3 เม.ย. 2023 เวลา 07:53 • ท่องเที่ยว

สวยงามสุดในรอบ 5 ปี แสงเหนือสุดอลังการงานสร้าง เริงระบำเต็มท้องฟ้านอร์เวย์

เที่ยวไปทั่วกับหมอเฉลิมชัย : ทริป MDCU-34 หรือแพทย์จุฬาฯรุ่น 34 ครั้งล่าสุด (แปลว่าไม่ใช่ทริปแรก ) เมื่อเดือนมีนาคม 2566 คือทริปตามล่าแสงเหนือที่นอร์เวย์
ส่วนหนึ่งของกลุ่มหมอ MDCU-34
เป็นการเดินทางไปกันเองของพวกเราโดยไม่ได้ใช้บริการของบริษัททัวร์แต่อย่างใด
จะได้ทำอะไรตามใจชอบ โดยไม่ต้องติดกับกำหนดการชนิด 6,7,8 (ตื่น 6 โมง อาหารเช้า 7 โมง ล้อหมุน 8 โมง) หรือผ่านชมแบบไม่มีโอกาสลงไปซึมซับบรรยากาศ หรือถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ แบบทัวร์ทั่วๆไป
แสงเช้าที่นอร์เวย์
ทริปนี้พวกเราพากันมาทั้งหมด จำนวน 14 ชีวิต ในจำนวนนี้เป็นคุณหมอ 12 คนด้วยกัน
เราโชคดีมาก เพราะเป้าหมายหลักครั้งนี้คือการตามล่าแสงเหนือ และเพียงคืนแรก ย้ำนะครับ คืนแรกเท่านั้นเอง เราก็ได้เห็นแสงเหนือกันเลยทีเดียว
2
แสงเหนือที่พบเห็นในคืนแรก
สร้างความตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นให้กับกลุ่มเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวผู้เขียน
1
เนื่องจากผู้เขียนเป็นผู้ที่ไม่ชอบความหนาวจัด โดยเฉพาะในระดับอุณหภูมิติดลบ
จึงไม่เคยไปล่าหรือชมแสงเหนือมาก่อนเลยในชีวิต
ครั้งนี้ก็ตั้งใจว่า ถ้าได้พบเห็นแสงเหนือจริงๆแล้ว ขอแค่เพียงสว่างไสวหรือสวยงามปานกลางก็พอใจแล้ว และก็จะได้ไม่ต้องเข้าไปในแถบสแกนดิเนเวียอันหนาวเหน็บอีก
โรงแรมที่พักคืนแรก เห็นแสงเหนือเลย
จึงทำให้ผู้เขียนตื่นเต้นมาก เพราะเพียงคืนแรก ที่เข้าเช็คอินที่โรงแรม Scandic ของเมือง Leknes
ยังไม่ทันได้เปิดกระเป๋าเดินทาง ก็มีการส่งเสียงกันอื้ออึง ให้รีบออกมานอกโรงแรมด้านหน้า เพราะมีผู้พบเห็นแสงเหนือแล้ว
พวกเราจึงรีบวิ่งออกมาดูกันที่หน้าโรงแรมทันที ข้าวของต่างๆก็วางทิ้งกันไว้ในห้องอย่างนั้นล่ะ
แสงเหนือความเข้มระดับปานกลางที่เห็นจากโรงแรม
โอ้พระเจ้า !! ใช่แล้วจริงๆ แสงเหนือหรือ Aurora ที่เคยเห็นแต่ในคลิปวิดีโอบ้าง ในภาพถ่ายต่างๆบ้าง ได้ปรากฏกับสายตาตรงหน้า ท่ามกลางท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆและเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
แสงเหนือที่ปรากฏให้เห็นนี้ จะเห็นเป็นสีขาวปนเขียวที่ค่อนข้างชัดเจน
จัดเป็นแสงเหนือครั้งแรกในชีวิตของผม และถือเป็นแสงเหนือคืนแรกที่มานอร์เวย์ในทริปนี้
มือกล้องสมัครเล่น แต่ผลงานระดับอาชีพ ในกลุ่มเราสามคน เตรียมตัวและอุปกรณ์กันไม่ทัน เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่า
หน้าโรงแรมหิมะเต็มไปหมด
เพียงนาทีแรกที่เช็คอินเข้าโรงแรม จะมีแสงเหนือปรากฏขึ้นมาให้เราเห็น เพราะในเขตเมืองที่มีแสงไฟมักจะรบกวนจนทำให้เห็นแสงเหนือได้ยาก
ส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยโทรศัพท์มือถือถ่ายไปพลางก่อน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน
ก็ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมานั้น ต้องถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว จากแสงฝ้าขาวปนสีเขียวจาง
แต่พอถ่ายด้วยมือถือแล้ว สีเขียวสว่างชัดเจนมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นแสงเหนือที่มีการเคลื่อนไหวแบบที่เรียกว่าเริงร่าหรือเต้นระบำ
ในกลุ่มที่เราไปในครั้งนี้ มีคุณหมอท่านหนึ่งเป็นคนที่เคยเดินทางมานอร์เวย์แล้ว จึงรับอาสาเป็นคนจัดทำข้อมูลต่างๆไว้เรียบร้อยตลอดทุกวัน
ว่าวันไหนจะไปเที่ยวที่ใด ทานอาหารที่ใด ควรจะถ่ายรูปตรงจุดใด มุมใด แสงเช้า แสงเย็น เป็นอย่างไร เรียกว่าละเอียดยิบพอๆกับการสั่งการรักษาโรคคนไข้เลยทีเดียว
5
แสงเหนือที่เห็นจากชายหาด Haukland
คุณหมอได้เสนอว่า ให้พวกเราขับรถออกไปนอกเมือง ไปยังชายหาด Haukland ระยะเวลาเพียง 15 นาที ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
แม้พวกเราจะเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางกว่า 24 ชั่วโมง แต่ก็ยินยอมพร้อมใจกันโดยมิได้นัดหมาย ไม่มีใครเห็นต่าง ไม่มีการอภิปรายหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใดใดทั้งสิ้น
ทุกคนเตรียมตัวขึ้นรถทันที เพื่อออกไปล่าแสงเหนือ ที่คาดว่าน่าจะเห็นสว่างไสวระดับเป็นไฮไลท์ได้เลย
เพราะขนาดหน้าโรงแรมยังเห็นชัดพอสมควร ถ้าไปที่ชายหาดซึ่งมืดสนิท น่าจะเห็นชัดเจนขึ้นอีกมากทีเดียว
ทัศนียภาพของชายหาดในเวลากลางวัน
ตลอดจนชายหาดแห่งนี้ มีทำเลที่ดีมากและสวยงามอย่างยิ่ง อยู่ในลิสต์รายการที่ต้องไปชมในเวลากลางวันอยู่แล้วด้วย
โดยเราได้เคลื่อนขบวนรถออกไปพร้อมกันจำนวน 3 คัน คันแรกเป็นรถบีเอ็มดับบลิว 5 ประตู มีพวกเรานั่งไป 4 คน
รถบีเอ็มดับบลิว 5 ประตูที่ใช้เป็นพาหนะ
ตามด้วยรถตู้ 9 ที่นั่ง จำนวน 6 คน และปิดท้ายด้วยรถบีเอ็มดับบลิว 5 ประตู เป็นคันที่ 3 อีกจำนวน 4 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 14 คน
รถตู้ที่บรรทุกกลุ่มพวกเราอีก 6 คน
ในขณะที่ผมขับรถบีเอ็มคันที่ 3 ตามไปนั้น เมื่อใกล้จะถึงชายหาด ก็เจอเหตุการณ์น่าตื่นเต้นระคนตกใจ กล่าวคือ
พบว่ารถตู้คันหน้าของพวกเรา ได้จอดเอียงกระเท่เร่ชิดขอบทาง โดยล้อด้านขวาตกไหล่ทางที่มีหิมะฟู จนคนขับรถไม่สามารถจะเห็นขอบถนนได้ชัดเจน นอกจากจะมีเสาเล็กๆสีแดงปักบอกขอบเขตไว้เท่านั้น
ลักษณะของถนนกับขอบทางที่แยกกันไม่ออก
และเราก็เห็นชัดว่า รถตู้ที่ล้อตกลงไปนั้น ไม่ได้ล้ำเข้าไปในเขตเสาสีแดงด้วย เพียงแต่ชิดกับเสาสีแดงพอดี
2
เนื่องจากรถตู้ไม่ได้ขับเคลื่อนสี่ล้อ จึงไม่สามารถที่จะเอารถขึ้นได้คือ ล้อหมุนฟรีโดยตลอด โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร
จึงต้องเสียเวลาล่าช้าในการรอบริษัทที่จะมาลากรถขึ้นจากขอบทาง(เสียค่าใช้จ่ายไปร่วม 10,000 บาท )
รถบีเอ็มทั้งสองคันจึงขับล่วงหน้าไปก่อน เมื่อถึงชายหาดที่ค่อนข้างมืดสนิท พอเห็นพื้นได้ลางๆ แต่ไม่สามารถเห็นเป็นทางเดินชัดเจนเพราะหิมะปกคลุมไปหมด เห็นแต่ไกลไปข้างหน้าว่าเป็นชายหาด
เมื่อจอดรถแล้ว คันของเรา 4 คน ก็ค่อยเดินไปสมทบกับคันหน้าอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน
แล้วเหตุการณ์ตื่นเต้นสุดสุด อาจจะถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ได้คือ แสงเหนือหรือ Aurora สีเขียวเข้มสดใสปนเหลืองสว่างจ้าชัดเจนมาก เห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องมองผ่านมือถือแต่อย่างใด
1
แสงเหนือเปลี่ยนรูปร่างตลอดเวลาเรียกว่า เริงระบำ
เพียงครู่เดียว แสงเหนือก็เปลี่ยนแปลงรูปร่าง พร้อมกับวิ่งจากฟากฟ้าด้านหนึ่ง เคลื่อนที่ไปยังฟากฟ้าอีกด้านหนึ่ง
2
แสงเหนือสุดอลังการ สว่างไสว
ไม่ได้วิ่งตรงไปตรงมา แต่มีการย้วยไปย้วยมา ในลักษณะเริงระบำหรือแสงเต้นรำอยู่ด้วย
2
ปรากฏการณ์นี้ปรากฏอยู่นานร่วมชั่วโมง มีเวลาเพียงพอที่จะซึมซับด้วยตาเปล่าอย่างสุดแสนประทับใจ และบันทึกภาพไว้ด้วยมือถือและกล้องถ่ายรูป
1
อีกภาพของแสงเหนือ
อย่างนี้นี่เอง ที่เรียกว่าแสงเหนือเริงร่าแบบเต้นระบำ ได้ประสบกับตนเองจริงๆแล้ว
ประทับใจสุดสุด ตอนแสงเหนือมีการเคลื่อนที่เปลี่ยนจากฟากฟ้าอีกด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ในทิศตั้งฉากกับด้านเดิม เกิดการกระจายไปทั่วท้องฟ้า สว่างไสวสวยงามมาก จนไม่สามารถจะดูให้ทั่วถึงได้
1
2 สาวที่ทิ้งตัวนอนหงายเพื่อชมแสงเหนืออย่างเต็มตา
ในที่สุดพวกเราคนหนึ่งก็ร้องขึ้นว่า ต้องนอนลงแล้วล่ะ ต้องนอนลงแล้ว จะได้เห็นแสงเหนือเต็มท้องฟ้าทั้งหมด ไม่ต้องคอยหันหน้ากลับไปกลับมา
พวกเราจำนวนหนึ่ง จึงทิ้งตัว นอนหงายลงกับพื้นหิมะที่ฟูนุ่ม เพื่อที่จะได้สัมผัสภาพของแสงเหนืออย่างชัดเจนเต็มท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน
1
เป็นบรรยากาศที่อลังการงานสร้างสุดจะบรรยายเป็นตัวหนังสือจริงๆ ทั้งดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า โดยมีแสงเหนือทั้งสีเขียวเหลืองและน้ำตาลแดง วิ่งยักย้ายร่ายรำกันเต็มท้องฟ้า มีเสียงคลื่นทะเลเข้ามาเพิ่มอรรถรสในการชม ภาพของชายหาด แนวภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ร่วมเป็นฉากประกอบด้วยแล้ว สุดจะบรรยายจริงๆ
3
แสงเหนือ ทะเล ภูเขา และหิมะ
แต่แน่นอน ด้วยความหนาวเหน็บระดับติดลบหลายองศาเซลเซียส และประกอบกับมีลมแรงจากทะเลพัดมาตลอดเวลา
ทำให้พวกเราถ่ายภาพได้จำนวนไม่มากนัก เพราะมือที่ใช้ถ่ายภาพ บางครั้งต้องถอดถุงมือออกมาเพื่อความสะดวก ได้เย็นจัด จนชา และกลายเป็นเจ็บปวดในที่สุด
1
จึงเป็นการเน้นดูด้วยตาเปล่าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็เป็นผลดีอย่างมาก ทำให้ได้อรรถรส ซาบซึ้งประทับใจกับแสงเหนืออย่างเต็มที่
สามารถจดจำได้ดี แม้กลับมาแล้ว เพราะในหลายครั้ง คนมักจะจำแสงเหนือได้จากในรูปภาพที่ถ่ายมาเสียมากกว่า
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ตื่นเต้นตามมาติดติดคือ รถตู้ที่บรรจุพวกเรา 6 คน หลังจากได้รับการแก้ไขด้วยรถลากดึงขึ้นมาสำเร็จ
ก็ได้ขับตามมาถึงที่ชายหาด ด้วยความเร่งรีบ จากการที่ทราบว่าแสงเหนือตรงชายหาดสวยงามมาก
และกลัวว่าแสงเหนือจะหายไปหมดเสียก่อน จึงเร่งรีบเดินเร็วกว่าปกติ
สภาพบริเวณชายหาด ปกคลุมด้วยหิมะหนาฟู
มาทราบภายหลังว่า มีคุณหมอสองคนเดินตกทะลุลงไปในพื้นหิมะ ชนิดจมมิดศีรษะทันที ใช่แล้วครับจมมิดศีรษะจริงๆ
3
ซึ่งมาเล่าให้พวกเราฟังภายหลังว่า ความรู้สึกตอนนั้น ตกใจมาก เหมือนกับตายไปแล้ว เข้าใจความรู้สึกของคนใกล้ตายนั้นเป็นอย่างไรเลยทีเดียว
2
โดยเท้าก็ยืนไม่ถึงพื้น คงจะเป็นทำนองเดียวกับคนถูกทรายดูด
โชคดีที่มีเพื่อนอีกคน ซึ่งค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร (อดีตเป็นนักกีฬาโปโลน้ำของจุฬาฯ) ได้ช่วยดึงขึ้นมาสำเร็จ
ถ้าไปลำพังกันสองคมที่จมหิมะมิดศีรษะนั้น ยังไม่ทราบเลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราได้กลับเข้าไปชมชายหาดแห่งนี้อีกครั้งตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ทุกคนจึงพยายามเดินดูจุดที่เพื่อนสองคนเล่าว่าตกลงไปจมหิมะมิดศีรษะ ก็พอเข้าใจและสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นร่องน้ำลึก 2-3 เมตร ที่บังเอิญมีหิมะปกคลุมจนมองไม่เห็นเมื่อคืนก่อน
1
ลักษณะร่องน้ำ ที่คาดว่าถ้ามีมีหิมะคลุมหมด ก็จะดูไม่ออก และตกลงไปได้
เป็นอันจบทริปวันแรก ที่พวกเราได้เห็นแสงเหนือสุดอลังการงานสร้าง เกิดเหตุการณ์รถตู้ตกข้างทาง และเพื่อนอีกสองคนจมหิมะท่วมศีรษะ
เป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสุดตื่นเต้นและปนระทึกขวัญ แต่ก็ผ่านมาด้วยดี พร้อมความประทับใจสูงสุด
หมายเหตุ : แสงเหนือที่เห็นในวันแรกนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิดีโอที่รวบรวมแสงเหนือที่เป็นไฮไลท์ของมหาวิทยาลัยประเทศนอร์เวย์ ที่บันทึกไว้ในรอบ อ
5 ปี แล้วนำกลับมาฉายให้ชมในท้องฟ้าจำลอง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าชมในทริปนี้ พบว่าแสงเหนือที่เราได้เห็นนั้น อยู่ในระดับเดียวกับไฮไลท์สูงสุดที่ทางการนอร์เวย์บันทึกไว้ในรอบ 5 ปีเลยทีเดียว ต้องถือว่าโชคดีมาก
2
แล้วยังทำให้ลดความเครียดหรือความกังวลที่กลัวว่าอาจจะไม่ได้เห็นแสงเหนือที่สวยงาม เนื่องจากการชมแสงเหนือนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติไม่สามารถจะกำหนดกะเกณฑ์ได้
แม้มีแสงเหนือแรงชัดเจนแล้ว แต่ถ้ามีเมฆมากก็อาจจะไม่เห็น หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่มืดพอ มีแสงจากเมืองมารบกวน หรือแสงจากดวงจันทร์มารบกวน ก็จะเห็นไม่ชัด
จึงต้องถือว่าโชคดีมาก ที่สามารถเห็นแสงเหนือที่ยอดเยี่ยม และลดความคาดหวังกังวลลงได้มาก
จนผู้เขียนเอ่ยปากขึ้นมาว่า “แม้ในทริปนี้จะไม่ได้เห็นแสงเหนืออีกเลยตลอดทริป ก็ไม่เป็นไรแล้ว เห็นคืนนี้คืนเดียวก็คุ้มค่าที่มานอร์เวย์ครั้งนี้แล้ว”
5
โฆษณา