17 เม.ย. 2023 เวลา 06:38 • ท่องเที่ยว

11 เรื่องเหนือเชื่อ ภาคเที่ยวโปแลนด์

ผมได้เดินทางไปเที่ยวโปแลนด์ระหว่างวันที่ 4-14 เม.ย. 2019 ซึ่งก็ถือว่าโปแลนด์เป็นประเทศที่คนไทยยังไปน้อยอยู่ เหตุผลก็ไม่ยากครับ นั่งเครื่องบินนาน ไม่มีไฟลท์ตรง คนส่วนใหญ่ก็สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องเท่าไร แต่เป็นประเทศที่น่าเที่ยวนะครับ
การเดินทางข้ามเมืองก็ไม่ยากเกินไป สามารถจบได้ที่สถานีรถไฟใหญ่ประจำเมือง หากต้องนั่งรถบัสก็สะดวก เพราะสถานีรถบัสก็จะอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ
การเดินทางนี้ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น เลยขอเขียนสรุป 11 ข้อให้อ่านในความยาวกำลังพอดี
1. วางแผนเที่ยวด้วย Google Maps
วางแผนการเดินทางด้วย GOOGLE MAPS บนหน้าจอคอม
การวางแผนเที่ยวสิ่งสำคัญสุดคือ การวางแผนเดินทางข้ามเมือง แนะนำเลยว่าใช้ Google Maps จบได้ในที่เดียว ละเอียดมาก
ยกตัวอย่างเช่น เราจะเดินทางจาก Warsaw -> Wroclaw จากนั้นให้เลือกวิธีการเดินทางแบบรถสาธารณะ ซึ่งครอบคลุมรถไฟ, รถบัส, Tram [หมายเลข 1] แล้วก็คลิกเลือกดูตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งขึ้นมาก่อน [หมายเลข 2]
ลิงค์ที่จะแสดงตัวเลือกการเดินทางทั้งหมด
จากนั้นให้เลือก Schedule Explorer [หมายเลข 3]
การแสดงผลวิธีการเดินทางแบบ TIMELINE
ทุกความเป็นไปได้ในการเดินทาง จะแสดงให้เราเห็นในลักษณะ Timeline ที่ด้านบนของหน้าต่างนี้ ก็ให้เลือก วันที่/เวลา/ตัวเลือกการเดินทาง ที่เราต้องการ ซึ่งในโปแลนด์จะมีวิธีการเดินทางข้ามเมืองหลักๆ ที่ผมจะแนะนำในข้อต่อไป
2. เดินทางข้ามเมืองต้องรถไฟของ IC กับรถบัสของ Flixbus
การเดินทางข้ามเมืองให้ใช้บริการรถไฟ IC (INTERCITY)
หลังจากที่เราเลือกวันเวลาคร่าวๆ ที่คิดจะออกเดินทาง ก็ให้เราคลิกที่เส้นวิธีการเดินทางที่เราสนใจ Google ก็จะแสดงข้อมูลแจกแจงแบบละเอียดเลยล่ะ พยายามเลือกการเดินทางที่มีการต่อรถน้อยที่สุด โดยผมแนะนำให้ใช้บริการ 2 เจ้านี้พอครับ
  • ถ้าเป็นเส้นทางจากเมืองใหญ่ไปเมืองใหญ่ แนะนำให้ขึ้นรถไฟของ IC (คล้ายการรถไฟแห่งโปแลนด์) โดยเข้าไปซื้อตั๋วที่เว็บ www.intercity.pl หรือซื้อผ่าน app IC Mobile Navigator (ตัว app จะมีแต่เป็นภาษาโปแลนด์ ^^!) ย้ำครับว่า ให้จองซื้อตั๋วออนไลน์ไปเลยนะครับ เราจะได้มีที่นั่งแน่นอน
  • ถ้าเป็นเส้นทางจากเมืองใหญ่ไปเมืองเล็ก หรือเมืองเล็กไปเมืองใหญ่ ให้ใช้บริการ Flixbus เข้าไปซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ https://global.flixbus.com/bus/poland หรือ app Flixbus (แนะนำ ใช้งานง่ายดี)
พวกตั๋วรถ เราไม่จำเป็นต้องพิมพ์ออกมาก็ได้ครับ เซฟเก็บไว้ในเครื่องเป็นไฟล์ PDF หรือเป็นรูปก็ได้ ขอให้มีบาร์โค้ดแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจก็พอ ถ้าซื้อผ่าน app ยิ่งดีครับ ตั๋วเดินทางก็จะบันทึกอยู่ใน app เลย
ประเภทรถไฟของ IC ก็จะมี
  • IC (Intercity): รถไฟจอดหลายสถานีหน่อย
  • EIP (Express Intercity Premium): รถไฟขบวนด่วนหน่อย หรูกว่า IC แต่อาจไม่ได้ใช้เวลาเดินทางเร็วกว่าแบบ IC นะ
ดังนั้นเอาจริงๆ แล้ว การวางแผนเดินทางข้ามเมือง เราแค่เข้าเว็บ/app ของ IC กับ Flixbus ก็ครอบคลุมการเดินทางทั่วประเทศแล้วครับ
ยกตัวอย่างเช่น ผมมีทริปที่ต้องเดินทางจาก ซาโคปาเน่ (Zakopane) ไปวอร์ซอว์ (Warsaw) ตอนแรกก็ลองใช้ Google Maps ดูวิธีการเดินทาง แต่ว่ามันต้องต่อรถเยอะมาก หากอยากไปถึงแบบต่อเดียว ก็ต้องนั่งรถบัสนานมากๆ ผมจึงเลือกแบ่งการเดินทางเป็น ซาโคปาเน่ -> คราเคา (Krakow) -> วอร์ซอว์
  • ซาโคปาเน่เป็นเมืองเล็ก คราเคาเป็นเมืองใหญ่ ดังนั้นให้เลือกเดินทางด้วยรถบัส Flixbus
  • จากคราเคาเป็นเมืองใหญ่ ไปวอร์ซอว์เมืองใหญ่ ดังนั้นให้เลือกเดินทางด้วยรถไฟ IC
ดูเวลาจากเว็บไซต์ทั้ง 2 ลิงค์ที่ผมบอกไปด้านบน มาประกอบวางแผนการเดินทาง ก็จะทำให้ถึงจุดหมายปลายเร็วขึ้น
ไม่ต้องกลัวเรื่องการต่อรถไฟไปรถบัสด้วยครับ เพราะส่วนใหญ่สถานีรถไฟกับสถานีรถบัสจะอยู่ใกล้ๆ กัน เดินชิวๆ ก็ประมาณไม่เกิน 10 นาที
3. ชักโครกมีระบบประหยัดน้ำทุกห้อง
ปุ่มกดชักโครกที่มีระบบใช้น้ำน้อย
สิ่งที่น่าชื่นชมในโปแลนด์ ห้องน้ำจะมีปุ่มให้เลือกกดแบบประหยัดน้ำทุกห้องและทุกที่ แม้ที่ห้องน้ำสาธารณะก็จะพบปุ่มให้เลือกระบายน้ำแบบประหยัดด้วยเช่นกัน รูปแบบปุ่มกดก็ดูน่าสนใจด้วยครับ
4. พัก Airbnb ไม่ต้องรอกุญแจจากเจ้าของห้อง
ตัวกดรหัสเข้าห้องที่ตัวจับเปิดประตู
ทริปโปแลนด์สำหรับเมืองเล็กๆ ผมจะเลือกพัก Airbnb วิธีการเข้าห้องชอบมากครับ เพราะทางโฮสต์จะบอกโค้ดรหัสในการเปิดประตูมาให้ทางแชทของ app Airbnb จากนั้นพอเข้าไปในห้อง ก็จะมีกุญแจสำหรับเปิดห้องให้ตามปกติ แต่ถ้าไม่อยากพกกุญแจ ก็ขยันจำโค้ดรหัสหน่อย คิดว่าคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงโค้ดทุกๆ สัปดาห์หรือทุกเดือนมั้งครับ ไม่งั้นคนเคยพักก็แอบเข้าไปได้เนอะ
บ้านที่จองกับ AIRBNB ในคืนที่เที่ยวเมืองซาโคปาเน่
ที่พัก Airbnb จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และมีสไตล์ที่แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น แนะนำเลยว่า หากเป็นเมืองรีสอร์ท หรือเมืองเล็กๆ ให้ลองมองพัก Airbnb จะทำให้ทริปนั้นดูน่าจดจำขึ้นเยอะเลยครับ
5. ใบเสร็จผอมมาก
ใบเสร็จสุดผอมที่ได้จากร้านขายไอติม
ช่วงที่ไปอากาศกำลังหนาวได้ที่ พอผ่านร้านไอติมมันดูน่ากินมาก เลยจัดมากินซะเลย ให้มันหนาวตื่นตัว และรู้สึกตื่นตาเมื่อได้เห็นใบเสร็จผอมมาก ดูน่ารักไปอีกแบบ
6. Lime-S สกูตเตอร์ขี่กันให้ว่อน
LIME-S สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่คนโปแลนด์ใช้กัน
รถสกูตเตอร์ไฟฟ้าในโปแลนด์จะเป็นพาหนะที่เชื่อมการเดินทางระหว่างจุดย่อยๆ เรียกว่า Lime-S หากอยากใช้งาน ต้องสแกนบาร์โค้ดที่อยู่ตรงหัวคันบังคับ แล้วทำตามขั้นตอนเพื่อปลดล็อค จากนั้นก็บรื้นๆ ขับไปไหนได้สะดวกสบาย จอดที่ไหนก็ได้ไม่ต้องกลัวขโมย เพราะมีระบบ GPS คอยติดตาม
7. รถจอดบนทางเท้า
การจอดรถบนทางเท้าที่ถูกกฎหมายของโปแลนด์
ตามแต่ละเมือง ถ้าเห็นรถยนต์เกยล้อขึ้นมาจอดบนทางเท้า ไม่ต้องแปลกใจ มันเป็นเรื่องปกติ แต่จะดูว่าทางเท้าไหนจอดได้ อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
8. Wroclaw เมืองน่ารัก
เมืองวรอชวาฟมุมริมแม่น้ำมองเห็นบริเวณย่าน OSTROW TUMSKI
เมือง Wroclaw / วรอชวาฟ (วะ-รอ-ชะ-วาบ-ฟ) เป็นเมืองที่ได้รับรางวัล European Best Destination 2018 ทำให้อยากได้ลองมาเที่ยวเมืองนี้ดูว่าสมกับรางวัลจริงหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือ ชอบมากๆ เลย
คนแคระประจำเมืองวรอชวาฟ
เมืองนี้จะมีไฮไลท์ที่มีแม่น้ำตัดกลางเมือง เพิ่มมนเสน่ห์ด้วยโบสถ์หอคอยคู่สุดแสนจะโรแมนติกมากๆ เป็นเมืองแห่งวัยรุ่นวุ่นรัก เต็มไปด้วยสีสันความหนุ่มสาววัยมัน เด็กๆ ก็เยอะ แถมมีเกมให้ตามล่าคนแคระตามแต่ละที่ในเมืองอีกด้วย จะต้องตกใจว่า คนแคระอยู่เกือบทุกที่จริงๆ!
9. กินอาหารสไตล์ Canteen
ร้านอาหารที่ประทับใจที่สุดของทริปนี้
มื้ออาหารเช้าที่ยุโรป หากต้องการหากินเอง คงจบที่แซนด์วิช แต่โชคดีมากที่เดินไปเจอร้านอาหารของมหาวิทยาลัยวรอชวาฟ อาหารหลากหลาย เมนูสุขภาพมากๆ ขอแชร์โลเคชัน เผื่อใครที่ได้มีโอกาสแวะมาเมืองนี้ แล้วอยากกินอาหารอร่อย บรรยากาศดี ต้องที่นี่เลย ให้ 5 ดาว แน่นอนมีเกี๊ยวโปแลนด์ให้ได้ลิ้มลองหลากแบบด้วย 😛
10. ขึ้นรถ Tram หรือรถเมล์ฟรี
รถสาธารณะที่เข้าใจว่าขึ้นฟรี
ในข้อมูลจากที่อ่านมาคือ เวลาจะขึ้นรถบัสหรือ Tram จะต้องไปซื้อบัตรที่ร้านขายของตามตู้ Kiosk แต่ของจริงคือ ต้องไปซื้อจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติซึ่งตั้งอยู่ตามป้ายรถประจำทาง แต่มีอยู่ไม่ทุกป้าย แล้วจะทำอย่างไรหากอยากขึ้นแต่ไม่มีที่ซื้อตั๋ว ง่ายมากครับ ก็โดดขึ้นฟรีเลย คนโปแลนด์เองก็เหมือนกันจะไม่ค่อยมีใครจ่ายเงินด้วย ผมเลยคิดว่ารถประจำทางที่นี่เค้าคงขึ้นฟรีกันมั้ง ก็เห็นมีบางคนก็ไปสแตมป์บัตรกับเครื่องลงวันที่เหมือนกันนะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่จ่ายน่ะ ผมเลยสรุปว่า ขึ้นฟรี ^^
11. ค่าเน็ตถูกมาก
ซิม ORANGE ที่ราคาแค่ 50 บ ใช้งานได้ 6 GB
ค่าเน็ตที่นี่ถูกมากๆ แค่ 5 Zloty (ซะรอตติ) หรือคิดเป็นเงินไทยง่ายๆ ก็คูณ 10 เท่ากับ 50 บาท ใช้งานเริ่มต้นได้ 6 GB ตลอดทริปคือ จ่ายแค่นี้จริงๆ สปีดก็ไม่ได้ถูกลด เคสนี้ผมเลือกใช้ของ Orange นะ
แนะนำให้ไปซื้อซิมที่สนามบิน หรือสถานีรถไฟใหญ่ เพราะซิมที่นี่ ซื้อแล้วใช้งานเลยไม่ได้ ต้อง Activate ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ส่งมาเป็น SMS ภาษาโปแลนด์ ต้องให้คนขายซิมช่วย หากไปซื้อร้านเล็กๆ จะไม่ค่อยรู้เรื่อง หาร้านที่อยู่ในสถานีรถไฟหลักของวอร์ซอว์ (Warszawa Centralna) จะดีที่สุด
  • แถมอีกนิด
ผมต้องเสียเวลาไปสถานทูตโปแลนด์ 2 รอบ เหตุเพราะเลือกกรอกฟอร์มผิดประเภท การไปเที่ยวโปแลนด์ระยะเวลาสั้นๆ ให้ใช้ฟอร์ม Schengen โดยเข้าไปที่เว็บ https://secure.e-konsulat.gov.pl/ เพื่อจองเวลายื่นเอกสารขอทำวีซ่า
หน้าเว็บขั้นตอนเลือกฟอร์มที่จะยื่นขอวีซ่า ไปเที่ยวให้เลือก SCHENGEN
เลือกเปลี่ยนภาษาเป็นอังกฤษตรงมุมขวาบนของเว็บ > เลือก Thailand > เลือก Bangkok > จากนั้นจะขึ้นหน้าเว็บตามรูปด้านบน ให้เลือกลิงค์ Schengen Visa ในการกรอกข้อมูลขอวีซ่า (ลิงค์ที่ทำกรอบสีเหลือง) ไม่เช่นนั้นจะถูกเจ้าหน้าที่ไล่ให้ไปกรอกข้อมูลใหม่เหมือนผม T_T
โฆษณา