4 เม.ย. 2023 เวลา 01:05 • ปรัชญา

เราต่างถูกหลอกว่า

มีคนรัก และเครือข่ายญาติมิตร
ทั้งที่จริง ทุกคนไม่มีแม้แต่เงา
ติดตามตัวเองไปได้ตลอด
แม้คุณสมใจ
ได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักในวันนี้
คุณก็ไม่รู้เลยว่าวันไหน
จะมีเงื่อนไขหรือปัจจัยใดมาพรากเขาไป
ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี
เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม
เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม
และวันใดบุคคลอันเป็นที่รักถูกพรากไป
โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
วันนั้นเองที่ต้องตระหนัก ด้วยความตระหนกว่า
คุณไม่เคยมีสิทธิ์อยู่กับใครจริง!
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
สุดท้าย
สมบัติและคนรอบตัวจะต้องหายไป
เหลือแต่ความจริงว่า
ใครเคยทำอะไรไว้
กับสมบัติและคนรอบตัว
พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว
มาสวมหัวโขนเป็น
พ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู
หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว
แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น
แม้ในชาติเดียวกัน
ก็อาจเป็นอะไรหลายๆฐานะ
บางคนเดินชนไหล่
หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน
ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก
กว่าจะจำได้ว่า
เคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยม
ที่เคยอยากไปไหนๆด้วยกันตลอดชีวิต
แต่พอห่างกันมากๆ เจออีกที
อาจกลายเป็นศัตรูได้
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ถ้าทิ้งความรักไม่ได้
ก็ทิ้งความยึดไม่ได้
เมื่อทิ้งความยึดไม่ได้
ก็ทิ้ง ‘ต้นเหตุแห่งการเกิดมา’ ไม่ได้
และเมื่อต้องเกิดอีก
ก็ต้องพบกับความตาย
และการพลัดพราก
จากบุคคลอันเป็นที่รักวันยันค่ำ
ไม่ว่าจะหวงแหนพวกเขา
เหมือนอยากกอดไว้ไม่ปล่อยสักขนาดไหนก็ตาม
ความรัก
บังคับให้คุณต้อง ‘รอการพิพากษา’
จากคนที่คุณรักว่าจะเอาด้วยหรือไม่
แต่ความพ้นทุกข์
มีตัวคุณคนเดียวเลือกเอง ตัดสินเอง
ดุจเดียวกับการตัดสินใจ
เลือกว่าจะถ่มเสลดในปากทิ้งเสียทีไหม
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคุณล้วนๆ
คุณจะเล็งเห็นว่า
บนเส้นทางสู่ความพ้นทุกข์
คุณไม่จำเป็นต้องง้อใคร
ให้มาเคียงข้างเป็นกำลังใจ
ขอเพียงคุณหนักแน่น
สามารถเป็นกำลังใจให้ตนเอง
ก็อาจเดินเดี่ยวได้ตั้งแต่ต้นจนสุดสาย!
โฆษณา