6 เม.ย. 2023 เวลา 02:41 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บัฟเฟตต์

เขาเลือกหุ้นผู้ชนะในตลาด
ชนะขาดหรือผูกขาดลูกค้า เขาก็ยิ่งชอบ customer monopoly รอซื้อราคาต่ำกว่ามูลค่าเเท้จริง เขาชอบหุ้นเติบโต ชอบหุ้นกำไรเติบโตไม่เน้นพีอีถูก ไม่เน้นปันผล ปันผลต้องจ่ายภาษี ไม่ปันผลไม่ต้องจ่ายภาษีส่วนปันผล ปันผลน้อยยิ่งดี ไม่ปันผลออกมาเลยยิ่งชอบ
Buffett ชอบที่บริษัทนำกำไรมาซื้อหุ้นในตลาดคืนยิ่งชอบ จะทำให้จำนวนหุ้นรายย่อยลดลง เเต่บริษัทมั่งคั่งขึ้น เพราะมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเอง รายย่อยที่ทนถือหุ้นต่อมั่งคั่งตามไป
บัฟเฟตต์ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
เติบโตไปด้วยกันมั่งคั่งไปด้วยกัน หุ้นที่บัฟเฟตต์เลือกอาจไม่ปันผลปีเเรกหรือปันผลน้อยในปีเเรกแต่ปันผลเพิ่มปีหลังๆ ถ้าขายหุ้นออกก็ได้ส่วนต่างราคาหุ้นมาก บัฟเฟตต์เลือกหุ้นชนะตลาด ROEสูงเกิน 20% หุ้นที่มีกำไรเเล้วเเน่นอน
บัฟเฟตต์ไม่เลือกหุ้นที่ไม่มีกำไร ไม่เลือกหุ้นที่กำไรไม่เเน่นอน ไม่ชอบหุ้นที่มีกำไรบ้างขาดทุนบ้าง วอเรน บัฟเฟตต์ไม่ชอบหุ้นที่คาดกำไรไม่ได้ อาจเป็นการลงทุนบัฟเฟตต์ในยุคที่เขามีเงินมากเเล้ว การลงทุนอาจเเตกต่างจากตอนเริ่มต้นลงทุนใหม่ที่เงินน้อยอยู่”
💥จุดนี้ต่างจากวีไอที่เรารู้จักที่เน้นหุ้นดีพีอีต่ำ มีปันผลดีให้รายย่อย ซึ่งในบัฟเฟตต์มองว่าหุ้นพีอีต่ำเเละปันผลมากมักไม่โตเเล้ว ลงทุนอาจเสียโอกาสเช่นกัน การศึกษาแนวทางบัฟเฟตต์ต้องดูรอบคอบว่าบัฟเฟตต์คิดเช่นนั้นจริงหรือ
แท้จริงเเล้ว วอเรน บัฟเฟตต์ ก็ซื้อพันธบัตรระยะยาว กลางเเละสั้น เขาเล่นหุ้นเเบบฉาบฉวยเอากำไรด้วย (Arbitrage) แต่เขาใช้เเนวคิดคนละอย่างกับการลงทุนระยะยาว
วอเรน บัฟเฟตต์ เรียนรู้จากกูรูมากมาย
1. เลือกหุ้นไว้รอ
2. รอราคาที่ถูกพอคือหัวใจการซื้อหุ้น
3. คุ้มค่าที่สุดคือเลือกบริษัทที่ศักยภาพดีเยี่ยม
4. หุ้นบริษัทที่ยอดเยี่ยมไม่มีเวลาใดน่าขาย
5. คุ้มค่าเหนือกว่าคือซื้อหุ้นสินค้าผูกขาด
6. ลงทุนเฉพาะธุรกิจชำนาญ conc. portfolio
7. มองผลตอบเเทนปีละ15%ยาว5-10ปี
8. ธุรกิจกำไรเติบโตและคาดการณ์กำไรได้
9. มีกำไรไม่จ่ายปันผลก็ได้ปันผลคือเสียภาษี
10. มีกำไรแต่ไม่ปันผลคือประหยัดภาษี
(ไทยกำหนดจ่ายภาษีกำไรบริษัท 20% เงินกำไรจะส่วนที่เหลือ80/100 ถ้าจ่ายปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย10% ทันที คือกำไรส่วนปันผลโดนภาษี 28%)
11.กำไรสะสมเก็บในบริษัทเหมือนพันธบัตรดอกเบี้ยผันเเปรที่สรรพากรลืมคำนวณภาษี จึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี จากหลักกำไรทบต้น
12.บริษัทควรปันผลเมื่อไม่รู้จะนำกำไรสะสมไปลงทุนอะไร
ทำไมวอเรน บัฟเฟตต์ ชอบธุรกิจ customer monopoly คือความสามารถในการตั้งราคาสูงขึ้นได้ไม่ว่าเงินเฟ้อจะมากหรือน้อย ลูกค้ายังคงใช้สินค้านั้นเสมอ ขาดไม่ได้ ไม่ต่อรองราคา หาจากเจ้าอื่นไม่ได้ หรือคุณภาพไม่เท่าด้วยเหตุผลต่างๆ
การควบรวมบริษัท หรือการซื้อบริษัทอื่น หลักคิดของบัฟเฟตต์คือ customer monopoly ซื้อ customer monopoly คือยอดเยี่ยม กรณี customer monopoly ซื้อธุรกิจโภคภัณฑ์ คือผลตอบเเทนพื้นๆ เมื่อใด ธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ซื้อธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ นั่นคือหายนะ เหมือนเตี้ยอุ้มค่อม
💥เกรเเฮมซื้อหุ้นนับร้อยบริษัทที่ราคาถูกกว่ามูลค่าเเท้จริง นั่นคือ margin of safety มากอยู่เเล้วโดยไม่สนใจว่าบริษัททำธุรกิจอะไร เขาเชื่อว่าสักวันเมื่อบริษัทปรับตัวได้ผ่านปัญหามาราคาจะปรับตัวขึ้นในระดับสะท้อนมูลค่าเเท้จริงนั่นคือเวลาที่จะขายหุ้น เเต่หลายครั้งตลาดไม่ให้ราคาหุ้นตัวนั่นอีกเลยเเละยิ่งรอนานเท่าใดคือความสูญเสียโอกาสนี่คือข้อผิดพลาด
จงอดทนและเฝ้ารอโอกาสในการลงทุน
จำไว้ให้ดีว่า โอกาสการลงทุนที่ดีที่สุดเกิดในช่วงที่คนต่างมองว่าหุ้นตกต่ำ ไม่ใช่ช่วงที่คนต่างมองหุ้นสดใสเเต่อย่างใด”
ข้อคิดจากหนังสือ
Buffettology
โฆษณา