เรื่องนักชกมวยไทยชาวบราซิล เปลี่ยนใจไปหาเขมร ตอนนี้ได้ข้อสรุปทุกอย่างแล้ว
นักชกชาวบราซิล ประกาศว่า "มวยไทยแท้จริงแล้วมาจากเขมร" พร้อมทั้งประกาศตัวขอเป็นนักสู้กุน ขแมร์ สุดท้ายโดนองค์กรมวยไทยโลก สั่งริบแชมป์และแบนตลอดชีวิต เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรก
ติอาโก้ เตเซร่า เป็นคนบราซิล ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 10 ปี เคยได้แชมป์เกี่ยวกับมวยไทย 4 เส้น และลงชกมวยไทยมากกว่า 100 ไฟต์ เป็นคนที่ผูกพันกับมวยไทยมานานมากจริงๆ
ติอาโก้ ฝึกกับครูมวยชื่อ ราล์ฟ บีล ที่ WMC ละมัยแคมป์ บนเกาะสมุย จากนั้นก็พัฒนาฝีมือตัวเองมาเรื่อยๆ แล้วเปิดค่ายมวยของตัวเองขึ้นชื่อ Super 8 Muay Thai มีลูกศิษย์ชาวต่างชาติมากมาย จากนั้นติอาโก้ก็ผันตัวเป็นโปรโมเตอร์ จัดการแข่งขันบนเกาะสมุยด้วย
ด้วยความที่มวยไทยผูกพันกับชีวิต เขาจึงสักคำว่า "MUAY THAI" ที่กลางหลัง ส่วนชื่อในอินสตาแกรม ก็ใช้ชื่อว่า thiago.muaythai
ถามว่าติอาโก้ ฝีมือเป็นอย่างไร ? ก็โอเค แต่ไม่ได้เป็นมวยระดับซูเปอร์สตาร์ ลงแข่งไทยไฟต์ก็แพ้ตลอด แต่เจ้าตัวมีความมุมานะในอาชีพ จึงเดินสายไปแข่ง ตามประเทศต่างๆ อยู่ตลอด เขาเคยไปต่อยกุนแขมร์ ที่กัมพูชาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน รวมถึงล่าสุดปีที่แล้ว ก็ไปชกคิกบ็อกซิ่งที่เยอรมันด้วย อะไรที่ทำเงิน คือไปหมด
ดราม่าของเรื่องติอาโก้ มีจุดเริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างมวยไทย กับ กุน ขแมร์ ที่รุนแรงอย่างมาก
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2566 กัมพูชาประกาศว่าในซีเกมส์ที่จะเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายนนี้ จะ "ขอเปลี่ยนชื่อ" กีฬามวยไทยในการแข่งขันเป็น กีฬากุน ขแมร์
นี่เป็นเรื่องประหลาด เพราะกีฬาชื่อมวยไทย ชิงเหรียญทองมาแล้วในซีเกมส์ 3 ครั้งหลังสุด แต่วันดีคืนดี กัมพูชาบอกว่า ขอเปลี่ยนชื่อ มาใช้กุน ขแมร์แทนนะ โดยกฎกติกาทุกอย่างเหมือนมวยไทยเป๊ะ แค่เปลี่ยนชื่อเฉยๆ
กัมพูชาอ้างว่า ศิลปะการต่อสู้ใช้เท้า ใช้หมัด มันก็เหมือนกัน รวมถึงอ้างว่า กัมพูชาคือต้นตำรับที่แท้จริงของศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ ไปดูที่กำแพงนครวัดก็ได้ แล้วทำไมกัมพูชาจะใช้ชื่อ กุน ขแมร์ ในการแข่งซีเกมส์ไม่ได้
แน่นอน ฝ่ายมวยไทยไม่ยอม เพราะกว่ามวยไทยจะสร้างเอกลักษณ์ สร้างตัวตนขึ้นมา มันไม่ง่าย กฎกติกาทุกอย่างใช้เวลานานมากกว่าจะคิดค้นขึ้นมาให้ลงตัวที่สุด การที่มวยไทยเป็น Soft Power ที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของคนในอุตสาหกรรมมาเป็นสิบๆ ปี
แล้วจู่ๆ เมื่อชื่อ "มวยไทย" ติดลมบนแล้ว วันหนึ่งกัมพูชาจะมาอ้างว่า "ชื่ออะไรก็เหมือนกัน" ขอเปลี่ยนชื่อ แล้วเคลมเครดิตไปง่ายๆ แบบนี้ ใครมันจะไปยอม
ถ้ากุน แขมร์ อยากโด่งดังในระดับนานาชาติ ก็ไปสร้างตัวตนขึ้นมาสิ หากฎกติกาของตัวเอง ไม่ใช่มาขอเปลี่ยนชื่อกันง่ายๆ แบบนี้
ลองเปรียบเทียบว่า ว่าถ้ากีฬาเทควันโด้ เขาแข่งขันกันมานานด้วยชื่อนี้ แล้วกัมพูชาบอกว่า อ๋อ ประเทศเราก็มีการต่อสู้แบบเตะๆ เหมือนกัน แล้วขอเปลี่ยนชื่อเป็น ขแมร์คิก ถามหน่อยว่าเกาหลีใต้ต้นตำรับเขาจะยอมหรือ
เมื่อมวยไทยไม่ยอม ส่วนกุน ขแมร์ก็ไม่หยุด จึงเกิดสงครามเย็นอย่างรุนแรงขึ้นระหว่างสองฝ่าย นั่นคือ ถ้านักมวยไทยคนไหน ซัพพอร์ทหรือเห็นชอบ การมีตัวตนของกุน ขแมร์ จะโดนถล่มยับ และถูกเชิญให้ไปอยู่ทางนั้นเลย
ถ้าย้อนกลับไปดูในอดีต ตอนที่ กุน ขแมร์ ยังสงบเสงี่ยม และบอกว่า กุน ขแมร์ คือสไตล์การต่อสู้แขนงหนึ่งที่ไม่ใช่มวยไทย ปัญหานั้นไม่เคยมีเลย และคนไทยก็พอยอมรับกันได้ด้วย
ตัวอย่างเช่น ในปี 2564 นักสู้กัมพูชาชื่อ เลา เชตรา ลงแข่งในศึก One Championship กราฟฟิกของรายการขึ้นว่า ชกมวยไทยด้วยสไตล์กุน ขแมร์ ก็ไม่ได้มีดราม่าอะไร
หรือในปีที่แล้ว ในศึกไทยไฟต์ ทูน เทียรา นักมวยจากกัมพูชาสับศอกน็อค ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง เลือดอาบตั้งแต่ยก 1 ในวันนั้น องค์กรมวยไทยโลก (WMO) ก็ยังขึ้นเครดิตยอมรับฝีมือ
ถ้าหากกัมพูชา ยอมรับว่ากุน ขแมร์ กับ มวยไทย มันไม่เหมือนกัน เป็นสองชนิดกีฬาที่มีศาสตร์ต่อสู้ต่างกันชัดเจน ก็คงว่าไปอย่าง แต่พอรัฐบาลกัมพูชาประกาศว่า มวยไทยก็คือกุน แขมร์ ที่ใช้ชื่ออื่นเฉยๆ แบบนี้ใครมันจะยอมรับได้
เอาล่ะ ทีนี้ มันเชื่อมโยงกับ ติอาโก้ เตเซร่า ตรงไหน?
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 กัมพูชา จัดการแข่งขัน IPCC ชิงแชมป์โลกกุน ขแมร์ ที่เมืองสวายเรียง ปรากฏว่า ติอาโก้ตัดสินใจบินไปร่วมแข่งขันด้วย ทั้งๆ ที่ประเด็นเคลมเครดิตระหว่างสองชาติยังคงร้อนแรงอยู่ จึงเกิดคำถามที่ตัวติอาโก้ว่า เฮ้ย คุณจะเอายังไง หากินกับมวยไทย สักหลังคำว่า MUAY THAI แต่ทำไมไปร่วมแข่งอีเวนต์ของกุน ขแมร์
การแข่งขันชิงแชมป์โลกกุนขแมร์วันนั้น จบลงด้วยชัยชนะของทูน เทียรา นักชกเจ้าถิ่น สามารถชนะน็อกติอาโก้ได้สำเร็จในยกที่ 4 แต่จุดที่น่าสนใจมากๆ คือ หลังจบไฟต์ ประชาชนกัมพูชา ต่างเดินมาขอถ่ายรูปกับติอาโก้นับร้อยๆ คน อย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนเลยตอนชกมวยไทย
คนกัมพูชาประทับใจที่ติอาโก้ยืนอยู่ข้างกุน ขแมร์ ด้วยการยอมมาแข่งไฟต์นี้ โดยไม่สนใจคำขู่ใดๆ ของคนในวงการมวยไทยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงยกให้ติอาโก้เป็นฮีโร่คนใหม่ของประเทศ แม้จะชกแพ้ในไฟต์นั้นก็ตาม
เมื่อได้รับการซัพพอร์ทที่ดีจากคนกัมพูชา นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ติอาโก้ เริ่มแสดงออกชัดเจนว่า เขาจะเอนเอียงไปทางกุน ขแมร์ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าตัวเดินทางไปกัมพูชาเพื่อเทรนนิ่ง กับนักกีฬาท้องถิ่น ลงคลิปอย่างเปิดเผย
ในช่วงนั้น มีคนแซวติอาโก้ว่า แต่รอยสักที่หลังของคุณ ยังเป็น MUAY THAI อยู่นะ มาซ้อมกุน ขแมร์ แบบนี้จะดีหรือ ติอาโก้ตอบกลับไปว่า "รอก่อน เดี๋ยวลบ"
21 มีนาคม 2566 ติอาโก้ เดินทางไปที่นครวัด ไปดูภาพสลักบนกำแพงหิน จากนั้นก็พูดประโยคที่น่าตกใจขึ้นมาว่า "ศิลปะการป้องกันตัวที่ผมฝึกฝนมาตั้งแต่อายุ 16 ปี ที่ผมเรียกมันว่ามวยไทยมาตลอด วันนี้ค้นพบแล้วว่า ที่ผมฝึกมา มันคือกุน ขแมร์ ดีใจที่ได้ค้นพบว่าจุดกำเนิดมวยไทย มาจากชาวกัมพูชา" นอกจากนั้น มีการใส่เสื้อ กุน ขแมร์ และชูธงชาติกัมพูชาอย่างชัดเจน
ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้นานแล้ว ติอาโก้ จะลงแข่งขัน ศึกมวยไทย รายการ Apex Fight Series ที่เยอรมนี ในวันที่ 1 เมษายน 2566 โดยจะชกกับโจ คราเวน ชาวอังกฤษ ก่อนวันเดินทางเขาไปพบกับ ศรี จันทน รองประธานสหพันธ์มวยเขมร เพื่อไปรับเครื่องรางของขลัง จากนั้นเจ้าตัวบอกว่าจะเดินทางไปต่อสู้ในฐานะผู้เผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของกัมพูชา
ในการชก Apex Fight Series ติอาโก้ ใส่กางเกงที่มีคำว่า กุน ขแมร์ และหลังจากชนะน็อคคู่แข่งยก 2 คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ ในโมเมนต์ที่กรรมการชูมือให้คนชนะ เขาเอาธงชาติกัมพูชามาห่อหุ้มตัว เป็นการประกาศให้โลกได้เห็นว่า ศิลปะที่เขาชนะคู่แข่งได้วันนี้ คือ กุน ขแมร์
ติอาโก้ กล่าวว่า "ตั้งแต่ผมรู้จักกุน ขแมร์ ผมหลงรัก และเคารพมัน นี่คือแม่แบบของศิลปะการต่อสู้ทั้งมวล"
หลังจากติอาโก้ คว้าชัยชนะได้สำเร็จ เขาเอาเข็มขัดแชมป์บินมาที่พนมเปญ และถูกแฟนๆ รุมล้อมอย่างบ้าคลั่ง เขากลายเป็นฮีโร่แห่งชาติ คือในมุมของคนกัมพูชา มีชาวต่างชาติสักคน ต่อสู้อย่างภูมิใจด้วยคำว่ากุนขแมร์ มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีมาก
ติอาโก้ ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอบคุณกำลังใจจากคนกัมพูชา ผมรักกัมพูชา รักคนกัมพูชา และรู้สึกเหมือนกัมพูชาเป็นบ้านหลังที่สอง แน่นอนว่า กุน ขแมร์ มีต้นกำเนิดมาจากกัมพูชาเท่านั้น"
จากนั้น เขาไปให้สัมภาษณ์กับสื่อบราซิลว่า "กุน ขแมร์ มีต้นกำเนิดจากกัมพูชา หรือก็คือมวยไทยที่เรารู้จักกันนั่นแหละ"
และอีกหนึ่งการกระทำที่ชัดเจนมากๆ คือติอาโก้ เปลี่ยนชื่อในอินสตาแกรม จาก Thiago muaythai เปลี่ยนเป็น Thiago Teixeira Kun Khmer (ล่าสุดเปลี่ยนอีก เป็น Thiago Teixeira World Champion)
จะเห็นได้เลยว่า ทุกประโยค ทุกการกระทำ ของติอาโก้ เป็นการเชิดชูกุน ขแมร์ อย่างออกหน้าออกตา นอกจากนั้นยัง "ลด" คุณค่าของมวยไทยลงไป ว่าแน่ใจหรือเปล่า ว่าคุณคือต้นตำรับที่แท้จริง
แน่นอนว่า ฝั่งองค์กรมวยไทยโลก (WMO) ย่อมปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ สิ่งที่ติอาโก้ทำนั้น คุณไม่เข้าใจหรือไง ว่าคนในวงการมวยไทยเขากำลังต่อสู้อะไรกันอยู่ นาทีนี้ รักมวยไทยด้วย รักกุน ขแมร์ด้วย มันไม่ได้แล้ว
นั่นคือเหตุผลที่ WMO ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ว่า "การกระทำของติอาโก้ มีเหตุผลทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง มีเจตนาที่จะทำให้กีฬาประจำชาติของไทยเสื่อมเสีย ยุยงให้เกิดความเกลียดชังในกีฬามวยไทย และแสดงออกว่าต้องการจะเป็นตัวแทนของศิลปะการต่อสู้ กุน ขแมร์ ดังนั้น องค์กรมวยไทยโลก จึงปลดเขาจากตำแหน่งแชมป์โลก และถูกแบนจากกิจกรรมของ WMO ในอนาคตทั้งหมด"
เมื่อประกาศแบนแล้ว ติอาโก้ จะไม่สามารถลงแข่งขันทุกๆ อย่าง ที่เกี่ยวกับ WMO ได้ ทั้งในไทย และต่างแดน แม้แต่อีเวนต์เล็กๆ บนเกาะสมุยก็ทำไม่ได้ จะเป็นโปรโมเตอร์ใดๆ ก็ไม่ได้ และอนาคต สหพันธ์มวยไทยอื่นๆ อาจจะไล่แบนเขาไปจนหมดเลยก็ได้
(Note : วงการมวยไทย มีหลายสถาบัน WMO คือหนึ่งในนั้น แต่เมื่อ WMO เริ่มแบนแล้วแบบนี้ สถาบันอื่นก็ยากแล้วที่จะรับรองติอาโก้ให้มาแข่งมวยไทยอีก)
ส่วนตัวผมก็เข้าใจในมุม WMO เพราะองค์กรจะปล่อยให้กุน ขแมร์ มาเทกเครดิตดื้อๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นคนที่หากินกับมวยไทย แล้วไปประกาศตัวซัพพอร์ทกุน ขแมร์ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่าน ต้องเด็ดขาดแบบนี้ล่ะ ถูกแล้ว เพื่อทำให้เห็นเลยว่า มวยไทยเอาจริงนะ
แต่ผมก็เข้าใจในแอ็กชั่นของติอาโก้เหมือนกัน คือเขาจะไม่รู้เชียวหรือ ว่าทำแบบนี้แล้วจะโดนอะไร แน่นอน เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าโดนมวยไทยแบนแน่ แต่หักลบเหตุผลแล้ว มันอาจจะคุ้มก็ได้
ตอนที่อยู่ไทย เขาเป็นนักมวยธรรมดาที่ไม่ดังอะไร แต่พอไปอยู่กัมพูชา เขากลายเป็นฮีโร่ของชาติ และชื่อเสียงย่อมนำมาซึ่งรายได้มากมายในอนาคต ดังนั้นจากนี้ไปก็ลุยไปให้เต็มที่ด้วยศาสตร์วิชากุน ขแมร์ไปเลย ส่วนความสัมพันธ์กับมวยไทยก็จบลงแค่นี้
บทสรุปของเรื่องนี้ ผมคิดว่ากุน ขแมร์ มีตัวตนได้ เหมือนทุกๆ ศิลปะการต่อสู้บนโลก แต่คุณต้องไปหากฎกติกาของตัวเองมาซะ การหวังทางลัดด้วยการเปลี่ยนชื่อง่ายๆ บอกว่ามวยไทย หรือ กุน ขแมร์ ก็เหมือนกันนั่นแหละ แบบนี้มันง่ายเกินไป เป็นการเอาเปรียบอีกหนึ่งกีฬาที่สร้างตัวตนมาตลอดหลายสิบปี
ส่วนติอาโก้ ก็หวังว่าจะตัดสินใจถูก เขาอาจจะคิดว่ากุน ขแมร์จะเติบโตได้ในระยะยาว สามารถเป็นแหล่งทำมาหากินได้ในอนาคต และตัวเองอาจเป็นเซเล็บไปได้เรื่อยๆ หลายปี อันนั้นก็มารอดูกัน ล่าสุดเขากับครอบครัวก็ได้สัญชาติกัมพูชาแล้ว
สุดท้ายอยากบอกติอาโก้ว่า อย่าลืมลบรอยสักคำว่า MUAY THAI ที่กลางแผ่นหลังด้วยนะ
อยากเป็นศาสตราจารย์ กุน ขแมร์ แต่มีรอยสักคำว่ามวยไทยติดตัวแบบนั้น คงเป็นอะไรที่พิลึกกึกกือน่าดูเลยทีเดียว
#yourlifeYOURCHOICE
- 29
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
