9 เม.ย. 2023 เวลา 08:00 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าสยองขวัญเรื่องที่ 8 Help me game ช่วยฉันจากการบูลลี่

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบชั้นม.5 ผมและเพื่อนอีกสามคนเลยตกลงกันว่าจะไปเล่นเกมส์ที่บ้านของนัทหนึ่งในกลุ่ม ทันทีที่เลิกเรียนเราเดินเท้าตรงดิ่งไปยังบ้านของนัททันที เราเลือกเดินแทนการนั่งรถเพราะเนื่องจากว่าบ้านของนัทนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมาก แค่เดินลัดเลาะไปตามทางด้านหลังก็ถึงแล้ว
ใช้เวลาเดินเท้าประมาณสิยนาทีในที่สุดเราก็ถึง นัทจัดการเปิดประตูรั้วก่อนจะพาพวกเราทั้งสามคนเข้าไป ลักษณะบ้านของนัทเป็นแบบบ้านเดี่ยวสามชั้นรอบๆมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ไม่น้อยอีกทั้งด้านข้างยังมีสระน้ำอีกด้วยดูๆแล้วนัทก็มีฐานะไม่น้อยเลยแหละ
ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านผมก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นมีโซฟาหรูสีดำวางไว้เป็นรูปตัวแอลและโต๊ะกระจกกับทีวีขนาดห้าสิบนิ้วติดผนัง ถัดไปด้านในเป็นบันไดขึ้นชั้นสองด้านหลังของบันไดเป็นห้องซักรีดและประตูทางออกไปด้านหลังบ้าน
“เดี๋ยวกูไปเอาเครื่องเพลย์ก่อน พวกมึงรออยู่นี่นะ”
พวกผมนั่งรอนัทอยู่ที่ห้องรับแขกระหว่างนั้นก็คุยเล่นกันไปพลาง ไม่นานนัทก็ลงมาพร้อมกับเครื่องเล่นเพลย์สเตชัน นัทจัดการเซ็ตเครื่องโดยมีพวกผมคอยช่วยหยิบจับ ในขณะที่พวกเรากำลังเซ็ตเครื่องเพลย์อยู่นั้นจู่ๆหางตาก็เหมือนเห็นอะไรบางอย่างเดินผ่านไปที่ด้านหลังของบันได ผมชะเง้อมองแต่กลับไม่เห็นอะไรเลย สงสัยคงจะตาฝาด
เวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าสามชั่วโมงผมหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังพบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว
“หกโมงแล้วว่ะ พวกมึงจะกลับกันเลยป่ะ”
ผมหันไปถามพวกเพื่อนแต่เหมือนว่าไม่มีใครดูสนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด แป๊กเอ่ยพูดขึ้นขณะที่กำลังจดจ่อกับเกมส์ตรงหน้า
“มึงจะรีบกลับไปไหนว่ะเบียร์ นี่พึ่งหกโมงเอง”
“กว่าจะกลับถึงบ้านมันจะดึกอ่ะดิ มึงก็รู้อยู่ว่าแถวนี้รถติดไปยันสองสามทุ่มอ่ะ”
ผมพยายามโน้มน้าวเพื่อนโดยเฉพาะไอ้แป๊กที่บ้านอยู่ระแวกเดียวกันกับผม
“ถ้ากลัวจะดึกมากนอนบ้านกูก็ได้นะ วันนี้ไม่มีใครอยู่ด้วย”
“นั่นดิ พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้วนอนบ้านเพื่อนสักวันมันจะเป็นอะไรไป”
ฟ้าและนัทพูดเสริมทัพ เอาจริงๆผมก็อยากนอนค้างนะ แต่ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆผมก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาซะอย่างนั้น อีกอย่างจะกลับไปคนเดียวก็ไม่ได้เพราะช่วงนี้พ่อกับแม่ผมต้องไปทำธุระต่างจังหวัดเลยต้องไปนอนค้างที่บ้านแป็กเอาง่ายๆก็คือถ้าแป๊กค้างผมก็ต้องค้าง
เวลาผ่านไปจนตอนนี้สามทุ่มพวกเราย้ายขึ้นมายังชั้นสองห้องของนัทเพื่อที่มาอาบน้ำเตรียมตัวที่จะเข้านอน ในขณะที่เรากำลังนั่งเล่นในห้องนั้นจู่ๆสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในกล่องที่อยู่บนชั้นหนังสือชั้นด้านบนสุด ผมยันตัวลุกจากเตียงเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือก่อนจะหยิบมันออกมาพบว่ามันคือแผ่นเกมส์ที่มีตัวอักษรตัวหนังสือสีแดงสดเขียนว่า Help me game ช่วยฉันจากการบูลลี่
“ดูอะไรอ่ะ”
นัทชะโงกหน้าเข้ามาดูสิ่งที่ผมถือก่อนจะหยิบจากมือผมเอาไปดู
“เกมส์อะไรวะ ไม่เคยเห็นเลย มึงเอามาจากไหน”
ผมชี้ไปที่ลังกระดาษที่อยู่ด้านบนสุดของชั้นหนังสือ นัทแหงนหน้ามองตามนิ้วชี้
“ไม่คุ้นเลย”
“ไม่ใช่ของมึงหรอวะ”
“ไม่อ่ะ กูจำได้ว่ากูไม่เคยซื้อแผ่นเกมส์นี้นะ” นัททำหน้าคิ้วขมวดก่อนจะมองแผ่นเกมส์ในมือ
ขณะที่เรากำลังยืนดูแผ่นเกมส์อยู่จู่ๆแป๊กก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาก่อนจะวิสาสะหยิบแผ่นเกมส์ในมือนัทไป
“เฮ้ย นี่มันเกมส์สยองขวัญนี่หว่า เล่นป่ะ”
แป๊กหันมาถามพร้อมกับทำสีหน้าตื่นตาตื่นใจต่างกับผมที่ทำหน้าเหมือนไม่โอเค ผมพยายามส่งซิกไปให้นัทแต่เหมือนจะไม่ได้ผล นัทตอบตกลงก่อนจะนำแป๊กตรงไปยังคอมพิวเตอร์ไปโดยมีผมกับฟ้าเดินไปสมทบทีหลัง
นัทจัดการหยิบแผ่นเกมส์ออกจากกล่องก่อนจะนำมันใส่เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีแจ้งเตือนแสดงขึ้นบนหน้าจอคอมฯว่าได้ทำการใส่แผ่นเกมส์เสร็จนัทขยับเม้าส์จัดการกดติดตั้งเกมส์ ระหว่างรอเราก็นั่งคุยเล่นไปพลางฟ้าที่กำลังว่างก็หยิบแผ่นเกมส์ขึ้นมาพลิกดู
“ด้านหลังมันมีคนเขียนว่าห้ามเล่นด้วย”
“ไหนเอามาดูดิ”
แป๊กเอื้อมมือมาหยิบแผ่นเกมส์จากมือของฟ้า ผมที่ยืนอยู่ข้างหลังนัทก็แอบชะโงกหน้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตัวหนังสือที่อยู่ด้านหลังกล่องด้วยปากกาเมจิกสีแดงที่เกือบจางที่เขียนว่า ห้ามเล่นเด็ดขาด
เสียงแจ้งเตือนจากคอมฯเรียกความสนใจให้พวกเราหันไปมอง หน้าต่างหนึ่งเด้งขึ้นมาแจ้งว่าเกมส์นี้ได้ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
นัทเลื่อนเม้าส์กดปุ่มเข้าโปรแกรมก่อนจะมีหน้าต่างหนึ่งเด้งขึ้นมา เป็นหน้าจอสีดำมีตัวหนังสือสีแดงโชว์หราอยู่กลางจอว่า Help me game ทันทีที่นัทกดปุ่มเพื่อเริ่มเล่นกจู่ๆก็ทีเสียงดังขึ้นคาดว่าน่าจะเป็นเสียงซาวด์ประกอบของเกมส์นั่นแหละ แต่เสียงของมันจะเรียกว่าเป็นเพลงก็ไม่ใช่เพราะเสียงของมันเหมือนกับอะไรสักอย่างที่กำลังเสียดสีกันจนปวดหูแถมยังมีเสียงโหยหวนอีกด้วย
ไม่นานหน้าจอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นภาพของตัวละครตัวหนึ่งที่ยืนอยู่หน้ารั้วโรงเรียน นัทขยับเก้าอี้ที่ตัวเองให้ได้นั่งได้อน่างถนัดก่อนจะจับเม้าส์และคีย์บอร์ดบังคับตัวละครให้เดินไปตามทางที่เกมส์กำหนด ข้างๆหน้าจอมีคำบรรยายแสดงขึ้นมาคาดว่านี่น่าจะเป็นการสอนเล่นเท่านั้น
พวกเราจดจ้องไปที่หน้าจอคอมฯดูการเล่นของนัท เนื้อเรื่องในเกมส์ก็จะประมาณว่าเราคือเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ที่นี่แต่เรานั้นไม่มีเพื่อนเลยอีกทั้งยังโดนเพื่อนในโรงเรียนบูลลี่อีก ซึ่งเราก็ต้องบังคับตัวละครในเกมส์ให้หนีให้พ้นจากบูลลี่ให้ได้ไม่งั้นเราจะตาย
เนื้อเรื่องมันอาจจะฟังดูง่ายไม่มีอะไรก็แค่เกมส์สยองขวัญทั่วไปแต่สำหรับผมพอได้ยินเนื้อเรื่องแล้วก็ถึงกับขนลุกขนชันไปทั้งตัวเลย รู้สึกว่าถ้าเราเล่นไม่ผ่านที่ว่าเราจะตายเหมือนจะเป็นพวกเราที่เล่นยังไงอย่างงั้นก็ไม่รู้
หลังจากจบการสอนเล่นนัทก็ลุกจากเก้าอี้เปลี่ยนมาให้แป๊กเล่นแทน ในขณะที่แป๊กกำลังเล่นเกมสอยู่นั้นผมกับนัทก็ย้ายมานั่งกันที่ปลายเตียงพลางเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ เรานั่งเล่นพลางพูดคุยกันอยู่นั้นจู่ๆไฟก็ดับขึ้นมาดื้อๆส่งผลให้คอมฯและแอร์ในห้องดับไปด้วยเช่นกัน
“อ่าว ไฟดับเฉย”
ทุกคนละสายตาหันมามองหลอดไฟนัทลุกจากเตียงก่อนจะไปลองกดที่สวิตช์แต่ไม่ว่าจะกดยังไงไฟก็ไม่ติดอยู่ดี
“เดี๋ยวกูไปเบคเกอร์ก่อนนะ”
นัทออกตัวเพื่อไปดูเบคเกอร์ก่อนที่ผมจะขอตามมันไปด้วย
“เดี๋ยวกูไปด้วย”
ผมกับนัทออกจากห้องเดินตรงไปยังเบคเกอร์ที่อยู่ตรงห้องเก็บของ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายส่งไปที่เบคเกอร์เพื่อให้ นัทเริ่มเช็คเบคเกอร์ทีละจุดพบว่าเหมือนว่าสายไฟจะโดนอะไรบางอย่างแทะจนเกือบขาดคาดว่าน่าจะเป็นพวกหนูนี่แหละ
นัทเดินหายเข้าไปในห้องเก็บของครู่นึงก่อนจะออกมาพร้อมกับเทปพันสายไฟสีดำม้วนหนึ่ง นัทเริ่มทำการพันสายไฟพร้อมกับเช็คเพื่อดูว่าไฟติดมั้ยปรากฎว่ามีเพียงแค่ไฟบางส่วนที่ติดเท่านั้น
“ทำไมมันติดไม่หมดอ่ะ”
ผมหันไปถามนัทที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็คเบคเกอร์อยู่
“อ๋อ ไฟบางสายมันเดินคนละเส้นน่ะ มึงทักไปถามพวกนั้นดิว่าไฟชั้นสองติดมั้ย”
ผมขยับมือที่จับมือถือก่อนจะกดเข้าแชททักไปหาสองคนนั้นโดยที่ยังต้องส่องไฟฉายให้นัท ไม่นานเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่ตอบกลับมา ผมกดเปิดแชทอ่านข้อความที่ฟ้าส่งมา
“ไอ้ฟ้าบอกว่าคอมฯติดแล้วแต่ไฟห้องยังไม่ติด”
นัทพยักหน้ารับก่อนจะหันไปเช็คเบคเกอร์ต่อ ระหว่างนั้นเองในขณะที่พวกผมยังคงจดจ่อกับการเช็คสาไฟกับเบคเกอร์จู่ๆก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากชั้นสอง ผมกับนัทรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องถึงกับช็อค เพราะภาพที่พวกเราเห็นก็คือแป๊กกำลังเอามือจับที่คอพร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ผมกับนัทตรงเข้าไปหาแป๊กแต่ก็ต้องผงะอีกครั้งเพราะข้างๆตัวของแป๊กเป็นฟ้าในสภาพนั่งคอพับตาเหลือกอ้าปากค้างเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดปริศนา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”
นัทสบถออกมาด้วยความช็อคสุดขีดก่อนจะค่อยขยับตัวเข้าไปเขย่าตัวฟ้าให้ตื่น
“อ๊าก!!!!!”
แป๊กเริ่มกรีดร้องอีกครั้งก่อนจะปล่อยเสียงเฮือกสุดท้ายและแน่นิ่งไป
“ไอ้แป๊ก!!! ไอ้แป๊ก!!”
ผมเขย่าตัวพร้อมกับเรียกมันแต่เมื่อมือไปจับเข้าที่หน้าอกผมก็ถึงกับช็อคเพราะหัวใจของแป๊กหยุดเต้นไปแล้ว
“มึง…ไอ้ฟ้า…ตายแล้ว”
นัทหันมาพูดกับผมพร้อมน้ำตา ผมที่ได้ยินดังนั้นเลยเดินไปหาฟ้าที่อยู่ที่เก้าอี้ข้างๆก่อนจะค่อยเอื้อมมือไปจับชีพจรพบว่ามันไม่เต้นแล้ว
“พวกมันแค่แกล้งเล่นใช่มั้ย”
นัทพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมมองเพื่อนทั้งสองที่แน่นิ่งในหัวของผมตอนนี้ขาโพลนไปหมด ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นว่าสองคนนี้อาจจะกำลังแกล้งพวกเราอยู่ก็ได้
เสียงหวนโหยจากคอมฯให้พวกเราหันไปมองภาพของหน้าจอเปลี่ยนไปกลายเป็นภาพของตัวละครที่กำลังยืนอยู่หน้ารั้วโรงเรียนเหมือนตอนเริ่มเกมในตอนแรก
“ไอ้นัทมึงปิดคอมก่อนดิ”
นัทหันไปจัดการปิดคอมฯแต่จู่ๆสีหน้าของนัทก็เปลี่ยนไป
“ไอ้นัทมึงเป็นอะไร”
ผมหันไปถามเมื่อเห็นสีหน้าของนัทเริ่มไม่ดี แต่ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปหาจู่ๆสายตาของผมก็เห็นอะไรบางอย่างที่ยืนอยู่ข้างๆนัท มันเป็นเงาสีดำรูปร่างคล้ายคนตัวใหญ่กำลังจับมือของนัทที่กำลังจับเม้าส์อยู่
นัทค่อยๆหันมาพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือ ทันใดนั้นเองจู่ๆตัวละครในเกมก็ขยับเดินไปตามทางผมหันไปหานัทก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อจะหยุดแต่จู่ๆเงาดำนั่นก็ผลักผมจนกระเด็นออกมา
ผมพยายามเข้าไปหยุดนัทไม่ว่าจะกี่ครั้งแต่ก็ถูกเงาดำนั่นผลักออกมาทุกครั้ง จนถึงช่วงหนึ่งบนหน้าจอตัวละครเหมือนกำลังถูกตัวละครอื่นในเกมถูกทำร้าย
ผมตะโกนเรียกนัทให้ได้สติแต่นัทกลับเอาแต่ร้องไห้ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกมา
“กูหยุดไม่ได้ มันบอกว่า…กูต้องเล่นให้จบ”
ผมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว พร้อมกับนึกประโยคที่นัทพูด จู่ๆภาพบางอย่างก็แฟลชแบ็คเข้ามาในหัวเป็นภาพตอนที่ผมเห็นตัวหนังสือที่ด้านหลังของแผ่นเกมที่เขียนว่าห้ามเล่น ในตอนนั้นผมเหมือนจะเริ่มประติดประต่ออะไรบางอย่างได้ คำเตือนก่อนเริ่มเกมที่บอกว่าต้องช่วยให้ตัวละครรอดจากการบูลลี่ให้ได้ไม่งั้นเราจะตายและเงาดำนั่นที่กำลังบังคับให้นัทเล่นเกมนั่นซึ่งนั่นก็อาจจะหมายความได้ว่าเงาดำนั่นอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นและเป็นคนสร้างเกมนั่นขึ้นมา
“นัท มึงทำตามที่กูบอกนะ”
“มึงจะช่วยกูใช่มั้ย” นัทพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“เออ”
ผมยันตัวลุกนั่งในก่อนจะจดจ้องไปยังหน้าจอคอมฯ เหมือนว่าตอนนี้ตัวละครในเกมส์ถูกขังในสถานที่ที่หนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ
“นัท มึงพังประตูห้องน้ำออกมา”
นัทพยักหน้ารับก่อนจะบังคับตัวละครให้พังประตูแต่เหมือนว่าจะพังไม่ได้
“เบียร์ มันพังไม่ได้”
“ลองดูแถวนั้นมีอะไรพอจะพังประตูได้มั้ย”
นัทบังคับตัวละครวนหาของที่อยู่ในห้องน้ำก่อนจะไปเจอบางสิ่งที่เป็นแท่งยาวๆ
“เบียร์กูเจอเหล็ก”
“เอาไอ้นั้นพังประตูเลย”
นัทบังคับตัวละครตรงไปยังหน้าประตูก่อนจะบังคับให้มันพังประตูโดยการกดคีย์บอร์ดย้ำๆจนในที่สุดประตูห้องน้ำในเกมส์ก็พังลงจนตัวละครสามารถออกมาได้ นัทบังคับตัวละครให้เดินต่อแต่จู่ๆก็มีตัวละครอื่นวิ่งตามมา
“มึงมันมีคนตาม”
“มึงไปวิ่งไม่เลยไม่ต้องหยุด”
“กูต้องวิ่งไปทางไหน”
“ห้องพักครู หรือห้องปกครองก็ได้”
นัทบังคับตัวละครให้วิ่งลงมายังชั้นสองแต่ในขณะนั้นตัวละครที่วิ่งตามก็ปาอะไรบางอย่างใส่หัว ขณะเดียวกันนัทก็ร้องออกมาจนต้องปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากคีย์บอร์ด
“นัท!! อย่าปล่อยมือ”
“แต่…”
“อย่าปล่อยเด็ดขาดไม่งั้นเราจะตาย”
นัทพยักหน้ารับก่อนจะกลับไปบังคับตัวละครในเกมส์ต่อ ในที่สุดตัวละครนั้นก็มาถึงยังห้องหนึ่งที่เหมือนห้องพักครูส่งผลให้ตัวละครอื่นๆที่วิ่งตามถอยหนีกลับไป
เนื้อเรื่องในเกมดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงหนึ่งซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงวิชาพละ ตัวละครชายหนุ่มในชุดพละยืนอยู่ข้างสระน้ำและจู่ๆก็ถูกผลักลงน้ำไป ตัวละครตะเกียกตะกายอยู่ในสระน้ำขณะเดียวกันเหมือนว่านัทจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปเหมือนเขากำลังจะหายใจไม่ออกเหมือนคนกำลังจมน้ำเลย
“นัท บังคับให้มันว่ายไปตรงกลางแล้วกดเครื่องปล่อยเสียงที่เก็บมาเลย”
“เฮือก…”
นัทเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่เหมือนเขาจะใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว ผมยืนขึ้นรีบรุดพุ่งตัวเข้าไปจับมือของนัทก่อนจะกดปุ่มบังคับตัวละครให้กดเครื่องส่งสัญญาณฉุกเฉินทันที
ไม่นานภาพบนจอก็ตัดไปเป็นภาพของอาจารย์คนหนึ่งและนักเรียนคนอื่นวิ่งมายังสระก่อนที่อาจารย์คนนั้นจะกระโดดลงมาช่วยให้ตัวละครชายหนุ่มคนนั้นรอดในทันเวลา เนื้อเรื่องดำเนินจนมาถึงจุดจบนักเรียนชายสามคนที่ทำการบูลลี่ชายหนุ่มในเรื่องถูกไล่ออกจากโรงเรียนและถูกส่งตัวไปยังสถานกักกันเด็กและเยาวชน ส่วนชายหนุ่มหรือตัวละครที่เราบังคับนั้นก็รอดจากการบูลลี่และได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนั้นเอง
ตัวหนังสือบนหน้าจอโชว์ขึ้นว่า You are Free ที่แปลได้ว่าคุณเป็นอิสระแล้ว จังหวะเดียวกันนัทเริ่มกลับมาหายใจได้อย่างปกติ นัทสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยมือออกจากคีย์บอร์ดและเม้าส์ก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยความโล่งใจ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆพบว่าเงาดำนั่นได้หายไป แป๊กและฟ้าที่ตอนแรกสภาพไม่ต่างกับคนตายก็ฟื้นกลับมาพร้อมกับร้องไห้ด้วยความกลัว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นพวกผมก็นัดกันไปทำบุญในวันต่อมาพร้อมกับนำแผ่นซีดีนั่นเอาไปทำพิธีทำลาย ส่วนคอมพิวเตอร์นั้นนัทก็ได้จัดการล้างเครื่องและทำการขายต่อร้านรับซื้อคอมฯเพราะเขาบอกว่าไม่อยากจะเก็บมันเอาไว้เพื่อตอกย้ำเหตุการณ์ไม่ดีในคืนนั้นอีก
โฆษณา