7 เม.ย. 2023 เวลา 03:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

AI กำลังเขมือบ พลังงานไฟฟ้า ในอนาคต

ในวงการเทคโนโลยี คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ ChatGPT ที่เหมือนเป็นสัญญาณเริ่มต้นยุคแห่ง AI
2
แต่อีกมุมหนึ่ง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า AI ก็มาพร้อมกับความท้าทายสำคัญ นั่นก็คือ AI พวกนี้ กำลังเขมือบพลังงานของเราอย่างมหาศาล และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
วันนี้ เรามาดูกันว่า AI สูบพลังงาน มากมายขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าจะกล่าวว่า AI ก็คือ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่อัปเกรดแล้ว ก็คงไม่ผิดนัก
เพราะถึงแม้ว่า ทุก ๆ ขั้นตอนการทำงานของ AI จะซับซ้อนกว่าคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็ต้องใช้การประมวลผลข้อมูล และใช้ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนไม่ต่างอะไรไปจากคอมพิวเตอร์
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถที่จะรองรับการประมวลผลของ AI ได้
2
หนึ่งในเหตุผลหลัก ก็คือ “จำนวนข้อมูลที่ AI ใช้ในการเรียนรู้มีมากมายมหาศาล”
1
เมื่อข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาเพื่อเรียนรู้และวิเคราะห์ มีจำนวนมหาศาล จึงทำให้ AI ต้องใช้พลังงานในการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น
3
ตัวอย่างเช่น ChatGPT ที่เราใช้กันอยู่ มีซูเปอร์คอมพิวเตอร์อยู่เบื้องหลัง
2
โดยเครื่องมือสำคัญ ที่ใช้สำหรับการประมวลผล เรียกว่า “การ์ดจอ” และที่ใช้ประมวลผลสำหรับ ChatGPT ก็คือ NVIDIA A100 กว่า 10,000 ตัว
6
เพื่อรองรับการเรียนรู้ข้อความมากถึง 570 กิกะไบต์ หรือคิดเป็น 612,032 ล้านตัวอักษร
3
ถ้าพูดให้เห็นภาพ ก็เทียบได้กับหนังสือนิยายเรื่อง Harry Potter ทุกภาครวมกัน 564,000 ชุด เลยทีเดียว..
7
ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถอ่านหนังสือได้มากขนาดนี้ แต่นี่ไม่ใช่ข้อจำกัดของ AI ที่สามารถทำได้เหนือกว่าคนทั่วไปอย่างมาก
1
แม้จะทำได้เหนือกว่าก็จริง แต่ก็แลกกับการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้น อย่างเช่น ChatGPT ที่มีการคาดการณ์ว่า ใช้ไฟฟ้ามากถึง 1.2 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง
4
เทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าของคนอเมริกัน 120 หลังคาเรือน เป็นระยะเวลาถึง 1 ปี
6
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินกันว่า AI ที่ใช้ในองค์กร จะบริโภคไฟฟ้ามากถึง 10-15% ของปริมาณไฟฟ้าทั้งหมดขององค์กรเลยทีเดียว
3
อีกข้อที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้ข้อมูลจำนวนมากของ AI ก็คือ ต้องมีการจัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้นตามไปด้วย
2
ซึ่งสถานที่เก็บข้อมูลที่เหมาะกับการทำงานของ AI ก็คือ “ศูนย์ข้อมูล”
2
ปัจจุบัน ทั่วโลกมี Data Center มากกว่า 8,000 แห่ง
โดยในจำนวนนี้ เป็น Data Center ขนาดใหญ่มากถึง 1,000 แห่ง ทั้ง ๆ ที่ในปี 2016 มีเพียง 400 แห่งเท่านั้น
4
ด้วย Data Center จำนวนมากนี้เอง ทำให้มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการประมวลผล กระบวนการจัดเก็บ รวมถึงระบบระบายความร้อนภายในศูนย์ข้อมูล
2
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ในอนาคตคอมพิวเตอร์ของเราจะใช้พลังงานในการประมวลผลมากขึ้น ทั้งจากกำลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น และขอบเขตการใช้งานที่กว้างมากขึ้น
2
จากเดิมที่ใช้ไฟฟ้าเพียง 1-2% ของไฟฟ้าทั้งหมดทั่วโลก แต่ในอนาคต คอมพิวเตอร์อาจใช้ไฟฟ้ามากถึง 8-21% ของไฟฟ้าทั่วโลกเลยทีเดียว
3
ถึงตรงนี้ คงพอเห็นภาพแล้วว่า ปัญหาเรื่องพลังงานที่เกิดจาก AI เป็นเรื่องที่สำคัญ และมองข้ามไม่ได้
2
เพราะแม้สมองของมนุษย์จะมีข้อจำกัดในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล แต่ก็ใช้พลังงานเพียง 40 วัตต์ในแต่ละวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการเปิดโน้ตบุ๊กเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
4
ต่างจาก AI ที่มีพลังการคำนวณมากพอที่จะเปลี่ยนโลกของเราในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็แลกมากับการใช้พลังงานมากมายมหาศาล และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก
4
ปัญหาของเรื่องนี้ จึงไม่ได้มีแค่ว่า เราจะพัฒนา AI อย่างไร หรือ AI จะเปลี่ยนโลกของเราไปมากแค่ไหน
2
แต่เรายังต้องนึกถึง ควบคู่ไปพร้อมกันด้วยว่า พลังงานที่เราต้องใช้ไปกับเทคโนโลยีนี้ จะเพียงพอหรือไม่ และมันจะสร้างผลกระทบกับวิกฤติพลังงานบนโลกของเรา มากขนาดไหน ในอนาคต
1
ถึงเวลานั้นสิ่งที่ทำลายสภาพแวดล้อมของโลกเรา อาจไม่ใช่มนุษย์อย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่กลับเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาที่ชื่อว่า AI..
8
โฆษณา