ ต้องระมัดระวังให้ดี ไม่งั้นเราจะโดนปั่นหัวได้
ในเรื่องของกิ๊กส์ กับกาก้าก็เช่นกัน ข้อแรก คือไม่เคยมีคลิปบทสัมภาษณ์ของกิ๊กส์ออกมา สำนักข่าวใหญ่ อย่างบีบีซี สกายสปอร์ต กัซเซตต้าเดลโล่สปอร์ต ก็ไม่เคยนำเสนอ ทั้งๆ ที่เรื่องดีๆ แบบนี้ สำนักข่าวใหญ่ ไม่พลาดกันอยู่แล้ว
ข้อสองคือเรื่องราวมันไม่สมเหตุสมผล กาก้านั้นพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วอยู่แล้ว ทำไมเขาต้องให้กัตตูโซ่เป็นล่ามแปลให้ เดินไปคุยกับกิ๊กส์เองเลยก็ได้
ที่ต่างประเทศเคยมีคนพยายามสืบค้นแล้วครับ ว่าจุดเริ่มของเรื่องมันมาจากไหนกันแน่ แต่ก็ไม่สามารถหาได้ ดังนั้นสามารถฟันธงได้เลยว่า นี่เป็นเรื่อง Made up หรือแต่งขึ้นมา แม้จะไม่รู้ ว่าทำไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
ปากต่อปาก แชร์ต่อแชร์ จนถึงวันนี้มันก็ยังมีคนนำเสนอเรื่อยๆ และเชื่อกันไปแล้วว่าเป็นจริง ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีหลักฐาน หรือต้นตอว่า สตอรี่มาจากไหนกันแน่ หนังสืออัตชีวประวัติกิ๊กส์ก็ไม่มี มีคนไล่เช็กบทสัมภาษณ์ทั้งหมดก็ไม่เคยเจอ
สำหรับกาก้านั้น ความเป็นคนดีของเขาถูกพูดถึงบ่อยๆ เป็นคนจิตใจดี รักเดียวใจเดียว เป็นสุภาพบุรุษในสนามเสมอ ทำให้ผู้คนคล้อยตามเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
พอดีเมื่อวันก่อน มีเรื่อง ธีราทร กับ จักรกริช ที่ไม่จบในสนาม ก็เลยมีคนโยงเรื่อง กิ๊กส์ กับ กาก้าว่า เขาบีบคอกันขนาดนั้น ก็ยังจบในสนามเลย ขอโทษขอโพยกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกันต่อ
คือเข้าใจคอนเซ็ปต์นะครับ ผมเองก็เห็นด้วยตามนั้น ว่าสิ่งที่เกิดในสนามก็ควรจบก่อนที่จะเดินออกจากสนามไป อย่างไรก็ตาม กับประเด็นกิ๊กส์ กับ กาก้า ที่เดินไปขอโทษหลังเกม ต้องอธิบายว่า เรื่องนี้ไม่เคยมีหลักฐานอ้างอิงเกิดขึ้นนะครับ เป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาเฉยๆ
หลักการของผมเวลาเจอประเด็นอะไรสักอย่าง ผมจะคิดว่า อะไรที่สวยงามเกินจริง ให้คิดไว้ก่อนว่าไม่จริง
ยากมากที่ทุกอย่างมันจะสวยงามโรแมนติกได้ขนาดนั้น ดังนั้นไม่เชื่อไว้ก่อนก็จะดีกว่า คือถ้ามีหลักฐานอ้างอิงในภายหลังมากพอ แล้วเราก็ค่อยเปลี่ยนใจมาเชื่อก็ได้ ไม่เสียหายครับ
แต่การที่เราเชื่อทันที มีโอกาสที่เราจะโดนหลอกล่อ ด้วยเรื่องราวหรือคำพูดที่สวยงามเกินไป แล้วตกเป็นเหยื่อของคนที่ปั้นเรื่องขึ้นมาได้ครับผม
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
