กรณีศึกษา QH บริษัทอสังหาฯ ที่กำไรเกินครึ่ง มาจากธุรกิจอื่น
บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เป็นบริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี และมีกำไรหลัก 2,000 ล้านบาทต่อปี
โดยมีโครงการที่เราคุ้นเคย ทั้งโครงการบ้านจัดสรร, คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน คิวเฮ้าส์ ลุมพินี
แต่นอกจากจะพัฒนาอสังหาฯ แล้ว QH ยังได้เข้าไปลงทุนในบริษัทต่าง ๆ จนทำให้ปัจจุบัน กำไรที่ได้จากการไปลงทุนนั้น มากกว่าธุรกิจดั้งเดิมที่ QH ทำอยู่เสียอีก
บริษัทเหล่านั้นมีธุรกิจอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หลายคนคงรู้จัก QH ในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ผ่านโครงการจำนวนมาก เช่น
- บ้านเดี่ยว ในแบรนด์ลัดดารมย์ หรือ Q District
- คอนโดมิเนียม ในแบรนด์ The Trust Condo
- อาคารสำนักงาน คิวเฮ้าส์ ลุมพินี และเพลินจิต
ซึ่งผลประกอบการ 5 ปีที่ผ่านมา
QH มีรายได้อยู่ในช่วง 8,000-16,000 ล้านบาท
และมีกำไรอยู่ในช่วง 1,600-3,800 ล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า แทนที่กำไรส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจอสังหาฯ แต่ปัจจุบัน QH มีกำไรจากบริษัทที่ไปลงทุน มากกว่าธุรกิจหลักของบริษัทเสียอีก
โดยถ้าเปรียบเทียบระหว่าง กำไรสุทธิ กับ กำไรจากบริษัทร่วม ของ QH จะเป็นดังนี้
ปี 2563
กำไรสุทธิ 2,123 ล้านบาท
กำไรจากบริษัทร่วม 1,530 ล้านบาท
ปี 2564
กำไรสุทธิ 1,670 ล้านบาท
กำไรจากบริษัทร่วม 1,382 ล้านบาท
ปี 2565
กำไรสุทธิ 2,396 ล้านบาท
กำไรจากบริษัทร่วม 1,586 ล้านบาท
จากงบการเงินจะเห็นว่า ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ที่ QH เข้าไปลงทุน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของกำไรสุทธิ
แล้วบริษัทที่ QH ได้เข้าไปลงทุน มีอะไรบ้าง ?
ทำไมถึงสามารถสร้างผลกำไรได้มากขนาดนี้
1. ธนาคารพาณิชย์ “LH Bank”
โดย QH ถือหุ้นในสัดส่วน 13.74%
2. ธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ โฮมโปร หรือ “HMPRO”
โดย QH ถือหุ้นในสัดส่วน 19.87%
3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
- “QHPF” กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสิทธิในการปล่อยเช่าอาคารสำนักงาน
โดย QH ถือหุ้นในสัดส่วน 25.66%
- “QHHR” กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสิทธิในการเป็นเจ้าของและสิทธิในการปล่อยเช่าโรงแรมและที่พักอาศัย โดย QH ถือหุ้นในสัดส่วน 31.33%
ถ้าเราเจาะลึกลงไป จะพบว่า บริษัทที่เรียกได้ว่า มีนัยสำคัญต่อ QH อย่างมาก ก็คือ HMPRO หรือเจ้าของห้างโฮมโปรที่เรารู้จักกันดี
ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมา QH ได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก HMPRO มากถึง 1,235 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของ QH ที่ 2,396 ล้านบาท
ก็เท่ากับว่ากำไรที่ได้จาก HMPRO เป็นสัดส่วนเกินครึ่งเลย
นอกจากนั้น มูลค่าหุ้น HMPRO ในสัดส่วนที่ QH ถืออยู่ ยังมีมูลค่ามากกว่า มูลค่าของ QH ทั้งบริษัทอีกด้วย
โดยปัจจุบัน HMPRO มีมูลค่าทั้งบริษัท 189,000 ล้านบาท
หากคิดที่สัดส่วน 19.87% แปลว่า มูลค่าหุ้น HMPRO ที่ QH ถืออยู่ จะมีมูลค่า 37,550 ล้านบาท
มากกว่า QH ทั้งบริษัท ที่มีมูลค่าบริษัท 25,900 ล้านบาท เสียอีก
แปลว่าตลาดให้มูลค่าธุรกิจหลักของ QH เป็นมูลค่าติดลบ ซึ่งมีเหตุผลมาจากหลายปัจจัย ก็คือ
- ถ้า QH ขายหุ้น HMPRO ก็จะเสียภาษี 20% จากกำไร
- ใน QH มีหนี้สินเป็นจำนวนมาก
- QH ทำธุรกิจที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตลาดไม่ชอบธุรกิจนี้
อย่างไรก็ตาม การที่ QH มีมูลค่าของ HMPRO ซ่อนอยู่ ทำให้การลงทุนในบริษัท HMPRO นั้น เหมือนเป็นการลงทุนแบบ VI หรือ Value Investing อย่างที่ใครหลายคนกล่าวถึง
จากกรณีของบริษัท QH ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีจาก HMPRO นั้น ทำให้เรารู้ว่า การที่เราเลือกหุ้น หรือลงทุนในบริษัทที่ดีอย่าง HMPRO แล้วถือหุ้นไปเรื่อย ๆ
วันหนึ่งบริษัทนั้น อาจกลับมาสร้างผลตอบแทนให้เรา โดยที่เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้..
เปิดบัญชีหุ้นกับ Finansia ที่มีชื่อเสียงในการจัดสรรหุ้น IPO ให้กับลูกค้า หากเราอยากลงทุนซื้อหุ้น ร่วมเป็นเจ้าของกิจการในตลาดหุ้นไทย เราสามารถเปิดบัญชี Finansia ง่าย ๆ อนุมัติไวภายใน 8 นาที คลิกได้ที่ลิงก์ bit.ly/FinansiaxLongtunman
- 20
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
