Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
29 มี.ค. 2023 เวลา 02:29 • กีฬา
เบอร์ 22 บนเสื้อจู๊ด เบลลิ่งแฮมมีความหมายว่าอย่างไร แล้วทำไมเขาย้ายไปดอร์ทมุนด์?
เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะย้ายจากเบอร์มิงแฮมไปทีมไหนดี จู๊ด เบลลิ่งแฮม ปฏิเสธข้อเสนอของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ให้ค่าจ้างมากที่สุด แล้วย้ายไปดอร์ทมุนด์แทน อะไรที่ทำให้เขาเลือกเส้นทางแบบนั้น เราจะย้อนไปดูด้วยกันตั้งแต่แรก
1
เบลลิ่งแฮม สังกัดทีมอะคาเดมี่ของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ สโมสรใกล้บ้าน ตั้งแต่ 7 ขวบ และมีฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัยอย่างมาก เป็นเด็กปีศาจอย่างแท้จริง โดยลงเล่นให้ทีมเบอร์มิงแฮมชุด u-23 ตอนอายุ 15 ปี!
ในเวลาไม่นานนัก เบลลิ่งแฮมก็ได้แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ เขาได้ลงเล่นนัดแรก ด้วยวัยแค่ "16 ปี กับอีก 38 วัน" เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ได้ลงเล่นในเกมทางการ
เบลลิ่งแฮม มีรูปร่างที่ดี สูง 186 เซนติเมตร มีความคล่องตัว อ่านเกมเก่ง ตำแหน่งถนัดที่สุดคือมิดฟิลด์ตัวรับ แต่ในฤดูกาล 2019-20 ที่เล่นกับเบอร์มิงแฮม เขาโดนจับไปเล่น กองกลางตัวรุก, ปีกซ้าย, ปีกขวา และ กองหน้า คือแสดงให้เห็นถึงความ Versatile ยืดหยุ่นดี จะให้ยืนตรงไหนก็เล่นได้
2
เหตุผลที่เบลลิ่งแฮม เลือกใส่เบอร์ 22 นั้นก็เกี่ยวข้องกับสไตล์การเล่นของเขา โดยไมค์ ด็อดส์ โค้ชอะคาเดมี่ของเบอร์มิงแฮมเล่าว่า "ครั้งหนึ่ง จู๊ดบอกผม ว่าเขาอยากใส่เสื้อเบอร์ 10 แต่ผมตอบกลับไปว่า 'ฉันคิดว่านายควรเลือกเบอร์ 22 นะ' เขาถามผมว่าทำไม? ผมตอบไปว่า 'เพราะนายสามารถเป็นผู้เล่นเบอร์ 4 เบอร์ 8 และเบอร์ 10 ได้ในตัวคนเดียวไง นายคนเดียวทำได้ทุกอย่างในแผงกองกลาง"
เบอร์ 4 คือมิดฟิลด์ตัวรับคอยซัพพอร์ทกองหลัง, เบอร์ 8 คือมิดฟิลด์ไดนาโมที่วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด และ เบอร์ 10 คือเพลย์เมกเกอร์ที่มีส่วนกับการทำประตู
4 + 8 + 10 = 22 ก็สมเหตุสมผลดีนะ และจากวันนั้นเป็นต้นมา เบลลิ่งแฮมก็ใส่เบอร์ 22 มาตลอด เพราะเขาก็เชื่อเหมือนที่โค้ชบอก ว่าทักษะที่ตัวเองมี สามารถสร้างประโยชน์ให้ทีมอย่างหลากหลายได้
ในฤดูกาล 2019-20 ซีซั่นแรก ที่เบลลิ่งแฮมได้เล่นกับเบอร์มิงแฮมชุดใหญ่ เขาลงเล่นมากถึง 41 เกม (ตัวจริง 32 นัด) ที่น่าสนใจมากๆ คือ เบลลิ่งแฮม ณ เวลานั้น อายุแค่ 16 ปีเท่านั้น จึงได้รับค่าเหนื่อยของนักเตะอะคาเดมี่ ที่สัปดาห์ละ 145 ปอนด์ แปลว่า ค่าเหนื่อยของเขาทั้งปี คือ 7,540 ปอนด์ (145 x 52) ยังไม่ถึงครึ่งของผู้เล่นคนอื่นๆ ในทีมเลยด้วยซ้ำ
สำหรับผลงานของเบอร์มิงแฮมในฤดูกาลนั้น จบอันดับ 20 ของตาราง รอดตกชั้นอย่างฉิวเฉียดแค่ 2 แต้มเท่านั้น คือผู้เล่นคนอื่นนั้น มีผลงานน่าผิดหวังหมด ยกเว้นคนเดียวคือเบลลิ่งแฮมที่โดดเด่นขึ้นมา จบซีซั่นนั้น เขาคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของแชมเปี้ยนชิพอีกด้วย
1
สิ่งที่น่าสนใจของเบลลิ่งแฮมคือ นอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลแล้ว เขาพยายามสนใจสิ่งอื่นๆ ไปด้วย
เบลลิ่งแฮมเล่าว่า "ผมฝึกซ้อมหนักทุกวัน แต่ในช่วงวันอังคาร และ พฤหัสบดีของแต่ละสัปดาห์ พอซ้อมเสร็จ ผมจะเข้าเรียนวิชาอื่นๆ ด้วย ผมอยากหาความรู้ และอยากทำกิจกรรมด้านอื่นๆ ด้วย ที่มันจะส่งเสริมให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้น ผมไม่ชอบอยู่บ้าน แล้วนั่งเล่นวีดีโอเกมเฉยๆ"
วิชาที่เบลลิ่งแฮมเรียน เช่น สังคม, จิตวิทยา, เพศศึกษา ฯลฯ เขาพยายามหาความรู้ทุกอย่างที่มี เพื่อมาประยุกต์กับฟุตบอลได้ด้วย
29 มิถุนายน 2020 ทันทีที่เบลลิ่งแฮมอายุ 17 ปี เบอร์มิงแฮมจับเซ็นสัญญาอาชีพทันที เพราะไม่อย่างนั้น จะเสียเบลลิ่งแฮมไปแบบถูกๆ แน่ สโมสรใหญ่ๆ จะจ่ายแค่ค่าชดเชยไม่กี่ปอนด์เท่านั้น
1
คือเบลลิ่งแฮม ก็แสดงความจงรักภักดีกับเบอร์มิงแฮมอย่างมาก เขาจะย้ายหนีไปเลยก็ได้ แต่ไม่ทำแบบนั้น เขาเซ็นสัญญาอาชีพก่อน เพื่อให้เบอร์มิงแฮมที่ชุบเลี้ยงเขามา ได้เงินจากการขายสักก้อนหนึ่งก็ยังดี
เล่นบอลเก่ง รูปร่างดี ทัศนคติเยี่ยม ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 เบลลิ่งแฮม กลายเป็นนักเตะที่ถูกแย่งตัวมากที่สุดในยุโรป ใครๆ ก็รู้ว่าเด็กคนนี้ของจริง คือคนที่เก่งมากๆ มันจะเห็นแววทันที
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิค, ดอร์ทมุนด์, เลสเตอร์ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ยื่นข้อเสนอเข้ามาพร้อมกัน ให้เบอร์มิงแฮมพิจารณา
สิ่งที่น่าสนใจคือ สโมสรพร้อมขายในราคาเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าไม่น่าเกลียดเกินไป และไม่ว่าเบลลิ่งแฮมจะได้เลือกไปทีมไหนก็จะยอมรับโดยดี โดยตง เริน ซีอีโอของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ขณะนั้น อธิบายว่า "เขาสามารถย้ายทีมแบบฟรีๆ เลยก็ได้ แต่เขาก็ไม่ทำ ดังนั้นเราจึงสัญญาว่าจะให้เขาเลือกทีมที่อยากไป เพราะความจงรักภักดีที่เขามีให้เรามาตลอด"
4
ตง เริน เล่าต่อว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอค่าเหนื่อยในราคาสูงสุดมากกว่าทีมอื่น ถึง 2 เท่า และการันตีว่าเบลลิ่งแฮมจะได้เงินหลายล้าน เป็นเศรษฐี ไม่เพียงแค่นั้น เอ็ด วูดเวิร์ด ต้องการได้ตัวมากๆ ถึงขนาดมานั่งคุยด้วยตัวเองเพื่อเกลี้ยกล่อมเบลลิ่งแฮม แต่เบลลิ่งแฮมไม่ได้ตัดสินใจโดยอิงจากเรื่องเงินเป็นหลัก"
2
จริงๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีแค่เงินที่หนาเท่านั้น แต่พวกเขาตั้งใจจะคว้าตัวเบลลิ่งแฮมจริงๆ ถึงขนาดพานักเตะไปทัวร์ที่สนามซ้อมแคร์ริงตันมาแล้ว วู้ดเวิร์ด ให้ทั้งโอเล่ กุนนาร์ โซลชา, เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เอริค คันโตน่าลองคุยดู ความตั้งใจคือ ต้องการเบลลิ่งแฮมเป็นคีย์แมนในแผงมิดฟิลด์ ซึ่งด้วยอายุแล้ว จะสามารถใช้งานนักเตะไปได้อีกหลายปี แต่เบลลิ่งแฮมก็ไม่เลือกยูไนเต็ดอยู่ดี
"เชลซี ก็เป็นอีกทีมที่อยากได้ตัวเบลลิ่งแฮมเช่นกัน พวกเขาพานักเตะไปที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปคุยกับมาริน่า กรานอฟสกาย่าแบบตัวตัวต่อ และมีโอกาสได้คุยกับแฟรงค์ แลมพาร์ด ที่แสดงให้เบลลิ่งแฮมได้เห็นว่าแผนในอนาคตเป็นอย่างไร แต่เบลลิ่งแฮมก็ไม่สนข้อเสนอนี้เหมือนกัน"
ถ้าไปแมนฯ ยูไนเต็ด หรือ เชลซี สิ่งที่การันตีได้แน่ๆ คือเงิน เบลลิ่งแฮมจะได้รับค่าจ้างในระดับที่สูงลิ่ว แม้จะมีอายุแค่ 17 ปีก็ตาม แต่ตง เริน อธิบายว่า เงินไม่ใช่สิ่งที่เบลลิ่งแฮมต้องการเลย "ครอบครัวของเบลลิ่งแฮม มีอิทธิพลในการตัดสินใจอย่างมาก คุณพ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลสมัครเล่นมาก่อน จึงสามารถแนะนำลูกชายในบางเรื่องได้"
ในที่สุดเบลลิ่งแฮม ก็ตัดสินใจได้ว่าจะไปอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในเยอรมัน
เหตุผลนั้นชัดเจน คือดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่ให้โอกาสดาวรุ่งมาโดยตลอด คุณไม่จำเป็นต้องมีเชื้อสายเยอรมัน แค่คุณเล่นดีมีพรสวรรค์ ทีมก็พร้อมจะให้โอกาสปลุกปั้น
1
มีเคสตัวอย่างมาแล้วมากมาย เช่น เจดอน ซานโช่ ย้ายจากแมนฯ ซิตี้ไปดอร์ทมุนด์ตอนอายุ 18 ปี สุดท้ายก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของบุนเดสลีกา หรือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ย้ายจากซัลซ์บวร์กไปดอร์ทมุนด์ ตอนอายุ 19 ปี ก็ยิงถล่มแบบกระจุยกระจาย จนกลายเป็นยอดดาวยิง
นี่คือโมเดลที่เบลลิ่งแฮมคิดว่าเวิร์ก ไปเก็บประสบการณ์ในลีกที่เก่ง แต่ไม่กดดันมากเกินไปอย่างบุนเดสลีกาก่อน แล้วพอพัฒนาขึ้นมา ก็ค่อยย้ายไปลีกที่ยากขึ้นกว่านั้น เขายังอายุน้อยอยู่ ถ้ากระโดดไปทีมใหญ่ๆ ในพรีเมียร์ลีกทันที อาจจะถูกลงสนามไม่เยอะ เพราะโค้ชคงไม่เชื่อใจ ต่างจากดอร์ทมุนด์ที่พร้อมให้ลงเล่นสม่ำเสมอมากกว่า
1
ก่อนเซ็นกับดอร์ทมุนด์ 1 วัน บาเยิร์น มิวนิค พยายามจะโฉบตัดหน้าในนาทีสุดท้าย ด้วยข้อเสนอเงินที่มากกว่า แต่เบลลิ่งแฮมตัดสินใจไปแล้ว โปรเจ็กต์ของดอร์ทมุนด์เหมาะสมกับเขาที่สุด
ดังนั้น วันที่ 20 กรกฎาคม 2020 เบลลิ่งแฮม จึงเซ็นสัญญากับดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 25 ล้านปอนด์ ทำให้เบลลิ่งแฮม กลายเป็นนักเตะอายุ 17 ที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอีกด้วย
2
เบลลิ่งแฮม อธิบายหลังจากย้ายทีมว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีองค์ประกอบทีมที่ดี แต่การเลือกดอร์ทมุนด์ของผมนั้น ไม่ได้เป็นเพราะแมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาอะไรเพียงแต่ผมคิดว่าน่าจะมีความสุขถ้าอยู่กับดอร์ทมุนด์แค่นั้นเลย"
"สิ่งที่โดดเด่นของดอร์ทมุนด์ คือวิธีการเอาดาวรุ่งเข้าไปผสมผสานกับทีมชุดใหญ่ ผมไม่คิดว่าจะมีสโมสรไหนในยุโรปที่ทำได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ที่ดอร์ทมุนด์จะมีโค้ชที่คอยดูแลเยาวชนในทีมชุดใหญ่โดยเฉพาะ อย่างเช่นอ็อตโต้ อัดโด้ อดีตผู้เล่นดอร์ทมุนด์ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นโค้ช เขาทำงานกับนักเตะดาวรุ่งอย่างใกล้ชิดมาก และคอยช่วยเหลือทุกๆ อย่าง"
1
เบลลิ่งแฮม ในวันนั้นเลือกดอร์ทมุนด์ เพราะอ่านเกมขาด ว่าถ้าไปทีมอื่น เขาก็ต้องเริ่มจากการเป็นสำรอง ตรงข้ามกับดอร์ทมุนด์ ที่พร้อมจะให้เขาลงตัวจริงทันที แม้จะมีอายุแค่ 17 ปีก็ตาม
และเหมือนเขาจะเลือกถูกจริงๆ เพราะเบลลิ่งแฮมเก่งขึ้นกว่าเดิม จนถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ด้วยวัย 17 ปี กับอีก 136 วันเท่านั้น มีนักเตะแค่ 2 คนที่ติดทีมชาติเร็วกว่าเขา นั่นคือธีโอ วัลคอตต์ กับ เวย์น รูนีย์
การอยู่ดอร์ทมุนด์นั้น สร้างทัศนคติหลายอย่างให้เบลลิ่งแฮมได้เรียนรู้ เช่น สไตล์ของฟุตบอลแต่ละประเทศนั้นต่างกัน รูปแบบของฟุตบอลในแชมเปี้ยนชิพที่เขาเจอมากับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ จะเน้นใช้แรงปะทะ แต่ในบุนเดสลีกา ก็ต่างกันคนละเรื่อง เพราะเต็มไปด้วยการใช้เทคนิคล้วนๆ
2
ดังนั้นถ้าเขาใช้พละกำลัง กับร่างกายอันสูงใหญ่อย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ ที่จะชนะคู่แข่งในบุนเดสลีกาได้ เขาต้องมีเทคนิคเอาตัวรอดที่ดีด้วย
2
เบลลิ่งแฮม ไม่ได้เล่นแค่ฟุตบอลเฉยๆ แต่เขายังศึกษาคู่แข่งในลีกอีกด้วย เว็บไซต์บุนเดสลีกาเคยถามเบลลิ่งแฮมว่า ถ้าหากเขาสามารถขโมยพรสวรรค์ของนักเตะสักคนได้ เขาจะขโมยอะไรจากใคร เบลลิ่งแฮมตอบว่า เขาต้องการทักษะการยิงประตูได้ทุกเกมเหมือนโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แต่ในเมื่อเขาเป็นกองกลางคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้
1
งั้นขอเลือกขโมยพรสวรรค์ของโจชัว คิมมิชละกัน เพราะคิมมิชเป็นกองกลางที่สร้างโอกาสได้ ทั้งๆที่เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แถมยังเล่นเกมรับได้ดีอีกต่างหาก และการมีความสามารถเลเวลเดียวกับคิมมิชคือเป้าหมายสำคัญ ที่เบลลิ่งแฮมอยากจะไปถึงให้ได้ในอนาคต
2
ในช่วงสามฤดูกาลที่อยู่กับดอร์ทมุนด์ เบลลิ่งแฮม พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ เขาแข็งแกร่งขึ้น บอดี้หนาขึ้น จบสกอร์ได้เยอะขึ้น
1
ด้วยวัยแค่ 19 ปี ณ เวลานี้ จึงกลายเป็นตัวหลักทั้งของสโมสร และทีมชาติอังกฤษเรียบร้อยแล้ว เอาจริงๆ ใครจะไปคิดว่าเบลลิ่งแฮมที่โด่งดังขนาดนี้ อายุยังไม่ถึง 20 เลยด้วยซ้ำ
ทุกคนในโลกนี้ยอมรับว่าเบลลิ่งแฮม คือกองกลางพรสวรรค์สูงสุด ในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุยังไม่เกิน 20 ปี อาจจะมีแค่ กาบี ของบาร์เซโลน่าเท่านั้น ที่อยู่ในเลเวลเดียวกัน จึงไม่แปลกเลย ที่เขาจะได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ทั่วยุโรป
ถ้าคุณได้เบลลิ่งแฮมไป คุณสามารถใช้งานเด็กคนนี้ได้อีกเป็นสิบปี ซื้อครั้งเดียวคุ้มเลย กำไรสุดๆ
ณ ปัจจุบัน เบลลิ่งแฮม เหลือสัญญากับดอร์ทมุนด์อีก 2 ฤดูกาล (หมดสัญญาซัมเมอร์ปี 2025) แน่นอนว่า ถ้าเหลือสัญญาอีก 2 ปี แล้วไม่ยอมต่อ แปลว่าเบลลิ่งแฮม ก็เตรียมจะย้ายทีมแล้ว
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการออกสตาร์ทอาชีพนักฟุตบอล แต่ถึงเวลาที่เหมาะสมเบลลิ่งแฮมก็ต้องย้ายไปสู่ทีมที่ใหญ่ขึ้น เหมือนกับที่ซานโช่ และ ฮาแลนด์ ก็ย้ายไปแล้ว แต่คำถามคือเบลลิ่งแฮมจะย้ายไปไหน
1
หากเราดูจากลักษณะนิสัยของเบลลิ่งแฮมแล้ว เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเป็นอันดับแรก แต่จะมองว่า สโมสรไหนมีแผนงานที่ชัดเจนที่สุด และสามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นไปได้ไกลกว่านี้
เหมือนตอนที่ย้ายจากเบอร์มิงแฮมแล้วเลือกดอร์ทมุนด์นั่นแหละ ไม่ได้คิดเรื่องเงินเป็นสาระสำคัญเลย
แปลว่าทีมไหนที่อยากได้เบลลิ่งแฮม ต้อง "ขายความฝัน" ให้ได้ และทำให้เบลลิ่งแฮมเชื่อได้ ว่าถ้าเขาเลือกไปแล้ว มันจะไม่ใช่การเลือกที่ถูกต้อง ไม่สูญเปล่า
ในตอนนี้ สำนักพนันถูกกฎหมายที่อังกฤษ ตัดชอยส์เหลือแค่ 3 ทีมเท่านั้น ที่มีโอกาสได้ตัวเบลลิ่งแฮมในช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นคือ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด
1
ลิเวอร์พูลก็เป็นทีมที่เขารู้สึกดีด้วย เพราะสตีเว่น เจอร์ราร์ด ไอดอลของเขา เคยเล่นฟุตบอลที่สโมสรแห่งนี้ แถมถ้าย้ายไป ยังได้โอกาสร่วมงานกับเจอร์เก้น คล็อปป์ อีกต่างหาก ว่ากันตรงๆ นี่เป็นชอยส์ที่ไม่เลว คือตอนนี้กองกลางหงส์แดงขาดแคลนหนัก ถ้ามาปั๊บเบลลิ่งแฮมก็การันตีได้เล่นทุกนัดชัวร์ๆ
3
แต่แมนฯ ซิตี้ ก็ดูเป็นตัวเลือกที่โอเคมากเหมือนกัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาคือสุดยอดผู้จัดการทีม นอกจากนั้น ถ้าไปอยู่แมนฯ ซิตี้ ก็คงได้เล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สบายๆ ทุกนัด ไม่ต้องมาลุ้นเหนื่อยว่าจะติดท็อปโฟร์หรือไม่ แถมการันตีลุ้นแชมป์ทุกปี
หรือจะเลือกไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ก็เป็นชอยส์ที่ดี เพราะลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ก็โรยราลงทุกวัน ถ้าได้ไปจริงๆ เบลลิงแฮมก็น่าจะสามารถสอดแทรกได้ นอกจากนั้น ถ้าอยากได้แชมป์ยุโรป การลงเล่นกับราชายุโรป ก็ดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
เราไม่รู้ว่าสุดท้ายเบลลิ่งแฮมจะเลือกใคร อาจจะขออยู่ดอร์ทมุนด์ต่อไปอีกสักปีก็ได้
1
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เบลลิ่งแฮมเป็นเด็กฉลาด เขาจะเลือกหนทางที่รอบคอบที่สุดเพื่อสเต็ปต่อไปในชีวิตนักเตะอย่างแน่นอน
#CHOICEOFWONDERKID
7 บันทึก
67
14
7
67
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย