7 เคล็ดลับการเป็นนักลงทุนระยะยาว
7 เคล็ดลับการเป็นนักลงทุนระยะยาว
เรียบเรียงบทความโดย เพจ สองหมอขอลงทุน
การลงทุนระยะยาวเป็นกลยุทธ์ที่ให้ผลประโยชน์ รวมถึงดอกเบี้ยทบต้น ข้อได้เปรียบทางภาษี และการประหยัดต้นทุน อ่านต่อไปเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้เพื่อเป้าหมายระยะยาว เช่น การเกษียณอายุ
▶️7 เคล็ดลับการลงทุน
วัตถุประสงค์และกลยุทธ์การลงทุนควรเหมาะสมกับสถานการณ์ของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เป็นแนวทางทั่วไปบางประการที่สามารถช่วยสร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาวได้
1. ระบุเป้าหมาย กรอบเวลา และความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การเลือกการลงทุนจะถูกชี้นำโดยเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว เช่น การออมเพื่อการศึกษาหรือการเกษียณอายุ เป้าหมายจะถูกกำหนดเพิ่มเติมตามกรอบเวลาของคนๆ หนึ่งหรือระยะเวลาที่เราตั้งใจจะเก็บเงินไว้ลงทุน
กรอบเวลายังกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้หรือระดับของความสะดวกสบายด้วยความผันผวนของมูลค่าบัญชี ตัวอย่างเช่น พอร์ตการลงทุนเชิงรุกของหุ้นที่กำลังเติบโตอาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี หากนักลงทุนพอใจกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น
2. สร้างแผนการลงทุน
ตามกรอบเวลาของนักลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แผนการลงทุนให้โครงร่างสำหรับการสร้างและติดตามพอร์ตการลงทุน หรือที่เรียกว่าคำแถลงนโยบายการลงทุนหรือ IPS แผนการลงทุนอาจให้แนวทางในการเลือก ตรวจสอบ และแทนที่การลงทุนในพอร์ต
รายการที่อาจรวมอยู่ในแผนการลงทุนคือ:
👉การจัดสรรสินทรัพย์: นี่คือเปอร์เซ็นต์น้ำหนักของสินทรัพย์ที่จะถือไว้ในพอร์ต ตัวอย่างเช่น นักลงทุนระยะยาวที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางอาจเลือกการจัดสรรสินทรัพย์เป็นหุ้น 65% และพันธบัตร 35%
👉การเลือกการลงทุน: การเลือกประเภทการลงทุนเฉพาะสำหรับพอร์ตโฟลิโอเป็นรากฐานของการกระจายความเสี่ยง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ
การกระจายเงินระหว่างการลงทุนหลายรายการ
👉กลยุทธ์การลงทุน: นักลงทุนอาจต้องการเลือกระหว่างกลยุทธ์การลงทุนแบบแอคทีฟหรือพาสซีฟ การลงทุนเชิงรุกเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายเงินลงทุนโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย กลยุทธ์แบบพาสซีฟถือการลงทุนเช่นกองทุนดัชนีหรือกองทุนเป้าหมายเพื่อให้ตรงกับผลตอบแทนของตลาด
3. เลือกบริษัทนายหน้า
เลือกบริษัทนายหน้า เช่น บริษัทนายหน้าซื้อขายส่วนลดหรือนายหน้าบริการเต็มรูปแบบ โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์ส่วนลดจะให้บริการออนไลน์ ซึ่งนักลงทุนสามารถเปิดบัญชีและทำการซื้อขายได้ในราคาที่เหมาะสม โบรกเกอร์บริการเต็มรูปแบบให้บริการให้คำปรึกษาและการจัดการพอร์ตโฟลิโอ แต่คิดค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น
เคล็ดลับ: ผู้ที่เลือกกลยุทธ์การลงทุนแบบพาสซีฟอาจต้องการพิจารณา robo advisor ซึ่งให้บริการการลงทุนแบบอัตโนมัติ เช่น การจัดสรรพอร์ตโฟลิโอและการปรับสมดุลใหม่ ขึ้นอยู่กับความชอบของนักลงทุน ผู้ที่มีความต้องการทางการเงินที่ซับซ้อนอาจต้องการพิจารณาจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน
4. เลือกประเภทบัญชีการลงทุน
เลือกประเภทบัญชีการลงทุน เช่น บัญชีนายหน้ามาตรฐานหรือบัญชีเกษียณเช่น IRA บุคคลหลายคนอาจได้รับแผนการเกษียณอายุที่สนับสนุนโดยนายจ้าง เช่น 401k หรือ PVD ซึ่งอาจมีค่าสำหรับการลงทุนระยะยาว
5. วิจัยและเลือกประเภทการลงทุน
เมื่อการวางแผนเสร็จสิ้นและบัญชีการลงทุนเปิดขึ้น ให้ทำการวิจัยและเลือกประเภทของการลงทุนที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนและยอมรับความเสี่ยงได้ดีที่สุด
ประเภทการลงทุนหลักคือ:
หุ้น
พันธบัตร
ETFs
กองทุนรวม
กองทุนดัชนี
REITs
6. ดำเนินการตามแผน
การดำเนินการตามแผนเป็นกระบวนการของการรวบรวมองค์ประกอบการวางแผนการลงทุนทั้งหมด รวมทั้งการซื้อเงินลงทุน เราอาจต้องการสร้างแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะทำการบริจาคเป็นระยะโดยอัตโนมัติจากบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับบัญชีการลงทุน
7. ตรวจสอบความเสี่ยงและสุขภาพของพอร์ตการลงทุน
การจัดการพอร์ตโฟลิโอเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบสถานะพอร์ตโฟลิโอและความเสี่ยงเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าพอร์ตโฟลิโอยังคงเป็นไปตามวัตถุประสงค์และคุณลักษณะความเสี่ยงของนักลงทุน
กระบวนการตรวจสอบสำหรับนักลงทุนระยะยาวอาจรวมถึงการปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับพอร์ตการลงทุนเป็นระยะเพื่อให้ตรงกับแผนการจัดสรรสินทรัพย์เดิม
▶️ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนระยะยาว
👉ข้อดีของการลงทุนระยะยาว
การประหยัดต้นทุน: การซื้อขายไม่บ่อยนักด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบซื้อและถือหมายถึงการซื้อขายที่น้อยลง ซึ่งหมายถึงการลดค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่นที่เกี่ยวข้อง
ประหยัดเวลา: การลงทุนระยะยาวไม่ต้องการการวิจัยหรือการซื้อขายมากนัก และนักลงทุนบางรายใช้วิธีกำหนดและลืมมันเพื่อประหยัดเวลา
ดอกเบี้ยทบต้น: นักลงทุนระยะยาวชอบดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ของการลงทุนซ้ำเงินปันผลและกำไรจากเงินทุน ซึ่งซื้อหุ้นของการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้เติบโตแบบทวีคูณ
ผลประโยชน์ด้านความเสี่ยง/ผลตอบแทน: การลงทุนอย่างช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไปโดยใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุนดอลลาร์จะช่วยให้การขึ้นและลงของระยะสั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
👉ข้อเสียของการลงทุนระยะยาว
ต้องใช้ความอดทน: อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเริ่มเห็นประโยชน์ของการลงทุนระยะยาว
การลดลงครั้งใหญ่ของราคาในบางครั้ง: เพื่อให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่สัมพันธ์กันสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป นักลงทุนระยะยาวจำเป็นต้องทนต่อการปรับฐานของตลาดเป็นครั้งคราว ซึ่งอาจส่งผลให้การลดลงในระยะสั้นตั้งแต่ 10 ถึง 30%
✍️บทสรุป
การลงทุนระยะยาวโดยทั่วไปหมายถึงเป้าหมายการลงทุนและกลยุทธ์ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี โดยทั่วไปจำนวนปีที่ขยายออกไปนี้ทำให้นักลงทุนระยะยาวสามารถก้าวร้าวได้เท่าที่ยอมรับความเสี่ยงได้และสามารถใช้ประโยชน์จากมูลค่าเงินตามเวลานั่นเอง
Source: SeekingAlpha
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
