6 เม.ย. 2023 เวลา 15:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ

กรณีศึกษาหุ้น TJX Companies - ห้างค้าปลีกสินค้าราคาถูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ผมขอสอบถามว่าพวกเราอยากซื้อเสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่มีส่วนลด 20 ถึง 60% จากราคาเต็มในห้างทั่วๆไปหรือไม่
ถ้าคำตอบคือ “อยาก” ทุกคนที่มีโอกาสได้เดินทางไปประเทศอเมริกาคงต้องเคยเข้าร้านห้าง TJ Max ที่เป็นหนึ่งในแบนของบริษัท TJX Companies
TJX ถูกก่อตั้งในปี 1987 ที่รัฐ Massachusetts โดยดำเนินธุรกิจเป็นห้างขายสินค้าแฟชั่นที่มีส่วนลดสูงถึง 20 ถึง 60% จากราคาตลาด บริษัทซื้อสินค้าที่ตกรุ่นหรือผลิตเกินจากโรงงานแล้วนำมาขายต่อ โดยบริษัทมีหน่วยงานจัดซื้อกระจายทั่วโลกเพื่อดีลกับผู้ผลิตสินค้ากว่า 21,000 ราย
ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ที่บริหารจัดการอยู่ดังนี้
T.J Maxx
Marshalls
HomeGoods
HomeSense
Sierra
Winners
T.J. Maxx และ Marshalls ขายพวกเสื้อผ้ารองเท้า อุปกรณ์แต่งตัว และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านโดยตอนสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทมี T.J. Maxx อยู่ที่ 1,300 สาขาและมี Marshalls อยู่ 1,200 สาขาในอเมริกา และมี Marshalls มากกว่า 100 สาขาในประเทศแคนาดา รวมทั้งมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซแยกกันในแต่ละแบรนด์ด้วย
ส่วนในแคนาดาก็มีห้างชื่อ Winners ขายสินค้าราคาพิเศษ รวมทั้งมีบางสาขาที่ขายสินค้าระดับ High End ด้วย ปัจจุบันมีทั้งหมด 300 สาขา
นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจขายของตกแต่งบ้านที่ชื่อ HomesGoods และ HomeSense โดยมีสาขาอยู่ 900 และ 50 สาขาในอเมริกาตามลำดับ
1
#รายได้
ปี 2021 (จบรอบเดือน มกราคม 2021) มีรายได้ $32,137 ล้าน กำไร $90 ล้าน
ปี 2022 มีรายได้ $48,550 ล้าน กำไร $3,283 ล้าน
ปี 2023 มีรายได้ $49,936 ล้าน กำไร $3,488 ล้าน
รายได้มาจากในประเทศอเมริกา 79% ที่เหลือ 11% มาจากยุโรป 9% มาจากแคนาดาและอีก 1% มาจากประเทศออสเตรเลีย
#โอกาสและความเสี่ยง
TJX มักจะทำผลงานได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวผู้คนต่างรัดเข็มขัดในการใช้จ่าย ห้างสรรพสินค้าขายสินค้าไม่ออกก็เลยขายต่อมาให้กับทาง TJX มากขึ้น ลูกค้าก็เลยมาซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้สิ่งที่ TJX แตกต่างกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Ross Stores ก็คือประเภทสินค้าที่ทางบริษัทจัดมาขายในห้างค่อนข้างจะเป็นสินค้าในระดับบนมากกว่าทาง Ross
TJX ยังตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 1,400 สาขาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว 4,800 สาขาทั่วโลก
ในแง่ของความเสี่ยงแน่นอนว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดีจนเกิดวิกฤต คงต้องกระทบต่อบริษัทอย่างแน่นอน
ในส่วนของตลาดสินค้าตกแต่งบ้านในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น บ้านใหม่ก็ขายได้น้อยลงจึงกระทบต่อห้างอย่าง HomeGoods ซึ่งมียอดขายต่อสาขาเดิมลดลงทุกไตรมาสในช่วงปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ต้องจับตาก็คือราคาน้ำมันซึ่งอาจจะกระทบต่อค่าการขนส่ง แต่ถ้าราคาน้ำมันลดลงต่ำมากๆก็จะช่วยเป็นแรงหนุนให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งลงได้มากเลยทีเดียว
#ตัวเลขอัตราส่วนทางการเงิน
TJX มีอัตรากำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 27.61% ในขณะที่ Ross อยู่ที่ 25.4%
ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิทำได้ 7% เมื่อเทียบกับทาง Ross อยู่ที่ 8.09%
อัตราเงินปันผลอยู่ที่ 1.69% เมื่อเทียบกับ Ross อยู่ที่ 1.23%
ค่าพีอีของ TJX อยู่ที่ 26.52 เท่า ในขณะที่ของ Ross อยู่ที่ 24.79 เท่า
โดยสรุปหุ้น TJX มีธุรกิจที่เติบโตมั่นคงมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาด้วยเทรนด์แนวโน้มที่ลูกค้าชอบสินค้าที่มีคุณค่าแต่ราคาถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้าเยอะมาก
นอกจากนี้บริษัทยังมีจุดขายที่เรียกว่า Treasure Hunt หรือการตามล่าสินค้าที่หายากในห้าง ใครไวก็จะได้สินค้าชิ้นนั้นไปด้วยราคาที่ประหยัดสุดๆ
นี่คือกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้าทั่วโลกต้องเข้าไปในร้านของ TJX เป็นประจำ ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากที่ไปอเมริกาต้องเคยไปใช้บริการของบริษัทนี้ครับ
#การลงทุนหุ้นหรือฟิวเจอร์สในตลาดต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป Phillip Global Markets ของหลักทรัพย์ฟิลลิป เปิดให้บริการนี้กว่า 15 ปี มีจุดเด่นคือบริการ support 24 ช.ม. โดยเจ้าหน้าที่คนไทย หากเกิดปัญหาช่วงกลางดึก สามารถโทรหาเจ้าหน้าที่คนไทยได้เลย
โทร. 02-635-3055 Line: @phillipglobal (คลิก: https://lin.ee/q0bIxVg ) �หรือ https://www.phillip.co.th/th/global/stocks
โฆษณา