22 เม.ย. 2023 เวลา 00:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

บทความ Blockdit ตอน โจวเหวินฟะผู้ไม่ลืมรากเหง้า

ผู้คนพบเขาเสมอในรถไฟ รถเมล์ ตลาดสด อาจเห็นเขานั่งกินข้าวในร้านเล็กๆ ธรรมดา หรือตามศูนย์อาหารราคาประหยัด เขาดูเหมือนเป็นคนธรรมดา ไม่ชอบช็อปปิ้ง เขาใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมนาน 17 ปี ก่อนเปลี่ยนใหม่ เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะมันหยุดทำงานแล้ว
6
เขามิใช่คนยากไร้จนต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดอย่างนั้น ตรงกันข้าม เขามีทรัพย์สินกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
1
เขาไม่ลืมรากเหง้ายากจนของตน เขาเห็นว่าชื่อเสียงเกียรติยศไม่ได้มากับการเกิด และเอาไปไม่ได้เมื่อตาย
เขาคือโจวเหวินฟะ
โจวเหวินฟะผู้ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง
3
โจวเหวินฟะเกิดในปี 1955 ที่เกาะหนานยา (Lamma Island / 南丫島) เกาะใหญ่อันดับสามของฮ่องกง
แม้จะอยู่ติดฮ่องกงที่ทันสมัยที่สุด หนานยากลับเป็นเสมือนโลกเก่าที่ตกค้างอยู่ในรอยต่อของกาลเวลา เหมือนอีกโลกหนึ่ง เป็นสถานที่สมถะ เงียบ ต่างจากฮ่องกงแทบหน้ามือกับหลังมือ
2
ในวัยเด็ก บ้านของเขาไม่มีไฟฟ้าใช้ ฐานะไม่ดี พ่อทำงานในบริษัทน้ำมัน แม่เป็นชาวไร่และคนทำความสะอาด
1
ครอบครัวโจวเหวินฟะเป็นจีนแคะ พ่อตายตอนเขายังอายุน้อย เขาต้องช่วยแม่เลี้ยงหมู ทำไร่ จับปลา เร่ขายขนมของคนจีนแคะ ไปตามถนนบนเกาะหนานยา
แม่ลูกย้ายไปเกาลูนช่วง 60s อาศัยในอพาร์ตเมนต์ที่แน่นขนัด มันเป็นโลกของการต่อสู้ และเขาก็ต่อสู้
5
โจวเหวินฟะทำงานหนักแต่เล็ก ทำงานทุกอย่างเพื่อหารายได้มาช่วยครอบครัว ผลก็คือผลการเรียนของเขาไม่ดี เขาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 17 ไปทำงานเป็นเซลส์แมน คนขับแท็กซี่ บุรุษไปรษณีย์ คนกดลิฟต์
โรงหนังเป็นสถานที่เดียวที่ปลดปล่อยความเครียดและความแออัดของเขา
มันยังทำให้เขาสนใจการแสดง
วันหนึ่งในปี 1976 โจวเหวินฟะเห็นประกาศรับสมัครนักแสดงของบริษัท Television Broadcasts Limited (TVB) จึงเข้าไปสมัคร
สูงหกฟุต สูงกว่ามาตรฐานคนจีนทั่วไป พูดกวางตุ้ง จีนกลาง อังกฤษ และหน้าตาดี บุคลิกมีแววบางอย่าง ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาแสดงหนังสามปี
โจวเหวินฟะเริ่มแสดงหนังแนวดรามา น้ำเน่า ตลก เป็นที่รู้จักทั่วฮ่องกงและภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เล่นหนังซีรีส์ บางเรื่องยาวเป็น 100 ตอน
ทว่างานแสดงหนังไม่ใช่งานเบาสบาย เขาทำงานหนักตั้งแต่หกโมงเช้าถึงตีสองแทบทุกวัน เขายังต้องท่องบทภาพยนตร์ทั้งวันทั้งคืน แม้แต่ตอนนอน
ทำอย่างนี้นานเก้าปี แล้วเข้าสู่วงการจอเงิน
แม้จะมีชื่อเสียงจากโทรทัศน์ แต่เขากลับไม่ใช่แม่เหล็กดูดเงินในวงการภาพยนตร์
จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเขาแสดงในเรื่อง A Better Tomorrow (英雄本色) ของ จอห์น วู เขาได้รับบท ‘หลี่หม่าเค่อ’ (หรือ มาร์ก ลี) อย่างบังเอิญ ผู้สร้างไม่อยากได้เขา อยากนักแสดงที่มีชื่อเสียงกว่าเขา
เขาดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน หนังเรื่องนี้ได้ทั้งเงินและกล่อง
มันเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาทำงานร่วมกับ จอห์น วู อีกหลายเรื่อง เช่น The Killer, Hard Boiled
1
แต่ในใจเขา เขาไม่ชอบเล่นหนังรุนแรง เขาไม่ชอบความรุนแรง ไม่ชอบหนังยิงกันอย่างที่ จอห์น วู ชอบ เขาพูดขำๆ ว่า จอห์น วู รักเสียงลูกปืนวิ่ง เวลาถ่ายทำ จอห์น วู ไม่เคยใส่ที่อุดหูเลย ส่วนเขาชอบเล่นหนังดรามาและโรแมนซ์มากกว่า
1
อาจเพราะเขาเป็นคนโรแมนติก
สมัยหนุ่มเขาเคยอกหักจนคิดฆ่าตัวตาย เนื่องจากแม่ของเขาไม่ชอบแฟนของเขา
1
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ในโลกภพยนตร์ของเขาคือบุรุษโหดผู้ควงปืนสองกระบอก ยิงคนตายเป็นว่าเล่น
1
เขาพูดขำๆ ว่า “ผมยิงกระสุนมากกว่าตำรวจทั้งกรม ตอนถ่ายหนังผมยิงหมื่นนัดต่อวัน”
แต่ในชีวิตจริงของนักแสดงที่เป็นเจ้าของบุคลิกโหดเหี้ยม ยิงคนร้ายอย่างเลือดเย็น เป็นหนังคนละม้วน
เขาเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง
เขาใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านธรรมดา ไม่มีมาดของดาราใหญ่
โจวเหวินฟะไปเยี่ยมบ้านเกิดเสมอๆ
ในช่วงเช็งเม้งเขาไปเยี่ยมหลุมศพของบรรพบุรุษที่นั่น พวกเขาอยู่ที่นั่นมากว่า 150 ปีแล้ว
2
เขาจะช่วยถางหญ้าที่หลุมศพ เป็นภาพที่แปลก ดาราหนังระดับโลกถางหญ้าที่หลุมศพ
ที่หนานยา เขาชอบสั่งอาหารทะเลแบบง่ายๆ ราคาไม่แพง เขาชอบปลาสลิดทะเลนึ่งกับเปลือกส้ม ขิง และต้นหอม
เขายังไม่ลืมรากเหง้าที่สมถะ เรียบง่าย แม้จะดังแล้ว รวยแล้ว ก็ยังใช้ชีวิตแบบเดิม
ไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์และรถไฟใต้ดิน “ไม่มีใครสนใจผมหรอก 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้โดยสารรถไฟใต้ดินจ้องบนมือถือของพวกเขา”
4
มีคนถามเขาว่าทำไมไม่โดยสารรถส่วนตัว มีคนขับ เขามีปัญญาซื้อรถหรูอย่างไรก็ได้
2
เขาบอกว่า “ผมคิดว่าคนบางคนเชื่อว่าเมื่อคุณมีเงิน คุณก็ต้องเขยิบขึ้นไปอีกขั้น คุณจะต้องเป็นเจ้าของวัตถุอะไรสักอย่างที่คนระดับนั้นมีกัน ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น คนอื่นจะเห็นว่าคุณเป็นคนแปลก”
อีกอย่าง... “ถ้าผมจ้างคนขับรถ ผมคงรู้สึกแย่ที่ให้เขารอผมทั้งวัน ผมคงกระวนกระวายใจและหงุดหงิดด้วยซ้ำที่รู้ว่ามีคนรอผม”
8
เขาชอบขึ้นรถไฟใต้ดิน เพราะมันสะดวกรวดเร็ว
1
“คนจำนวนมากแคร์เรื่องสัญลักษณ์ทางสถานะ และยอมอยู่ในรถติดสองชั่วโมง” (ในรถหรู)
4
แน่นอน เขาก็เคยผ่านชีวิตที่มีค่านิยมแบบนั้นมาก่อน เขาเคยชอบรถวินเตจแพงๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานะดาราหนัง แต่เขาขายพวกมันหมด บอกว่า “ผมก็เป็นวัตถุโบราณไปแล้ว จะเอารถวินเตจไปทำไม ร่างกายผมก็เสื่อมลงไปทุกวัน”
6
บางครั้งหากใครเดินชนเขาในช่วงตรุษจีน เขาก็ให้อั่งเปาคนไปทั่ว ซองละ 100 เหรียญฮ่องกง
1
เขาเข้าคิวซื้อตั๋วหนังเหมือนคนทั่วไป
แม่ของเขาก็เข้าคิวซื้อตั๋วหนังเหมือนคนทั่วไป
แม่ของเขาภูมิใจลูกคนที่สามนี้มาก และดูหนังที่เขาแสดงทุกเรื่อง
เขารักแม่ของเขามาก เขาโทร.หาแม่เกือบทุกวัน ดื่มชากับแม่ทุกอาทิตย์
1
แม่แต่งงานกับพ่อเขาตอนอายุสิบเจ็ด สอนลูกทุกคนให้อย่าเป็นภาระปัญหาสังคม
1
ในปี 2008 นางได้รับยกย่องเป็นแม่ดีเด่นในงานประกาศรางวัล The World Outstanding Chinese Awards
1
นางเลี้ยงลูกสี่คนคนเดียว เพราะพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน ออกไปทำงานทะเล
1
ในวัยชรา แม่ของเขานอนรักษาตัวในโรงพยาบาล โจวเหวินฟะไปเยี่ยมแม่เสมอ ในช่วงท้ายของชีวิต แม่ของเขาต้องรับอาหารทางท่อ
1
โจวเหวินฟะไปเยี่ยมแม่เสมอ
แม่เขาบอกมานานแล้วว่า หากตายอย่าจัดงานศพใหญ่โต นางอยากให้ลูกหลานอยู่ด้วยตอนยังมีชีวิตมากกว่า
2
แม่ของเขาตายตอนอายุ 98 ตายขณะหลับ เขาก็จัดพิธีศพแบบเรียบง่ายตามความปรารถนา
เขาเป็นคนง่ายๆ เหมือนแม่
เขาบอกว่าเขาเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ทำให้เขาผ่านช่วงร้ายๆ ในชีวิตมาได้
“ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ผมไม่จริงจังกับชีวิต”
เขาว่า “หนัง 90 เปอร์เซ็นต์ของผมแย่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในฐานะนักแสดง ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุดในการรับบทบาทของผม...”
เขาพูดขำๆ ว่า “มันไม่ง่ายนะที่จะเป็นนักแสดงแย่ๆ ในหนังแย่ๆ”
จะเป็นหนังดีหรือไม่ดี โจวเหวินฟะก็ได้รับคำชมที่เป็นมืออาชีพ ระหว่างแสดงครั้งหนึ่ง นักแสดงคนหนึ่งโยนกระป๋องสเปรย์ผมใส่เขา กระป๋องกระทบถูกหน้าผาก จนเลือดไหล แต่เขาแสดงต่อทั้งที่บาดเจ็บเลือดไหล
2
หลังถ่ายทำฉากนั้นจึงไปโรงพยาบาล เขาโดนเย็บห้าเข็ม แล้วกลับไปเล่นหนังต่อ
เขาถือเรื่องงานเป็นเรื่องจริงจังมาก และหาเงินจากการแสดงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
นักแสดงผู้เคยปฏิเสธบท ‘มอร์เฟียส’ ใน The Matrix มีทรัพย์สินเงินทองสูงระดับมหาเศรษฐี
4
แต่มุมมองเรื่องทรัพย์สินของเขาต่างจากคนทั่วไป
ในหนังเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่เขาแสดง แทรกปรัชญาเต๋า ตัวละครหลี่มู่ไป่กล่าวว่า “สิ่งต่างๆ ที่เราจับต้องมิยั่งยืนถาวร อาจารย์ข้าฯกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่เราสามารถยึดมั่นในโลกนี้ มีเพียงแต่ปล่อยวางมัน เราจึงสามารถเป็นเจ้าของสิ่งที่เป็นจริง”
9
เขาก็เดินชีวิตตามทางนี้
เขาบอกว่า “เงินไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็นเจ้าของตลอดกาล เมื่อคุณจากไปในวันหนึ่ง คุณก็ต้องทิ้งมันไว้ให้คนอื่นใช้”
3
เขาประกาศจะยกทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อการกุศล ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
2
“ผมไม่สามารถเอาเงินไปได้หลังตาย ทำไมจึงไม่บริจาคให้คนที่จำเป็นต้องใช้ล่ะ?”
“เงินไม่ใช่ของผม ผมแค่ดูแลมันชั่วคราว เงินไม่ใช่สิ่งที่พาความสุขจริงๆ ให้คุณ สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเราไม่ใช่เกี่ยวกับคุณทำเงินได้มากแค่ไหน แต่คือคุณสามารถรักษาความสงบใจและทัศนคติที่สันติในชีวิตเราอย่างไร”
12
แทบทุกคนมีความฝัน แต่ไม่ทุกคนไปถึงจุดหมาย และยิ่งมีน้อยกว่าน้อยที่ไปเกินความฝันนั้น
1
น้อยคนนักที่ยืนบนยอดเขาสูงยอมหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบธรรมดา
2
สามัญไต่ขึ้นสู่สูงสุดนั้นยาก แต่สูงสุดคืนสู่สามัญนั้นยากกว่า และเหนือกว่านั้นอีก
7
โฆษณา