12 เม.ย. 2023 เวลา 00:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
โรงเรียน​สุรธรรมพิทักษ์

บทที่ 11 ธุรกิจที่ใช่

สวัสดีครับผมวุฒิ Infinity กลับมาพบกันแล้วอีกครั้งนะครับสำหรับหนังสือ "นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์" หนังสือสำหรับคนที่อยากเล่นหุ้นมือใหม่ สอนลงทุนแบบเน้นคุณค่า ขั้นพื้นฐาน
ขอขอบคุณหนังสือ "นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์"
เขียนโดย : ฌอนเชียร์
แปลโดย : พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย และ เมษ์ยางประยงค์
ก่อนจะไปรับชมบทความเช่นเคยครับเทคนิคเคล็ดลับ
smv 6 ข้อ ของผู้หญิง ดึงดูดผู้ชาย
1 สวยน่ารัก
2 อายุน้อย
3 จิตใจอ่อนโยน
4 ให้ความสงบกับผู้ชายเป็น
5 สนับสนุนสามี
6 รับผิดชอบการกระทำผิดของตัวเอง
ฝากติดตามเพจของผมด้วยนะครับหากคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักอ่าน ทุกท่าน พร้อมกันแล้วมาเข้าเนื้อหากันเลยครับ
ระหว่างที่นั่งดื่มด้วยกัน ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยเรื่องราวในชีวิตของตน ชายชราเล่าเรื่องที่เขาลงทุนซื้อหุ้นตัวแรกอายุ 11 ปี โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยทำงานหนักด้วยการขายโค้กให้กับนักท่องเที่ยว เริ่มธุรกิจตู้พินบอล และอีกหลายอย่างที่เขาพยายามหาเงินด้วยตนเอง เพื่อเริ่มต้นสะสมเงิน
"ก่อนที่จะได้พบกับศาสตราจารย์เบน ฉันยังไม่รู้วิธีในการเลือกหุ้นเลย จนเมื่อฉันได้อ่านหนังสือของเขา ราวกับว่าข้อความของเขาคือรหัสไขตู้นิรภัยที่เต็มไปด้วย 'ความลับ' เขาได้เปิดโลกใหม่ทั้งใบให้กับฉัน มันคือโลกที่ฉันกำลังค้นหา"
ฌอนร้องออกมา "ศาสตราจารย์ของคุณสอนวิธีซื้อธุรกิจหรือครับ? ศาสตราจารย์ของผมบอกว่าอย่าได้ลองทำเลย"
ชายชราหัวเราะ "เจ้าลูกชาย โรงเรียนให้รางวัลพฤติกรรมที่ซับซ้อน ดังนั้นศาสตราจารย์หลายคนถูกฝึกมาให้สอนสิ่งที่เธอไม่น่าจะสามารถใช้งานได้ให้กับเธอฉันคิดว่าจริงๆ แล้ว ศาสตราจารย์ของเธอที่ให้คำเตือนนั้นเป็นศาสตราจารย์แบบนั้น ส่วนศาสตราจารย์เบนเป็นศาสตราจารย์อีกแบบหนึ่ง เขาทำตามที่เขาสอน และเป็นหนึ่งในนักลงทุนและนักธุรกิจชั้นยอดในยุคของเขาเลยล่ะ จริงๆ แล้ว เขาคือ บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value investing)
ซึ่งเป็นวิธีที่เราใช้ในการซื้อธุรกิจ แต่ไม่ใช่ธุรกิจอะไรก็ได้ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะซื้อซื้อเฉพาะธุรกิจที่จะทำให้เรารวย"
ฌอนรู้สึกว่าความอยากรู้อยากเห็นของเขากำลังล้นปี่ขึ้นมา เขาหิวหวยที่จะรู้มากกว่านี้ "และธุรกิจแบบไหนครับที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะซื้อ?"
ชายชราหันมาและยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเขาต้องการให้ฌอนจดบันทึกสิ่งที่เขากำลังจะอธิบาย
ฌอนรับทราบและตอบสนองด้วยการนั่งหลังตรง พร้อมที่จะซึมซับและเรียนรู้
"ในตอนเริ่มต้น เรามุ่งซื้อธุรกิจที่มีราคาถูก ซึ่งก็คือธุรกิจที่ขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) บอกตามตรง ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจพื้นฐานธุรกิจด้วยซ้ำ สิ่งที่เราสนใจคือการซื้อของ 1 ดอลลาร์ ในราคา 50 เซนต์ ถ้าธุรกิจมีมูลค่าตามบัญชีในงบดุล 100 ล้านดอลลาร์ และขายในราคา 50 ล้านดอลลาร์ เราก็จะซื้อมากที่สุดเท่าที่เราจะซื้อได้
ในยุคนั้น ฉันได้ซื้อหุ้น Western Insurance, Geiko, RockWood and Company, Philadelphia และ Reading Coal & Iron Company เพราะตอนนั้นนายตลาดเสนอขายหุ้นเหล่านี้ในราคาส่วนลด ฉันเลยต้องซื้อหุ้นเหล่านี้เข้ามา"
"ตัวอย่างคลาสสิคอันหนึ่งก็คือ ชั้นซื้อหุ้น Union Street Railway ในปี 1953 ยูเนียนสตีร ทำธุรกิจให้บริการรถบัสใกล้เมือง New bestford ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนเรา 120,000 คน โดยเป็นเจ้าของรถบัสทั้งหมด 113 คัน จริงที่ฉันพบคือ ตรงสินทรัพย์หมุนเวียนที่ประกอบด้วย เงินสด และตราสารรัฐบาลสหรัฐฯ มีมูลค่า 969,363 ดอลลาร์ หรือ 52.79 ดอลลาร์ ต่อหุ้น เมื่อรวมเข้ากันแล้วบริษัทนี้มีเงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดที่ปราศจากหนี้อยู่ถึง 106.50 ดอลลาร์ ต่อหุ้น"
"และทายดูซิว่า ในตลาดเสนอขายหุ้นตัวนี้ที่ราคาละเท่าไหร่ 30 ดอลลาร์ ต่อหุ้นเท่านั้น ถ้าเป็นเธอ เธอจะซื้อมันไหม?"
"ฉันใช้วิธีนี้จนถึงต้นทศวรรษ 1960 และทำเงินให้ฉันหลายล้านดอลลาร์เลยล่ะ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป เราก็เริ่มมองธุรกิจแตกต่างไป ฉันได้ปรับใช้ปรัชญาของ 'ฟิชเชอร์' และออกหาปลาในธุรกิจที่ดีจนถึงยอดเยี่ยม ในราคาสมเหตุสมผลด้วยวิธีเก่าที่ซื้อธุรกิจราคาถูก เราทำงานได้หลายล้าน แต่ด้วยวิธีใหม่ เราทำเงินได้หลายพันล้าน
คำว่า "พันล้าน" กล้องในหูของฌอน เขาเริ่มสงสัยว่าชายชราคนนี้คือใครกันแน่ ทำไมเขาหลงไหลในเรื่องเงินขนาดนี้? และที่สำคัญกว่าสำหรับฌอนแล้วเขาจะสามารถทำผลงานได้เหมือนกันหรือไม่? แต่ก่อนที่ชอนจะพูดหรือถามอะไรออกไป ชายชราก็ยื่นเบ็ดตกปลาให้เขา
บันทึกของผู้เขียน
มูลค่าทางบัญชีของบริษัท
เบญจมิน เกรแฮม ได้อธิบายว่า มูลค่าทางบัญชีของธุรกิจนั้น คล้ายกับความมั่งคั่ง สุทธิของบุคคล
ตัวอย่างเช่น ถ้าคนมีเงินในธนาคาร 10,000 ดอลลาร์ เป็นเจ้าของบ้านมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ และเวลาเดียวกัน เธอมีสินเชื่อจำนองบ้านอยู่ 60,000 ดอลลาร์ ความมั่งคั่งสุทธิของเธอจะเป็นเท่าไหร่?
วิธีคำนวณความมั่งคั่งสุทธิก็คือ เราสมมุติว่า ถ้าเธอขายสินทรัพย์ทั้งหมดและจ่ายชำระหนี้สินทั้งหมด เงินที่ยังเหลืออยู่ก็คือความมั่งคั่งสุทธิของเธอ
ดังนั้น ในกรณีนี้ เมื่อขายบ้านไปและจ่ายชำระยอดหนี้บ้านคงค้างทั้งหมด แล้วยอดเงินที่เหลือเท่ากับ 100,000 - 60,000 เท่ากับ 40,000 ดอลลาร์
และอย่าลืมว่า เธอยังมีเงินฝากอีก 10,000 ดอลลาร์ ในธนาคาร ดังนั้น ความมั่งคั่งสุทธิของเธอก็คือ 40,000 บาทบวก 10,000 = 50,000 ดอลลาร์
เมื่อต้องการหามูลค่าทางบัญชีของบริษัท คุณสามารถหาได้ง่ายๆ ด้วยการเอาทรัพย์สินทั้งหมด รวมเงินสด หักด้วยสินทรัพย์ทั้งหมด และที่ต่างจากวอร์เรนคือ เราอาจจะไม่มีเงินจะซื้อธุรกิจทั้งหมด ดังนั้นเราจึงต้องดูที่มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นแทน ซึ่งก็คือมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
ดังนั้น แนวคิดการซื้อธุรกิจราคาถูก ก็คือการซื้อธุรกิจที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ลองคิดดูว่า คุณสามารถซื้อความมั่งคั่งสุทธิของคนคนหนึ่งซึ่งเท่ากับ 50,000 ดอลลาร์ ในราคาเพียง 25,000 ดอลลาร์ นี่ไม่คุ้มค่าเงินหรอกหรือ?
ส่วนที่ยากก็คือ ความสามารถในการวิเคราะห์และบอกมูลค่าของทรัพย์สินอย่างถูกต้อง นี่คือสาเหตุว่าทำไมมูลค่าของหุ้นมักเป็นเพียงค่าโดยประมาณ และนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจากกำหนดค่าเผื่อความผิดพลาดเอาไว้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safty)
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้พัฒนาจากวิธีการนี้ ดังนั้น ขณะที่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่ายังคงมองหุ้นว่าคือธุรกิจ มูลค่าทางบัญชีไม่ได้เป็นปัจจัยตัดสินใจเพียงปัจจัยเดียว อ่านบทต่อไปเพื่อค้นหาว่าธุรกิจแบบไหนที่เราควรซื้อในฐานะนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ก็จบลงไปแล้วนะครับสำหรับบทที่ 11 ธุรกิจที่ใช่ เรื่องราวกำลังเข้มข้นเข้าสู่เนื้อหาสาระ ถ้านักอ่านยังอ่านไม่เข้าใจขอให้เปิดย้อนกลับไปอ่านย้อนหลังดูนะครับ แล้วบทความต่อไปจะมาอัพเดทให้ ในโอกาสหน้า ช่วงนี้อากาศร้อน ดื่มน้ำกันเยอะๆนะครับ เดี๋ยวเป็นโรคฮิตสโตรก ฝากติดตามเพจของผมด้วยครับ ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ต่อนักอ่านทุกท่าน" การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนลงทุน" สำหรับวันนี้ วุฒิ Infinity ลาไปก่อนสวัสดีครับ
ติกต๊อก : tiktok.com/@wutinfinity7
โฆษณา