Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เจ้าแว่นเล่าเรื่อง
•
ติดตาม
30 ก.ค. 2023 เวลา 00:25 • ไลฟ์สไตล์
38 ข้อคิดที่ช่วยให้เราไม่ต้องบ้าไปกับการทำงาน
ผมอยากแชร์วิธีการทำงานที่มีความสุขและสงบตามสไตล์ของ เจสัน ฟรายด์ และ เดวิด ไฮเนอไมเออร์ แฮนส์สัน สองผู้ร่วมก่อตั้ง เบสแคมป์ บริษัทซอฟต์แวร์เว็บแอปพลิเคชัน ชาวอเมริกัน ผมอยากให้ทั้งผู้ประกอบการ หัวหน้างานและพนักงานในองค์กรได้อ่าน คุณอาจจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่ตัวผมเองเห็นด้วย 100%
1. เรามีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น แต่กลับทำงานหนักเหมือนเดิม เวลาในการใช้ชีวิตคือเวลาที่เหลือเดนจากการทำงาน
2. คำพูดกินใจที่ว่า ”เราอยู่กันเหมือนครอบครัว” โกหกทั้งเพ เขาพยายามให้เราเสียสละและทุ่มเทเพื่อองค์กรที่เปรียบเป็นดังครอบครัว แต่เมื่อต้องการเอาคนออกเพื่อรักษาต้นทุน เขากลับเขี่ยคนออกง่ายๆ เราไม่ทำกับคนในครอบครัวกันแบบนี้หรอก
3. เวลาในการทำงานส่วนใหญ่เสียไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ โดยเฉพาะการประชุมและตอบแชทเจ้านาย
4. บ่นไปก็เท่านั้น มีเพียงสองคำให้เลือก คือ “ทนทำต่อไป” หรือ “พอเถอะ”
5. การนั่งในห้องประชุมคือความวิปริตในการทำงาน เหมือนหนูที่เดินตามๆ กันไปกระโดดหน้าผาตาย
6. อยากให้ลูกน้องทำตัวอย่างไร เจ้านายต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีก่อน ที่บอกว่าองค์กรนี้ให้ความสำคัญกับการจัดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว หัวหน้ายังกลับบ้านหลังเที่ยงคืน วันหยุดหรือวันพักร้อนก็ยังทำงาน แล้วลูกน้องคนไหนจะเข้าใจคำว่าสมดุลและทำงานอย่างมีความสุข มันเป็นแค่ลมปาก
7. เจ้านายบอกว่า “ประตูห้องเปิดอยู่เสมอ” แต่ไหงกลับรู้ปัญหาเป็นคนสุดท้าย อำนาจอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความไม่รู้อันใหญ่ยิ่ง
8. องค์กรที่มีมื้อเที่ยงฟรี มีออฟฟิศหรูสะดวกสบายเหมือนใช้ชีวิตอยู่บ้าน มีมื้อดึกถ้าคุณต้องอยู่ทำงานต่อ มันคือเล่ห์เหลี่ยมขององค์กรเพื่อติดสินบนให้คุณติดกับดักในการทำงานตลอดเวลา
9.ให้ผลตอบแทนแก่พนักงานอย่างสมเหตุสมผล อย่าให้พนักงานลาออกด้วยเรื่องของเงินเดือน การจ้างและฝึกคนใหม่นั้นแพงกว่ารักษาคนเก่าไว้
10. ไม่ล่ามโซ่งานให้ติดตัวไปกับพนักงานตอนพักร้อนหรือวันหยุด ปิดคอมพิวเตอร์และช่องทางในการสื่อสารทั้งหมดขณะพนักงานใช้ชีวิตส่วนตัว ไม่มีสิ่งไหนสำคัญไปกว่าคำว่า “ใช้ชีวิต” อีกแล้ว
11. การใช้แชทในการตามงาน ไม่ต้องตอบทันที เพราะมันเหมาะกับการคุยเล่นไม่เป็นทางการมากกว่า ถ้าสำคัญให้ส่งอีเมลหรือเข้ามาคุยด้วยตนเอง
12. การไม่ทำอะไรเลย ควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกเสมอ
13. เวลาไม่ใช่สิ่งที่เราบริหารจัดการได้ แต่เราจัดการตัวเราเองให้สอดคล้องกับเวลาได้
14. “ไม่” คือการปฏิเสธหนึ่งสิ่ง
“ได้” คือการปฏิเสธนับพันสิ่ง
ควรรู้ว่าคุณจะปฏิเสธอะไรดีกว่ารู้ว่าจะตอบรับอะไร
15. มองบริษัทให้เป็นสินค้า หาวิธีพัฒนาเพื่อให้พนักงานผู้ซึ่งเป็นลูกค้าได้ทำงานอย่างมีความสุข
16. เรายอมเจ็บปวดและอ่อนล้าในการวิ่ง แล้วก็วิ่ง เพื่อที่จะได้แครอทซึ่งคือผลตอบแทนที่หัวใหญ่กว่าไปเรื่อยๆ
17. อย่าเพ้อฝันเรื่องการเติบโตในหน้าที่การงานแบบก้าวกระโดด ชีวิตนี้เหมือนก่ออิฐสร้างกำแพงไปทีละก้อนทีละชั้น
18. เจ้านายมักจะพูดคำหรูๆ ว่า ให้ออกจากคอมฟอร์ตโซน เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน ไม่เจ็บก็ไม่โต มันแสดงว่าคุณยังพยายามน้อยเกินไป ยังทุ่มเทไม่มากพอ ช่างไร้สาระ ไม่ต้องเจ็บตัวเราก็ทำงานอย่างมีความสุขและอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองได้
19. เราทำงานไม่ทันทั้งที่ใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ก็เพราะการประชุมและการรบกวนจากเจ้านาย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการขโมยเวลาจากเราไป
20. พนักงาน 8 คน ประชุมร่วมกัน 1 ชั่วโมง ไม่ได้หมายความว่าเราใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง แต่เราหมดเปลืองเวลาไปถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้นการประชุมควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรนึกถึง
21. เมื่อใครมาฉกฉวยเวลาของคุณไป เขาไม่ได้เสียอะไร แต่คุณกลับเสียทุกอย่าง
22. ไม่ต้องอ่านอีเมลหรือแชทในการทำงานตลอดเวลา มันจะขัดจังหวะในการ
ทำงาน เสียพลังงานและสมาธิไปเปล่าๆ ถ้ามันสำคัญจริงเขาจะโทรหรือเดินมาหาคุณเอง ทำงานในมือคุณดีกว่า
23. คำแนะนำของเจ้านายก็คือคำสั่งดีๆ นี่เอง
24. การเสียสละทำงานดึกนั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่าไปฟัง สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่สุด ไม่มีงานไหนที่จะรอทำตอนเช้าไม่ได้ งานไม่ได้สำคัญไปกว่าการนอนเลย
25. อย่าไปสนใจข้อมูลในเรซูเม่ หรือคำสัมภาษณ์สวยหรูตอนสัมภาษณ์งาน ต้องทำงานจริง ถ้าถูกจริตก็อยู่ต่อ ถ้าไม่ ก็ไป ก็เท่านั้น
26. ไม่ต้องไปแข่งขันในการแย่งชิงคนเก่งกับองค์กรอื่น เราต้องเลี้ยงดูและสร้างคนเก่งจากในองค์กรเราขึ้นมาเอง
27. ควรมีกฎเหมือนห้องสมุดเพื่อสร้างออฟฟิศให้อยู่ในสภาพที่เงียบสงบและมีสมาธิในการทำงาน รวมทั้งการให้ความเคารพความเป็นส่วนตัวซึ่งกันและกัน
28. เมื่อมีคนลาออกหรือถูกไล่ออก องค์กรต้องชี้แจงให้พนักงานที่เหลือได้เข้าใจอย่างเป็นทางการ มิเช่นนั้นข่าวลือร้อยแปดจะตามมา
29. เจ้านายจะไม่สั่งงานหรือให้เราทดลองทำสิ่งใหม่ในวันศุกร์เพราะมันจะส่งผลรบกวนจิตใจ สร้างความกังวลและทำให้พนักงานต้องทำงานต่อในช่วงวันหยุด
30. ถามตัวเองว่าคุณอยากทำงานที่นี่ต่อไปอีก 10 ปี 20 ปี ข้างหน้าหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ให้เปลี่ยนงานใหม่ได้เลย
31. คนเราจะถดถอยและยิ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลง ถ้าใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ นานเกินไป
32. หากปราศจากกำไร ย่อมมีบางสิ่งลุกเป็นไฟตลอดเวลา เงินมอดไหม้ทำให้หมดทุน คนมอดไหม้ทำให้หมดไฟ
33. ลูกค้าที่แย่ที่สุด คือ ลูกค้าที่คุณยอมเสียไปไม่ได้ อย่าปล่อยให้ลูกค้ามีอำนาจเหนือการตัดสินใจของเรา
34. อย่าสัญญากับใครง่ายๆ เพราะคำสัญญานั้นให้ง่ายและมีราคาถูก แต่ลงมือทำนั้นยากและมีราคาแพง
35. แค่คุณทำสินค้าหรือนำเสนออะไรออกมา ก็โดนคู่แข่งเลียนแบบแล้ว
36. คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไรกับการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่ถูกบังคับมากกว่า
37. วันที่ง่ายที่สุดคือการเริ่มในวันแรกและจะยากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว
38 เมื่อคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว คุณจะนึกถึงความเนิบช้าและการอยู่ภายใต้ความควบคุมของคุณในวันคืนเก่าๆ
สิ่งเหล่านี้มันอาจจะเป็นเรื่องบ้าของใครบางคน และเป็นเรื่องปกติของใครอีกหลายคน
องค์กรที่มีวัฒนธรรมต่างกัน มีนโยบายหรือมีเจ้านายที่มีความคิดต่างกัน ย่อมมีสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ยึดถือปฏิบัติในองค์กรหนึ่งแล้วบอกว่าดี มันอาจจะดูแย่หรือเป็นเรื่องเหลวไหลในอีกองค์กรหนึ่งก็เป็นไป
ไม่ว่าคุณจะทำงานตำแหน่งไหนในองค์กร เรียนรู้ให้เยอะเข้าไว้แล้วเลือกสิ่งที่เหมาะกับองค์กรหรือสภาพการทำงานของคุณเอง หาจุดที่พอดีให้กับงานและชีวิตกันครับ
ไม่มีสิ่งไหนดีที่สุดหรือแย่ที่สุดขึ้นอยู่กับว่ามันเหมาะกับเราแค่ไหนต่างหาก
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย