24 มี.ค. 2023 เวลา 02:46 • กีฬา

เมื่อเสือใต้เปลี่ยนกุนซือ จาก "นาเกิลส์มันน์" เป็น "ทูเคิ่ล"

ข่าวใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลยุโรปประจำค่ำคืนที่ผ่านมา ก็คือข่าวที่ว่า บาเยิร์น มิวนิค กำลังจะประกาศปลดโค้ชหนุ่มไฟแรงวัย 35 ปีอย่าง ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ออกจากตำแหน่ง แล้วเตรียมแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล อดีตกุนซือเชลซีชุดแชมป์ยุโรปปี 2021 เข้ามาคุมทีมแทนทันที
ข่าวนี้น่าจะเป็นความจริง เพราะผู้สื่อข่าวระดับท็อปของวงการฟุตบอลเยอรมันทั้ง คริสเตียน ฟอล์ค แห่งบิลด์, ฟลอเรียน พลัตเตนแบร์ก แห่ง สกาย สปอร์ตส์ เยอรมนี และ มักซิมิเลี่ยน คอช แห่งอาเบนด์ไซตุ้ง ล้วนรายงานตรงกันหมด เหลือแค่รอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางสโมสรเท่านั้น
ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ รับตำแหน่งกุนซือของ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2021 ตอนที่อายุเพียง 33 ปี โดยทีมเสือใต้จ่ายค่าฉีกสัญญาสูงถึง 25 ล้านยูโรดึงตัวจาก แอร์เบ ไลป์ซิก
ในปี 2021 นาเกิลส์มันน์ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่ย้ายสังกัดด้วยค่าตัวสูงที่สุดในโลก หลังจากที่บาเยิร์นยอมทุ่มค่าฉีกสัญญาสูงถึง 25 ล้านยูโรคว้าตัวจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เข้ามาคุมทีมแทนที่ ฮันซี่ ฟลิค ที่ลาออกเพื่อไปรับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเยอรมนี
แต่ไม่น่าเชื่อว่าแค่เวลาผ่านไปยังไม่ทันครบ 2 ปี คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโค้ชอายุน้อยที่เก่งที่สุดในโลกกำลังจะตกงาน ทั้งที่พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลที่แล้ว และได้แชมป์ เดเอฟแอล ซูเปอร์ คัพ มา 2 สมัยซ้อน
รายงานข่าวเผยว่า นาเกิลส์มันน์ถูกปลดแบบไม่ให้เกียรติกันด้วยซ้ำ เขารู้ข่าวว่าตนเองจะตกงานผ่านหน้าสื่อ ไม่ใช่การแจ้งโดยตรงจากสโมสร ซึ่งเขาเจอข่าวช็อคนี้แบบงงๆ ระหว่างที่พาแฟนสาวไปพักผ่อนช่วงเบรกทีมชาติด้วยการไปเล่นสกีที่ออสเตรีย แต่กลายเป็นว่าวันศุกร์ที่ 24 มีนาคมนี้ต้องรีบกลับไปที่สโมสรโดยด่วน เพื่อทำเรื่องการยกเลิกสัญญาคุมทีมให้เรียบร้อย
สถานการณ์ล่าสุดในฤดูกาล 2022-23 นาเกิลส์มันน์ก็กำลังพาบาเยิร์นลุ้นคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ เมื่อรั้งอันดับ 2 ในบุนเดสลีกาโดยตามจ่าฝูงอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แค่ 1 แต้ม, เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยชนะรวดทุกนัด แม้จะเจอกับทีมดังทั้ง บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และ เปแอสเช ส่วนในถ้วย เดเอฟเบ โพคาล ก็เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เช่นกัน
โปรแกรมลีกนัดต่อไปหลังเบรกทีมชาติ ทีมเสือใต้จะเปิดบ้านพบคู่ปรับตลอดกาลอย่างดอร์ทมุนด์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ทีมห้ามพลาดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจถึงขั้นเสียแชมป์ลีกซีซั่นนี้ได้เลย
ดูๆ ไปแล้วมันไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสมสักเท่าไรในการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” แต่ บาเยิร์น มิวนิค ก็เลือกที่จะไม่ให้โอกาสนาเกิลส์มันน์ ซึ่งสุดท้ายมันจำเป็นต้องทำกันขนาดนั้นเลยหรือ? เรามาหาคำตอบกันครับ...
ถ้าดูจากการบริหารของบาเยิร์นตลอดช่วง 1-2 ทศวรรษที่ผ่านมา ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขาที่จะปลดกุนซือระหว่างซีซั่น ถ้าหากเห็นว่าผลงานมันต่ำกว่ามาตรฐานจริงๆ
หลุยส์ ฟาน กัล เคยพาทีมคว้าแชมป์ทั้งบุนเดสลีกาและ เดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาล 2009-10 แต่พอถึงซีซั่นถัดมา ผลงานในลีกย่ำแย่จนหล่นไปสู่อันดับ 3 เขาก็โดนไล่ออก
คาร์โล อันเชล็อตติ เคยพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาล 2016-17 แต่พอฤดูกาลถัดมาเปิดฉากได้ไม่ถึง 2 เดือน แค่เขาพาทีมออกไปโดน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ถล่มยับ 3-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก วันถัดมาก็โดนปลดทันที หลังมีรายงานว่ากุนซือชาวอิตาเลียนสูญเสียห้องแต่งตัวไป โดยนักเตะไม่เชื่อใจในแท็กติกและการตัดสินใจเลือกผู้เล่นของเขาอีกแล้ว
นิโก้ โควัช พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยในซีซั่น 2018-19 แต่พอถึงฤดูกาลถัดมาพาทีมชนะแค่ 5 นัดจาก 10 เกมแรกในบุนเดสลีกา โดยออกไปโดน ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ถล่มยับ 5-1 กุนซือชาวโครแอตก็โดนไล่ออก
แต่สำหรับการโดนปลดของ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ครั้งนี้ถือว่าแปลกไปซะหน่อย เพราะการพาทีมแพ้แค่ 3 เกมเท่านั้นจาก 37 นัดนับรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกถ้วย มันดูไม่ได้แย่อะไรมากนัก แถมอีกไม่กี่นัดก็จะจบซีซั่นอยู่แล้ว แต่การตัดสินใจของบาเยิร์นถือว่าเด็ดขาดโหดเหี้ยมเหลือเกิน
ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของบอร์ดบริหารทีมเสือใต้ต่อนาเกิลส์มันน์หมดลง คือความพ่ายแพ้นัดล่าสุดในลีกที่ออกไปโดน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แซงชนะ 2-1
ผู้อำนวยการกีฬาอย่าง ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช สับผลงานของทีมออกสื่อแบบเละเทะหลังจบเกมแพ้ทีมห้างขายยาว่า “ผมไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้เลย เราพลาดในทุกๆ อย่างและถูกย่ำยีโดยทีมที่เพิ่งแข่งมาเมื่อวันพฤหัสบดี (เลเวอร์คูเซ่นเพิ่งเตะ ยูโรปา ลีก รอบน็อคเอาต์กับเฟเรนซ์วารอสก่อนเจอบาเยิร์น) เราด้อยกว่าเขาในทุกด้านเลยในวันนี้”
“นี่มันไม่ใช่บาเยิร์นอย่างสิ้นเชิง มันมีพลังขับเคลื่อน, จิตใจ และการดวลน้อยมากๆ”
ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬาของบาเยิร์น ไม่พอใจผลงานของทีมอย่างแรงหลังออกไปแพ้เลเวอร์คูเซ่น 2-1 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายก่อนเบรกทีมชาติ
การแพ้ให้เลเวอร์คูเซ่น ทำให้พวกเขาเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้คู่ปรับตลอดกาลอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อนเข้าช่วง 9 นัดสุดท้ายในลีก ถือเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงเหมือนกันว่าสโมสรอาจต้องพลาดแชมป์บุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี
ในฤดูกาลนี้ ผลงานในลีกของทีมเสือใต้ภายใต้การคุมทีมของกุนซือวัย 35 ปีถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น โดยตอนต้นซีซั่นระหว่างนัดที่ 4-7 พวกเขาไม่ชนะใครในลีก 4 เกมติดต่อกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับสโมสรมาก่อนเลยตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
เท่านั้นไม่พอ หลังผ่านช่วงเบรกฟุตบอลโลก บาเยิร์นก็ไม่ชนะใครเลยในบุนเดสลีกา 3 นัดแรกของปี 2023 โดยทำได้แค่เสมอคู่แข่งทั้ง 3 นัด ซึ่งตรงข้ามกับฟอร์มร้อนแรงของดอร์ทมุนด์ ที่พอกลับจากบอลโลกก็ชนะรัวๆ ในลีก จนสุดท้ายตอนนี้แซงขึ้นเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จก่อนเข้าสู่การลุ้นแชมป์ช่วงโค้งสุดท้าย
หลังจากแพ้ให้เลเวอร์คูเซ่น ทำให้บอร์ดบริหารของบาเยิร์นเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงที่ทีมจะเจอกับความล้มเหลวในฤดูกาลนี้ ผลงานในลีกที่ไม่ดีเท่าที่หวัง ยิ่งทำให้เกิดความไม่ไว้ใจในตัวของนาเกิลส์มันน์
บอร์ดบริหารทีมเสือใต้ไม่เชื่อว่าอดีตกุนซือไลป์ซิกจะพาทีมผ่านด่านหินอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ (ซีซั่นก่อนก็ตกม้าตายในรอบ 8 ทีมเพราะแพ้ต่อบียาร์เรอัล) และกังวลด้วยว่าถ้าหากวันเสาร์หน้าพลาดท่าต่อทีมเสือเหลืองคาบ้านขึ้นมา อาจถึงขั้นเสียแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่นนี้ได้เลย
ยิ่งช่วงที่ผ่านมา มีข่าวลือเยอะมากว่านักเตะบางคนในทีมไม่ชื่นชอบไอเดียแท็กติกของนาเกิลส์มันน์ โดยหลังจบเกมที่แพ้เลเวอร์คูเซ่น 2-1 นาเกิลส์มันน์อ้างว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมพ่ายแพ้ เพราะมีคนในทีมแอบเอาแผนการเล่นที่จะใช้ในเกมเจอทีมห้างขายยาไปบอกสื่อ จนทำให้คู่แข่งจับทางได้ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณชัดเจนว่าในห้องแต่งตัวมีปัญหาใหญ่แล้ว
ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปลี่ยนโค้ชระหว่างฤดูกาล ก็ต้องเป็นช่วงเบรกทีมชาติแบบนี้นี่แหละ
บิลด์ สื่อยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี เผยถึงเหตุผลสำคัญที่ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค เร่งแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล ตั้งแต่ตอนนี้ ก็เพราะพวกเขากลัวว่าถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไป จะไม่มีโอกาสได้ตัวกุนซือคนเก่งชาวเยอรมันรายนี้เข้ามาคุมทีมอีกแล้ว
ถึงแม้ทูเคิ่ลจะว่างงานมาตั้งแต่โดนเชลซีไล่ออกตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน แต่สถานการณ์ตอนนี้ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังจะมองหากุนซือคนใหม่ รวมไปถึง เรอัล มาดริด ที่แสดงความสนใจดึงตัวไปคุมทีมแทน คาร์โล อันเชล็อตติ ที่อาจเลือกย้ายไปคุมทีมชาติบราซิล นั่นทำให้บาเยิร์นอยู่เฉยไม่ได้
บาเยิร์นเคยมีบทเรียนมาแล้วกับความชักช้าในการเข้าหาทูเคิ่ลเมื่อปี 2018 ที่ปล่อยให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง รีบยื่นข้อเสนอคว้าตัวไปคุมทีมก่อน จนต้องหันไปคว้าตัวเลือกรองอย่าง นิโก้ โควัช ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทีมเสือใต้ก็ไม่มีจังหวะดีๆ ที่จะได้ร่วมงานกับทูเคิ่ลอีกเลย จนกระทั่งมีโอกาสเหมาะๆ อีกครั้งจนได้ในตอนนี้
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีการประกาศว่า โธมัส ทูเคิ่ล คือกุนซือคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค ภายในวันนี้ และเขาจะเริ่มคุมทีมซ้อมตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นต้นไป เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมลีกนัดสำคัญที่สุดแห่งฤดูกาลที่จะต้องเปิดบ้านพบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมเก่าของทูเคิ่ลในวันเสาร์ที่ 1 เมษายนนี้
โธมัส ทูเคิ่ล ถือเป็นหนึ่งในโค้ชชาวเยอรมันที่เก่งที่สุดในยุคปัจจุบัน
ทูเคิ่ลมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้ามาเป็นนายใหญ่แห่งทีมเสือใต้ ทั้งการเป็นชาวเยอรมันแท้ๆ, โปรไฟล์ความสำเร็จระดับแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และสโมสรโลก, การเคยมีประสบการณ์คุมนักเตะซูเปอร์สตาร์มาแล้วที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง, การรับมือกับปัญหามากมายทั้งในและนอกสนาม ตอนที่ต้องพาเชลซีฝ่าวิกฤตินับไม่ถ้วนเมื่อฤดูกาลก่อน รวมไปถึงเคยใช้เวลาอันสั้น พาทีมสิงห์บลูส์คว้าแชมป์ยุโรปได้เมื่อ 2 ปีก่อนให้เห็นมาแล้ว
1
อย่างไรก็ตาม ความน่าห่วงก็คือประวัติการร่วมงานกับพวกฝ่ายบริหารที่ไม่ค่อยราบรื่นนักด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่ตรงกัน นั่นอาจทำให้พอถึงช่วงเวลาหนึ่ง ทูเคิ่ลอาจจะต้องแยกทางกับสโมสรไปเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับทีมก่อนหน้านี้ที่เขาคุมก็เป็นได้
แต่สิ่งที่ บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจแล้วในตอนนี้ ก็คือเป้าหมายตรงหน้า พวกเขาต้องการแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่ง และพวกเขาเชื่อว่ากุนซือที่จะพาทีมทำได้ตามเป้าหมายคือ โธมัส ทูเคิ่ล ไม่ใช่ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์
#เสียบสามเหลี่ยม #เสือใต้ #บาเยิร์น #บาเยิร์นมิวนิค #นาเกิลส์มันน์ #ทูเคิ่ล #ยูเลี่ยนนาเกิลส์มันน์ #โธมัสทูเคิ่ล #บุนเดสลีกา #ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
โฆษณา