The Godfather
หลังจากยืดเยื้อมานานเพราะความหนากว่า 500 หน้าจนมีกระโดดไปอ่านเกรย์แมนจบไป 3 เล่ม ต่อด้วยหนังอีก 1 และซีรีส์อีก 1 ในที่สุดเราก็มีเวลาอ่านจบจนได้สำหรับ #เดอะก๊อดฟาเธอร์ นิยายมาเฟียขึ้นหึ้งที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด หนังสามเรื่องที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นตำนานเช่นกัน
รูปเล่มสวยๆนี้เป็นฝีมือของทีมงาน Matichon Book - สำนักพิมพ์มติชน ส่วนองค์ประกอบด้านข้างนั้นเป็นผลงานการสะสมของเราเอง เสียดายที่ไม่มีเฟรดดีนะ แต่รุ่นเก่าก็หายากเหลือเกิน นี่ที่ได้มาก็เพราะทำใหม่เนื่องในโอกาสครอบรอบ 50 ปีนะเนี่ย 😆
เอาล่ะ กลับมาที่หนังสือกันต่อดีกว่า นี่คือเรื่องราวชีวิตของครอบครัวคอร์เลโอเนในยุคที่มี "ดอน วีโต้ คอร์เลโอเน" เป็นหัวหน้าครอบครัว เขาคือมาเฟียซิซิเลียนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในนิวยอร์ก เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนมากมายจนได้สมญาว่า "ก๊อดฟาเธอร์" ดอนเป็นคนฉลาด ใจเย็น มีเหตุมีผล และมีท่าทางนุ่มนวลนอบน้อม แต่ภายใต้กิริยาเช่นนั้นกลับซุกซ่อนความน่าหวาดหวั่นเอาไว้
ข้าจะยื่นขอเสนอที่มันปฏิเสธไม่ได้
คือประโยคที่ดอนมักกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่มาขอความช่วยเหลือว่าเขาจะทำได้จริงดั่งที่รับปากไว้ทุกประการ เพราะดอนเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดและจะไม่สัญญากับใครแบบพล่อยๆ ดังนั้นทุกสิ่งที่เขาเอ่ยว่าเขาจะจัดการดูแลให้ ไม่ว่ามันจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้แค่ไหน เขาก็จะทำมันได้สำเร็จเสมอ
หนังสือเล่มนี้จะไม่ได้ผลีผลามพาเราเข้าไปคลุกวงกับเรื่องราวในวงการอาชญากรรมใต้ดิน แต่จะค่อยๆเผยแง่มุมของ "ธุรกิจ" เหล่านี้ทีละนิดทีละหน่อย พาเราย้อนไปในอดีตบ้าง ออกนอกเรื่องหลักไปปูพื้นให้ตัวละครรองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทของพวกเขาในเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้บ้าง บอกก่อนว่าเตรียมสมองไว้ให้ดี เพราะนอกจากเนื้อหาจะเข้มข้นแล้ว ตัวละครก็เยอะมากเช่นกัน 55555
ผู้เขียนจะพาเราไปสำรวจมุมมองที่แก๊งสเตอร์เหล่านี้มีต่อโลกภายนอก เห็นอิทธิพลและผลประโยชน์ที่โยงใยกันยุ่งเหยิงวุ่นวายในฉากหลัง แต่ก็พร้อมจะทรยศกันเพื่อเงินก้อนที่ใหญ่กว่า น่าตลกดีที่มาเฟียส่วนใหญ่ก็เกิดจากการรวมตัวกันเพราะทนสภาพสังคมที่เน่าเฟะไม่ไหว เกิดจากการพยายามต่อต้านสิ่งที่ไม่เป็นธรรม แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเป็นอธรรมเสียเอง
แล้วทำไมพวกเขาถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? ก็เพราะสังคมที่แหลกเหลวนั้นไม่มีพื้นที่ให้กับคนดีมือสะอาด ถึงแม้คุณจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่วันดีคืนดีก็อาจโดนจับโยนเข้าตะรางโดยที่กฎหมายหรือใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ หรือหนักกว่านั้นคือถูกปล้นความยุติธรรมโดยกระบวนการยุติธรรมเองเพราะมีเส้นสายกับเงินไม่มากพอ ทางเดียวที่คนเหล่านี้จะทวงความยุติธรรมได้คือต้องลุกมาสู้แบบหมาจนตรอก ห้ำหั่นกันให้พินาศไปข้างเท่านั้น
ถ้าให้เทียบกับหนัง ตัวหนังสือนี่น่าจะเป็นเนื้อหาของสองภาคแรก เพราะไม่ได้เล่าถึงอาณาจักรคอร์เลโอเนในยุคหลังจากดอน แต่แค่นี้ก็นับว่าจุใจมากแล้ว คนอ่านจะได้รับรู้เรื่องราวตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของครอบครัวเรื่อยมาจนถึงยุครุ่งเรืองที่สุด ก่อนจะค่อยๆเสื่อมถอยลงตามสังขารของผู้ก่อตั้ง และเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านไปยังคนรุ่นต่อไป
ที่เราชอบคือเราได้เห็นเหตุผลในการก้าวเข้ามามีบทบาทในครอบครัวของ "ไมเคิล" มากขึ้น คือตอนดูหนังเรายังไม่เข้าใจว่าอะไรที่ผลักดันให้ไมเคิลที่วิ่งหนีธุรกิจของครอบครัวมาตลอดเลือกที่จะรับสืบทอดตำแหน่งนี้ พออ่านหนังสือถึงได้เข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่การทนเห็นครอบครัวอยู่ในสภาพอ่อนแอไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขาได้ไปสัมผัสแล้วว่าการถูกตามล่าและไม่สามารถป้องกันตัวได้เลยเป็นอย่างไร
ไมเคิลได้รับบทเรียนเดียวกันกับที่พ่อเขาเคยได้รับตอน 12 ขวบ เขาต้องสูญเสียคนที่รักไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขารู้ว่าชีวิตของเขาจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว เขาจะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆไปตลอดเวลาที่ยังหายใจบนโลก เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเสริมเขี้ยวเล็บตัวเองให้แกร่งกว่าศัตรู แล้วออกล่ามันก่อนที่มันจะฆ่าเขาและคนที่เขารัก นั่นคือสาเหตุที่เขาขอกลับไปเป็นลูกชายของพ่อ ก้าวเท้าเข้าสู่โลกสีเทาที่เขาหันหลังให้ตลอดมา
เพราะนี่เป็นเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
อีกหนึ่งคำกล่าวที่เป็นตำนานของนิยายเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้วมันก็อย่างที่ไมเคิลเคยว่าไว้ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่แสร้งว่าเป็นเรื่องธุรกิจ เพราะมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ต่อให้จะยกเหตุผลร้อยแปดมาบังหน้าเพื่อหาความชอบธรรม สุดท้ายแล้วเราก็พ่ายแพ้ให้แก่ความต้องการเบื้องลึกในใจของเราอยู่วันยังค่ำ
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องราวของโลกธุรกิจใต้ดิน แต่คือเรื่องราวของความทะเยอทะยานและความโลภ มิตรภาพและการทรยศ ความแค้นและการล้างแค้น เพราะคนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายท่ามกลางควันปืนและกองเลือดเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ อย่างน้อยก็ในชั่วขณะนั้น
ปล.อ่านจบแล้วนั่งคิดอยู่นานจะเขียนดีไหมเพราะยาวแน่นอน สรุปก็ตัดสินใจเขียนให้มันจบๆไป ดูเวลาอีกทีจะตีสองแล้ว มิน่าถึงได้ง่วงนัก 55555 🤣
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
