23 เม.ย. 2023 เวลา 02:55 • ธุรกิจ

Deestone ยางรถยนต์แบรนด์ไทย ยอดขาย 20,000 ล้าน

หากพูดถึง “ยางรถยนต์” หลายคนน่าจะนึกถึงแบรนด์จากต่างประเทศอย่าง Bridgestone, Michelin, Goodyear
แต่ความจริงแล้ว ประเทศไทยของเรา ก็มีบริษัทที่ผลิตแบรนด์ยางรถยนต์เป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน
โดยแบรนด์ที่ว่านี้คือ Deestone หรือ ดีสโตน
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้มีรายได้
เกือบ 20,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
เส้นทางของ ดีสโตน เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของยางดีสโตน
เกิดขึ้นเมื่อ คุณสุวิทย์ วงศาริยวานิช เรียนจบวิศวกรรมทางเคมี เขาก็เริ่มต้นธุรกิจขายยางรถยนต์ ในปี 2518
โดยในตอนแรกเป็นเพียงการนำยางรถยนต์แบรนด์อื่น
มาขาย ไม่ได้มีแบรนด์ยางรถยนต์เป็นของตัวเอง
พอทำไปได้สักพัก คุณสุวิทย์มองว่า ทำไมยางรถยนต์ในประเทศไทย ถึงมีแต่แบรนด์ต่างชาติ ยังไม่มีบริษัทยางรถยนต์เป็นของคนไทยเอง
ทั้งที่ประเทศไทยก็ถือเป็นประเทศที่ผลิตยางพาราเยอะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญในการผลิตยางธรรมชาติ
ดังนั้น ถ้าคนไทยจะผลิตยางรถยนต์ขึ้นมาเอง ก็น่าจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องต้นทุน
เพราะสามารถเข้าถึงยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ในการผลิตยางล้อได้ง่าย และในราคาต่ำกว่า
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณสุวิทย์จึงก่อตั้ง บริษัท ดีสโตน จำกัด เพื่อเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ แบรนด์แรกของคนไทยขึ้นมาในปี 2520
แต่นอกจากการตั้งอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบแล้ว อีกประเด็นที่คุณสุวิทย์มองเห็น คือ เรื่องที่ตั้งทางจุดยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาคของไทย ที่รายล้อมไปด้วยประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV อย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
เรื่องนี้ช่วยให้ ดีสโตน สามารถเข้าถึงแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ซึ่งหมายถึงต้นทุนที่ต่ำกว่า
ต้องบอกว่า ด้วยการมองการณ์ไกลของคุณสุวิทย์ในวันนั้น
มาวันนี้ จากรายงานของ Frost & Sullivan ดีสโตน ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติไทย ที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศ ไปเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน ดีสโตน ประกอบธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และส่งออกยางล้อสำหรับยานพาหนะประเภทต่าง ๆ
ภายใต้หลากหลายแบรนด์ เช่น Deestone, D-Master, Thunderer และ BLUHORSE
นอกจากจะผลิตสินค้าแบรนด์ของตนเองแล้ว
ดีสโตน ยังมีการผลิตยางล้อให้กับลูกค้าบางกลุ่ม
หรือที่เรียกว่า Private Brand อีกด้วย
1
ปัจจุบัน กำลังการผลิตของดีสโตนอยู่ที่ประมาณ 340,000 ตัน โดยบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไปอยู่ที่ 450,000 ตัน ในปี 2569
เราลองมาดูผลประกอบการ ในช่วงที่ผ่านมาของ
บริษัท ดีสโตน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- ปี 2562 รายได้ 18,487 ล้านบาท กำไร 1,788 ล้านบาท
- ปี 2563 รายได้ 18,914 ล้านบาท กำไร 2,994 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 19,132 ล้านบาท กำไร 1,374 ล้านบาท
1
จะเห็นได้ว่า รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของกำไร เราจะเห็นได้ว่า มีความผันผวนในระดับหนึ่ง
นั่นเป็นเพราะว่า ธุรกิจมีต้นทุนหลักมาจากยางธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ราคาจะมีความผันผวนค่อนข้างสูง
โดยเฉพาะในปี 2564 ที่กำไรลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากการเพิ่มขึ้นของราคายางธรรมชาติ, ยางสังเคราะห์
รวมไปถึงวัสดุอื่น ๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจาก ดีสโตน มีรายได้มาจากต่างประเทศมากถึง 74% เลยทีเดียว
โดยหากเราแบ่งสัดส่วนรายได้ ตามประเภทสินค้าของบริษัท จะแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
- ยางเรเดียล สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
และรถบรรทุกขนาดเล็ก 36.8%
- ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร 29.7%
- ยางไบแอส สำหรับรถและเครื่องจักร ที่ใช้ในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม 23.7%
- ยางรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน 9.8%
ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันดีสโตน กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอน จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย หรือ IPO
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
หากเราลองคำนวณมูลค่าบริษัทง่าย ๆ
โดยใช้กำไร ปี 2564 นำไปคูณกับ PE เฉลี่ยจาก
บริษัทยางรถยนต์ระดับโลกอย่าง Michelin, Bridgestone, Goodyear รวมถึงบริษัท ฮั้วฟง รับเบอร์ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย
บริษัท ดีสโตน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
จะมีมูลค่ามากถึง 16,240 ล้านบาทเลยทีเดียว..
เปิดบัญชีหุ้นกับ Finansia ที่มีชื่อเสียงในการจัดสรรหุ้น IPO ให้กับลูกค้า หากเราอยากลงทุนซื้อหุ้น ร่วมเป็นเจ้าของกิจการในตลาดหุ้นไทย เราสามารถเปิดบัญชี Finansia ง่าย ๆ อนุมัติไวภายใน 8 นาที คลิกได้ที่ลิงก์ bit.ly/FinansiaxLongtunman
References
-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการของบริษัท
โฆษณา