20 พ.ค. 2023 เวลา 06:04 • หนังสือ

A little part of book : The Psychology of Money

The Psychology of Money : จิตวิทยาว่าด้วยเงิน
Morgan Housel : เขียน
ธนิน รัศมีธรรมชาติ : แปล
ธนพร ศิริอัครกรกุล : บรรณาธิการ
สำนักพิมพ์ : Live Rich
เงิน (น.) สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ผู้คนใช้อยู่ทุกวัน แต่มีเพีนงน้อยคนที่เข้าใจ
การทำงานของมันอย่างถ่องแท้ - บรรณาธิการ -
จงเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะตัวคุณเองเท่านั้นคือผู้ควบคุม
มหาตะมะ คานธี
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราหลายคนห่วยแตกในเรื่องการออมและลงทุนเพื่อการเกษียณ พวกเราไม่ได้บ้า พวกเราแค่เป็นเมือใหม่
เราทุกคนทำเรื่องบ้าๆกับเงินเพราะเรายังเป็นมือใหม่ในเกมนี้และสิ่งที่ดูบ้าสำหรับคุณอาจดูสมเหตุสมผลสำหรับผม แต่ไม่มีใครเลยที่เป็นบ้า
เราทุกคนล้วนตัดสินใจด้วยพื้นฐานประสบการณ์เฉพาะตัวของแต่ล่ะคนที่ดูเหมือนจะเข้าท่าสำหรับพวกเราในช่วงเวลานั้นๆ
1.ไม่มีอะไรได้มาพรี
 
- ทุกสิ่งทุกอย่างมีราคาของมัน แต่ป้ายราคานั้นไม่ได้ปรากฎอยู่ในทุกสิ่ง -
ความท้าทายที่ใครบางคนกำลังเผชิญอยู่บนสังเวียนมักจะมองไม่เห็นจากมุมมองของผู้ที่ยืนอยู่ในฝูงขน
2.ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็น
เงินเป็นเรื่องที่มีความน่าขันอยู่มาก สิ่งสำคัญเลยคือความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่คุณมองไม่เห็น
ถ้าคุณเห็นรถเฟอร์รารี คุณอาจสันนิษฐานว่าเจ้าของรถคนนั้นคือคนรวยแม้ว่าคุณจะไม่ได้สนใจเขามากขนาดนั้น
มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จระดับพื้นๆ แต่ใช้เงินมหาศาลจากเงินเดือนไปกับการซื้อรถหรู (รวมถึงพวกของหรูๆด้วย)
ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณมองไม่เห็นครับ
มันคือรถหรูที่ไม่ได้ซื้อ เพชรที่ไม่ได้จ่าย นาฬิกาที่ไม่ได้ใส่ เสื้อผ้าเก่าและการปฏิเสธการอัปเกรดที่นั่งเครื่องบิน
ความมั่งคั่งคือ'สินทรัพย์ทางการเงินที่ยังไม่ได้ถูกแปรสภาพไปเป็นสิ่งของที่คุณเห็น'
คุณไม่สามารถตีความสิ่งที่คุณมองไม่เห็นได้
ความร่ำรวย คือสถานะรายได้ในปัจจุบัน บางคนขับรถราคา 2,000,000 ก็แทบเรียกว่าคนรวยได้แล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นหนี้รถแต่เขาก็จำเป็นต้องมีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถจ่ายค่างวดได้
แต่ความมั่งคั่ง นั้นถูกซุกซ่อนอยู่ มันคือรายรับที่ไม่ได้ถูกจ่ายออกไป มันคือทางเลืกที่ยังไม่ได้ถูกนำไปซื้ออะไร คุณค่าที่แท้จริงของมันอยู่ที่การทำให้คุณมีทางเลือก มีความยืดหยุ่น และงอกเงยมากพอที่จะทำให้คุณซื้อของได้มากว่าวันนี้
3.เก็บออม
เมื่อมีรายได้ในระดับหนึ่ง คนจะถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ กลุ่มที่ออมเงิน กลุ่มที่ไม่คิดว่าตัวเองต้องออมเงินได้ และกลุ่มที่คิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องออมเงิน
การสร้าความมั่งคั่งนั้นแทบไมได้เกี่ยวอะไรกับรายได้หรือผลตอบแทนจากการลงทุนเลย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ'อัตราการออม'
ผลตอบแทนจากการลงทุนสามารถทำให้คุณรวยได้ แต่กลยุทธ์ในการลงทุนนนั้นจะได้ผลนานแค่ไหน ตลาดจะให้ความร่วมมือหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสงสัย ผลลัพธ์เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แต่การออมและควานมมัธยัสถ์ส่วนบุคคล เป็นส่วนหนึ่งยองสมการที่คุณสามารถควบคุมได้มากกว่าและมันมีโอกาสที่จะส่งผลต่ออนาคตของคุณ 100%
ความมั่งคั่งเป็นเพียงแค่การสะสมของเงินที่ยังคงเหลืออยู่หลังจากคุณใช้จ่าย่ คุณจะไม่มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้เลยหากคุณมีอัตราการออมที่ต่ำ
4.เซอร์ไพรส์
ประวัติศาสตร์คือการศึกษาความเปลี่ยนแปลงในอดีต น่าขันที่มันถุกใช้เป็นแผนที่เพื่อนำทางไปสู่อนาคต
มีเรื่อหนึ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักคิดไปเอง"นักประวัติศาสตร์คือนักพยากรณ์"
ความเข้าใจผิดนี้ครับคือการเชื่อเอาเองว่าข้อมูลในอดีตเป็นสัญญาณของเงื่อนไขในอนาคต
มันไม่ใช่ความล้มเหลวของการวิเคราะห์ข้อมูลนะครับ หากแต่คือความล้มเหลวของการจินตนาการต่างหาก
การตระหนักถึงอนาคตที่อาจมีหน้าตาไม่เหมือนในอดีตคือทักษะพิเศษที่หาไม่ได้ทั่วไปในสังคมของการคาดการณ์การเงิน
บทเรียนที่ถูกต้องอย่างแท้จริงซึ่งเราได้เรียนรู้จากเรื่องไม่คาดฝันคือ โลกนี้มีเรื่องให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ
นั้นเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรใช่เรื่องไม่คาดฝันในอดีตมาเป็นตัวชี้นำขอบเขตในอนาคต กลับกันครับเราควรใช้เรื่องไม่คาดฝันในอดีตเพื่อที่จะยอมรับว่า เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
5.คุณจะเปลี่ยนไป
มันต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนกัน ในการเติมเต็มเส้นทางที่เริ่มต้นจากศูนย์ และพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุดของเป้าหมายที่คุณตั้งไว้
รากฐานของจิตวิทยามาจากการที่ผู้คนนั้นเป็น'นักทำนายตัวเองที่ไม่ได้เรื่อง'
เราจิตนาการถึงเป้าหมายที่ง่ายและสนุกเก่งเหลือเกินครับ(บางทีก็มากเกินไปมาก)
แต่การจิตนาการถึงเป้าหมายในบริบทของความตรึงเครียดแห่งชีวิตจริงควบคู่ไปกับการได้มาที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันนั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิญ
ตัวคุณในวัย 30 อาจคิดถึงเป้าหมายชีวิตในแบบที่ตัวคุณในอายุ 18 ปีไม่สามาาถจินตนาการได้
พวกเราไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่สามารถรู้อนาคต อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับครับคือ ตัวคุณเองในวันนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวคุณในอนาคตจะต้องการอะไร
ความจริงอีกอย่างคือ น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจในระยะยาว เมื่อมุมมองที่คุณมีต่อสิ่งที่คุณต้องการจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา
ทั้ง 5 เรื่องข้างบนครับเป็นเพียง 1/4 หรือ 5 ใน 20 เรื่องเท่านั้น
ทั้ง 5 เรื่องข้างบนครับเป็น เรื่องที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะการที่ได้รู้ว่าความมั่งคั่งคือสิ่งที่มองไม่เห็น มันทำให้ผมตาสว่างเลยครับ เหมือนผมได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่มันมีอยู่แล้วแต่ผมเพิ่งรู้อ่ะ
อีกอย่างหนึ่งครับนี้คือหนังสือที่เปลี่ยนความคิดที่ผมมีต่องานเป็นอย่างมาก นอกจาก WEALTH THINK แล้วก็เล่มนี้แหละครับที่แนะนำ
สำหรับใครที่อยากได้หนังสือหรืออยากเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับโลกการเงินแล้วล่ะก็ หนังสือเล่มนี้คือเล่มแรกที่คุณควร(ต้อง)อ่าน รับรองครับว่าคุณจะไม่มีทางผิดหวัง
อย่างลืมนะครับ ความมั่งคั้งคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น ขอบคุณมากครับ
อ่อ...แล้วก็..อดีตใช้ทำนายอนาคตไม่ได้นะครับ ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน
โฆษณา