27 มี.ค. 2023 เวลา 06:21 • ยานยนต์

ไส้กรองในรถยนต์มีอะไรบ้าง ควรเปลี่ยนทุกกี่กิโล

  • 1.
    ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • 2.
    ไส้กรองอากาศ
  • 3.
    กรองน้ำมันเชื้อเพลิง (กรองเบนซิน / กรองโซล่า)
  • 4.
    ไส้กรองแอร์
  • 5.
    ไส้กรองน้ำมันเกียร์
  • 6.
    ไส้กรองแก๊ส
1. ไส้กรองน้ำมันเครื่องยนต์
มีหน้าที่ดักจับฝุ่น เขม่า สิ่งสกปรก และเศษโลหะต่าง ๆ ที่เกิดจากการสึกหรอภายในเครื่องยนต์
ควรเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร ยิ่งเปลี่ยนบ่อยยิ่งดี แต่ถ้าคิดว่าบ่อยไป เมื่อไรที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไป 2 ครั้ง ให้เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง 1 ครั้งก็ได้
ราคาไส้กรองน้ำมันเครื่องประมาณ 200-500 บาทต่ออัน (ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ) ทางที่ดีควรใช้ของแท้จากศูนย์จะดีกว่า ไม่แนะนำให้ใช้ของเทียม เพราะคุณภาพของวัสดุแตกต่างกันมาก
2. ไส้กรองอากาศ
ทำหน้าที่กรองเศษฝุ่นต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ เพราะถ้าเศษฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เล็ดลอดเข้าไปในเครื่องยนต์มาก ๆ อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์และอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์อาจเสียหายได้
ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์ทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร แต่ถ้าขับในที่ที่มีฝุ่นเยอะ หรือขับลุยดินบ่อย ๆ อาจจะต้องเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด ทางที่ดีควรหมั่นเช็กทุก 5,000 กิโลเมตร และถอดออกมาเป่าบ่อย ๆ
ไส้กรองอากาศรถยนต์ราคาเริ่มต้นที่ 100 - 200 บาทขึ้นไป มักจะขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นและวัสดุของตัวไส้กรองอากาศ โดยมีให้เลือกทั้งทั้งแบบเส้นใย, ผ้า, สแตนเลส มีทั้งแบบล้างน้ำได้และล้างน้ำไม่ได้
3. กรองน้ำมันเชื้อเพลิง (กรองเบนซิน / กรองโซล่า)
ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นผงที่ปะปนมากับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้เข้าไปในระบบจุดระเบิด หากปล่อยให้กรองเชื้อเพลิงตัน รถจะมีอาการเร่งสะดุด เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ หรือบางครั้งอาจทำให้รถสตาร์ตไม่ติด เพราะน้ำมันมาไม่ทั่วถึง ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือ อาจทำให้ปั๊มติ๊กและหัวฉีดเครื่องยนต์เสียหายได้
ควรเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร บางรุ่นอายุการใช้งานสูงสุดประมาณ 50,000 - 60,000 กิโลเมตร ซึ่งแตกต่างกันไปบ้างตามแต่ละผู้ผลิต รวมถึงลักษณะการใช้งาน
กรองเบนซินและกรองโซล่าราคาเริ่มต้น 300 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์และรุ่นรถ ทางที่ดีควรเลือกซื้อกรองเชื้อเพลิงแท้หรือผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานจะดีกว่า และหมั่นเช็กตามระยะที่กำหนดไว้ในคู่มือรถ
4. ไส้กรองแอร์
ไส้กรองแอร์ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง เศษใบไม้ เกสรดอกไม้ ซากแมลง เพื่อไม่ให้เข้าไปในระบบแอร์ อีกทั้งยังทำหน้าที่กรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ที่ปะปนมากับอากาศ หากไม่เปลี่ยนไส้กรองแอร์อาจส่งผลให้แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นแปลก ๆ
ควรเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปีเปลี่ยนทีก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถด้วย หากเราใช้รถในสถานที่ที่มีฝุ่นควันเยอะ ควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามความเหมาะสม ยิ่งเปลี่ยนบ่อย ยิ่งดีต่อระบบแอร์และสุขภาพ
ไส้กรองแอร์รถยนต์ ราคาเริ่มต้น 160 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและวัสดุที่ใช้
5. ไส้กรองน้ำมันเกียร์
ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกในน้ำมันเกียร์ ไม่ว่าจะเป็นพวกเศษโลหะที่เกิดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนเกียร์ โดยเฉพาะการใช้งานรถเกียร์อัตโนมัติที่ผ้าคลัตช์มักจะสึกหรอ ซึ่งอาจมีเศษเข้าไปปะปนในน้ำมันเกียร์ หากไม่เปลี่ยนไส้กรองเกียร์อาจก่อให้เกิดการอุดตันและส่งผลต่อระบบเกียร์ได้
ควรเปลี่ยนทุก ๆ 50,000 กิโลเมตร และตรวจเช็กทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
ไส้กรองน้ำมันเกียร์ทั่วไป ราคามักเริ่มที่ประมาณ 500 บาทขึ้นไป หากเป็นไส้กรองเกียร์แท้ ราคาจะอยู่ในช่วง 2,000 - 6,000 บาท ยิ่งเป็นรถยุโรป ราคายิ่งสูง
6. ไส้กรองแก๊ส
ไส้กรองแก๊สทำหน้าที่กรองเศษฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมในไลน์ท่อแก๊ส ดังนั้น รถทุกคันที่ติดแก๊สจึงควรเปลี่ยน หากละเลยอาจทำให้หัวฉีดแก๊สอุดตัน ส่งผลให้การจ่ายแก๊สสะดุดและรถดับ ที่สำคัญ คือ หากไม่เปลี่ยนกรองแก๊สอาจทำให้อุปกรณ์แก๊สต่าง ๆ เสียหายได้
สำหรับใครที่ใช้รถติดระบบแก๊ส จะมีชุดกรองในระบบ 2 ลูกติดตั้งเอาไว้
1. กรองแก๊สที่หม้อต้ม หรือ “กรองหยาบ” คอยกรองสิ่งสกปรกที่มากับแก๊สในถัง มีลักษณะเป็นไส้กรองเล็ก ๆ อยู่ในหม้อต้มแก๊ส
2. กรองไอแก๊ส หรือ “กรองละเอียด” จะอยู่ก่อนเข้าหัวฉีด คอยกรองสิ่งสกปรกที่มาจากไอแก๊สก่อนที่จะแก๊สจะเข้าไปยังหัวฉีดแก๊สนั่นเอง
กรองที่อยู่ในหม้อต้มแก๊ส ควรเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 - 25,000 กิโลเมตร หรือควรเปลี่ยนทุกปี
กรองไอแก๊สที่อยู่ก่อนเข้าหัวฉีด แนะนำให้เปลี่ยนทุก ๆ 40,000 - 50,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 2 ปี โดยประมาณ
ไส้กรองแก๊สส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นจะไม่ถึง 100 บาท บางที่ขายเป็นเซ็ตพร้อมโอริงและเข็มขัดรัดท่อแก๊สด้วย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 125 - 200 บาท
โฆษณา